รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 1 กันยายน 2014 
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

1คร 2:1-5………

 

1พี่น้องทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ามาพบท่าน ข้าพเจ้ามิได้มาประกาศธรรมล้ำลึกเรื่องพระเจ้าโดยใช้สำนวนโวหาร หรือโดยใช้หลักเหตุผลอันฉลาดปราดเปรื่อง 2ข้าพเจ้าตัดสินใจว่าจะไม่สอนเรื่องใดแก่ท่านนอกจากเรื่องพระเยซูคริสตเจ้า คือพระองค์ผู้ทรงถูกตรึงกางเขน 3ข้าพเจ้ายังอยู่กับท่านด้วยความอ่อนแอ มีความกลัวและหวาดหวั่นมาก 4วาจาและคำเทศน์ของข้าพเจ้ามิใช่คำพูดชวนเชื่ออย่างชาญฉลาด แต่เป็นถ้อยคำแสดงพระอานุภาพของพระจิตเจ้า 5เพื่อมิให้ความเชื่อของท่านเป็นผลจากปรีชาญาณของมนุษย์ แต่เป็นผลจากพระอานุภาพของพระเจ้า

 


 
อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
 

• “ข้าพเจ้าเชื่อเพื่อจะได้เข้าใจ ไม่ได้เข้าใจเพื่อจะเชื่อ และเพราะรักจึงอยากรู้จักจริงๆ ปริ๊งตั้งแต่แรกพบ พบคนที่คิดว่าใช่ ที่เหลือคือความพยายาม”...

• บ่อยครั้งเราคิดว่าความเชื่อเป็นของเรา เราเป็นเจ้าของความเชื่อ เราต้องมีความเชื่อให้มากขึ้น เราต้องพยายามเชื่อให้มากขึ้น... เราต้องพยายาม ต้องพยายาม...

• ไม่ใช่นะครับ เพราะอันที่จริง ความเชื่อมาจากพระเจ้า ไม่ใช่ของเรา มีบางคนพยายามเรียนพระคัมภีร์มากๆ เรียนเทววิทยามากๆ และคิดว่าเรียนมากๆ รู้มากๆจะได้เชื่อมั่นคงและมากขึ้นคงไม่ใช่เช่นนั้นครับ

 

• ความเชื่อมาจากพระเจ้า พระองค์ทรงประทานความเชื่อให้กับเรา เพื่อเราจะได้รับความเชื่อและได้เป็นบุตรของพระองค์ พระองค์ประทานความเชื่อให้เราแล้ว จากนั้น เราต้องพยายามรู้จักพระองค์ให้มากขึ้น พยายามที่จะแสวงหาความเข้าใจให้มากขึ้นครับ... ความเชื่อเปรียบเหมือนอะไร ความเชื่อกับความรักและความหวังก็เป็นหนึ่งเดียวกันครับ... พ่อจะเปรียบประสบการณ์ให้ฟัง...
-สมัยพ่อเป็นสามเณรเล็ก ชั้น ม.6 พวกราออกไปหากิจกรรมทำเพื่อการจบปีการศึกษา และจบการศึกษาจากโรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์... เวลานั้น ไม่มียอแซฟหญิงเช่นปัจจุบัน...แน่นอนครับ เวลานั้นสมัยพ่อเรียน โรงเรียนเรามีแต่ชายล้วนๆ
-พ่อมีเพื่อนเณรคนหนึ่งที่สนิทกัน ขอสงวนนาม... เก็บไว้แต่ประสบการณ์ของเขาที่ทำให้เราทุกคนเข้าใจความเชื่อ ความรักของเรา
-พวกเราชั้นปีนั้น เราทำการด์ขายครับที่เรียกว่า ส.ค.ส. ออกตะเวนขายตามโรงเรียนต่างๆ อย่างที่รุ่นพี่ๆเขาเคยทำเพื่อ “หาทุน” มาเป็นโอกาสทำกิจกรรมของรุ่น และเพื่อหาทุนมาซื้อของขวัญที่ระลึกของรุ่นเรา ไม่ว่าจะเป็นตู้ทำน้ำเย็น แป้นบาส ฯลฯ เท่าที่กำลังจะสามารถ ขอให้มีชื่อรุ่นของเราติดไว้ก็เทห์มากแล้ว...
-และแล้ววันหนึ่ง พวกเราออกไปขายกันที่โรงเรียนของรัฐบาลใกล้เคียงแถวสามพรานนี่แหละครับ... โรงเรียนนี้มีนักเรียนหญิงด้วย... โห เขิน ไม่เคยเจอ เรากับเพื่อนๆโดยเฉพาะเณรทั้งหลาย “ตื่น ตื่นเต้น” ครับ ไม่ค่อยได้เคยเจอนักเรียนหญิงระยะประชั้นชิด
-เราได้ไปขายการ์ดที่เราทำในชั้น ม.6 ของเขา มีนักเรียนหญิงหลายคนหน้าตาดีๆสวยๆ เยอะเลยครับ (จริงๆก็ไม่มากหรอก แต่มันตื่นตาตื่นใจมากกว่า)
-ครับ เราได้ไปพบ ไปร่วมกิจกรรมนิดหน่อย และแล้ว เพื่อนเณรของพ่อคนหนึ่งก็ “ตก ตก ตกหลุมสะดุดรัก” หรือที่เรียกกันว่าปิ๊งๆๆๆๆ เลยครับ
-สาวเจ้าสวย สูง สง่า เด่นกว่าใครๆ เล่นเอาเราโรงเรียนชายล้วนๆ เดินกันขาขวิดขาปัดกันเลยครับ... เพื่อของพ่อคนนั้น เขามีอาการพบรักแรกพบ มีอาการเหมือนจุกหน้าอก ใจสั่น เสียงหัวใจตุ้บๆๆ มันบอกว่า “ใช่” เขาเริ่มออกอาการกระวนกระวาย ตกลงจะบวชต่อไปไหมเนี่ย... จะเป็นเณรต่อไปไหมเนี่ย...
-แค่แว๊บเดียวที่ได้ไปเจอกัน เล่นเอาเพ้อเจ้อไปเลย ใจลอย เดินสะกดรอยเท้าได้เลยใจลอยเหมือนขาดสติ... อยากรู้ อยากเห็นชื่อ อยากรู้จัก หนอยแน่ไปขายส.ค.ส.แค่ครึ่งวัน เจ้าเพื่อนเราหลงใหลไปไกลเกินกู่ ก็ปิ๊งแล้วนี่ เพื่อนๆ ก็แซวกันใหญ่ เจ้าเพื่อนก็ไม่เบา ออกตามหายามช่วงเวลาพัก เดินไปเฉียดอยากเห็นชื่อที่ปักอยู่บนเสื้อ
-สมัยนั้น ไม่มีโทรศัพท์มือถือครับ... เพื่อนพ่อหายไปพักใหญ่...นั่นๆๆๆ เอามาจนได้... ได้ชื่อ ได้นามสกุล “เก่งจริงๆ”
-เมื่อหมดเวลากิจกรรมขายการ์ดที่นั่น พวกเราก็ต้องกลับโรงเรียน กลับบ้านเณร... (ถ้าขืนให้อยู่ต่ออีกครึ่งวัน เพื่อพ่อคงไปหาได้ชื่อพ่อแม่พี่น้องของสาวสวยคนนั้นมาด้วยกระมัง) ครับนั่งรถกลับก็มีอาการ “ซึม เศร้า ใจลอย ตาเหม่อ เพ้อๆนิด รำพันว่ายากเจออีก อยากรู้จัก อยากรู้จัก อยากคุย อยากรู้จัก... อยากรู้ อยากรู้จริงๆ” ถ้าเป็นภาษาปัจจุบันคงต้องบอกว่า “สวยอ่ะ ชอบอ่ะ”
-กลับมาก็ค้างคาใจไปหลายวัน เพ้อๆ งุ่นง่าน ฟังเพลงแต่ละเพลงถ้ามีคำว่า “รัก” ก็ ดูใจลอย พิมพ์งานไปก็เหม่อลอยไม่ได้ขาด... ที่สุด เจ้าก็ต้องพยายามต่อไป หาทางต่อไป เพื่อติดต่อ เพื่ออยากรู้จริงๆ ลูกสาวใครทำไมถูกใจปิ๊งๆๆๆ
-เวลาผ่านไป เพื่อนเราก็ “สามารถ” ได้มีโอกาสเข้าใจ เวลาผ่านไป ก็ค่อยๆห่างไป จบไป ความเพ้อไป

 

• พ่อเห็นชัดว่า ถ้าเราได้เริ่มด้วยความรักความรู้สึกว่าใช่จึงปรารถนาจะรู้จักให้มากที่สุด เจอกันได้ก็ได้ที่สุด คุยกันได้ก็สุดยอด...โห ไฟความรักโหมจนต้องเผาผลาญความจำกัดทั้งหลายที่เป็นอุปสรรคให้รู้จักเธอ... เอาเข้าไป “แอบรักแล้วจึงอยากรู้จักจริงๆ” ไม่เล่าต่อแล้ว เพราะต่อไปไม่ใช่ประเด็นของประสบการณ์ที่ต้องการนำเสนอ...

• ครับ “ความเชื่อก็แบบนี้” พระเจ้าประทานความเชื่อให้กับเรา เพราะเราเชื่อ เรารักพระองค์ เราจึงต้องแสวงหาที่จะรู้จักพระองค์ อยู่ใกล้พระองค์

• ไม่ใช่เรื่องของวาจาโวหาร หรือความพยายาม แต่เริ่มจากความเชื่อ ความรัก และความหวังต่างหากครับ...

• อ่านพระวาจาวันนี้แล้วจะเข้าใจครับ ว่าทำไมพ่อจึงเล่าเรื่องน่ารักของความรักของเพื่อนให้ฟังครับ...

• ความเชื่อของเราในพระเจ้าก็เป็นเช่นเดียวกัน... ความเชื่อไม่ได้เป็นผลมาจากปรีชาญาณของมนุษย์เลยครับแต่เป็นผลมาจากอนุภาพของพระเจ้าจริงๆ

• อานุภาพความเชื่อ อานุภาพความรัก และอานุภาพความหวัง มาจากพระเจ้า เราต้องเจริญชีวิตตอบสนองและแสวงหาที่จะเชื่อ รัก และหวังในพระองค์ต่างหาก
-ไม่ใช่คนเก่งที่จะมีความเชื่อ หรือจะมีความเชื่อมากกว่า
-แต่คนที่ได้รับความเชื่อ ความรัก ย่อมจะต้องพยายามสุดกำลังให้ได้รู้จักพระเจ้า และเพื่อให้ได้พบพระองค์ให้ได้ครับ...
-พระเจ้าอวยพรครับ...(อ้อ ลืมบอกเพื่อนของพ่อคนนั้น เขาออกไปมีครอบครัวในที่สุด เขาเป็นพ่อบ้านที่รักภรรยาและมีลูกน่ารักด้วยครับ แต่ไม่ใช่เจ้าสาวน้อยคนนั้นที่ได้พบเพ้อหาในช่วงครึ่งวันนั้นครับ...)