เพลงสดุดีที่ 65

บทเพลงขอบพระคุณa

           ภาคแรกของ สดด บทนี้กล่าวถึงการแก้บนและสารภาพบาป จึงดูเหมือนว่าแต่เดิม สดด บทนี้ใช้ภาวนาหลังจากเกิดทุพภิกขภัย เมื่อเกิดความกันดารอาหารประชาชนได้บนบานไว้ว่าจะถวายเครื่องบูชา ถ้าพระเจ้าโปรดให้มีฝนตก - ส่วนภาคที่สอง (ข้อ 5-13) น่าจะเป็นบทเพลงที่ใช้ในฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลเมื่อประชากรนำข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ครั้งแรกในปีนั้นมาถวายในเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ งานฉลองนี้เป็นการยอมรับว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้จัดให้มีฝนในฤดูใบไม้ร่วงเพื่อจะหว่านข้าวได้ และให้มีฝนในฤดูใบไม้ผลิเพื่อทำการเก็บเกี่ยวได้ เพลงสดุดีบทนี้เป็นเครื่องเตือนใจเราได้อย่างดีว่าเราต้องไม่คิดว่าสิ่งดีๆ ในธรรมชาติ เช่นฝนฟ้าตามฤดูกาลและการเก็บเกี่ยวอันอุดม เป็นเพียงปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ แต่ต้องสำนึกว่าเป็นพระพรจากพระเจ้าที่เราจะต้องขอบพระคุณอยู่เสมอ เราจึงต้องพร้อมที่แบ่งปันพระพรเหล่านี้กับพี่น้องของเราที่ขัดสนด้วย

สำหรับหัวหน้านักขับร้อง เพลงสดุดี ของกษัตริย์ดาวิด บทเพลง

1ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงสมควรจะได้รับการสรรเสริญbในศิโยน

        ข้าพเจ้าจะแก้บนถวายพระองค์

2พระองค์ทรงฟังคำอธิษฐาน

        มนุษย์ทุกคนจึงจะมาเฝ้าพระองค์

3ข้าพเจ้าทั้งหลายหนักใจเพราะได้ทำผิด

        แต่พระองค์ก็ทรงให้อภัยc

4ผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรและทรงเรียกเข้ามาเฝ้าพระองค์ก็เป็นสุข

        เขาจะพำนักในพระราชฐานของพระองค์

ข้าพเจ้าทั้งหลายจะได้รับพระพรจากบ้านของพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม

        จากพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

5ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้น

        พระองค์ทรงตอบสนองด้วยการอัศจรรย์ที่เที่ยงธรรมของพระองค์

พระองค์ทรงเป็นความหวังของมนุษย์ทุกคนจนสุดปลายแผ่นดิน

        และจนสุดทะเลที่อยู่ห่างไกลd

6พระองค์ทรงตั้งภูเขาให้มั่นคงด้วยพระอานุภาพ

        พระองค์ทรงอำนาจเป็นอาภรณ์

7พระองค์ทรงทำให้เสียงคำรามของทะเล

        เสียงคำรามของกระแสคลื่น

และเสียงโกลาหลของชนชาติทั้งหลายสงบลงe

8ผู้อาศัยอยู่ที่สุดปลายแผ่นดินต่างเกรงกลัว

        เมื่อเห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ของพระองค์

ทรงบันดาลให้แผ่นดินทางตะวันออกและตะวันตกfร้องตะโกนด้วยความยินดี

9พระองค์เสด็จเยี่ยมแผ่นดินและทรงบันดาลให้อุดมสมบูรณ์

        ทรงโปรดให้แผ่นดินมั่งคั่งอย่างมาก

คลองของพระเจ้ามีน้ำเต็มล้นg

        พระองค์ทรงจัดหาข้าวสาลีไว้ให้มนุษย์

พระองค์ทรงเตรียมไว้เช่นนี้

10คือทรงรดน้ำรอยไถให้ชุ่มฉ่ำ ทรงปรับพื้นดินให้ราบเรียบ

        ทรงพรมดินให้นุ่มด้วยสายฝน และประทานพรแก่หน่ออ่อนที่งอกขึ้นมา

11พระองค์ประทานผลิตผลอุดมสมบูรณ์ในแต่ละปี

        พระองค์เสด็จไปที่ใด ที่นั่นก็มีแต่ความอุดมสมบูรณ์h

12ทุ่งหญ้าในถิ่นทุรกันดารก็เริ่มชุ่มชื้น

        เนินเขาก็กึกก้องด้วยเสียงชื่นชม

13ฝูงแพะแกะปกคลุมทุ่งหญ้าอยู่หนาแน่น

        หุบเขาก็สะพรั่งด้วยข้าวสาลี

ทุกคนร้องเพลงและโห่ร้องด้วยความยินดีi

 

65 a เพลงสดุดีบทนี้เป็นเพลงขอบพระคุณพระเจ้า พระผู้สร้าง หลังจากการเก็บเกี่ยวพืชผลอันอุดมตอนปลายปี เนื้อหาของเพลงสดุดีบทนี้แบ่งได้เป็น 2 ภาค ภาคแรก (ข้อ 1-8) กล่าวถึงการที่พระเจ้าทรงเอาพระทัยใส่ดูแลโลกทั้งหมด ตามแนวความคิดของประกาศกอิสยาห์ ส่วนภาคที่สอง (ข้อ 9-13) เป็นการบรรยายถึงความงดงามของฤดูใบไม้ผลิในแคว้นยูดาห์

b แปลตามสำนวนแปลโบราณ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ความเงียบ(เป็น)คำสรรเสริญสำหรับพระองค์”

c แปลตามตัวอักษรว่า “ทรงปกปิด” ผู้เขียนตำนานสงฆ์มักจะใช้คำนี้เพื่อหมายถึงการที่พระเจ้าประทานการอภัยบาป โดยเฉพาะในวันชดเชยบาป (ลนต 1:4 เชิงอรรถ c; 16:1 เชิงอรรถ a; ดู สดด 78:38; 79:9)

d สำนวนแปลโบราณภาษาอาราเมอิกว่า “เกาะที่อยู่ห่างไกล” หมายถึงชนต่างชาติ

e ต้นฉบับภาษากรีกว่า “ชนชาติทั้งหลายส่งเสียงโกลาหล”

f “แผ่นดินทางตะวันออกและตะวันตก” แปลตามตัวอักษรว่า “ที่ทางออกของเวลาเช้าและเวลาเย็น” คนโบราณคิดว่าดวงอาทิตย์ออกมาจากประตูทุกเช้า และกลับเข้าไปในอีกประตูหนึ่งในเวลาเย็น

g คนโบราณคิดว่าท้องฟ้าเป็นเหมือนกะละมังคว่ำอยู่ มีน้ำเก็บกักไว้เหนือท้องฟ้า เมื่อเปิดก๊อก ฝนก็ตกลงมา ผู้ประพันธ์กำลังคิดถึงที่เก็บน้ำเหนือท้องฟ้าเช่นนี้ (ดู สดด 104:3; ปฐก 1:7; 7:11; โยบ 38:25) * “คลอง” ในที่นี้คงไม่หมายถึงธารน้ำในอุดมการณ์ที่ไหลออกจากเนินศิโยน (เทียบ สดด 46:4 เชิงอรรถ d)

h “พระองค์เสด็จ...อุดมสมบูรณ์” แปลตามตัวอักษรว่า “รอยรถม้าของพระองค์มีไขมันย้อยหยด” (เทียบ สดด 68:4, 17; อสย 66:15) พระเจ้าทรงขับรถม้าข้ามแผ่นดินเพื่อโปรยปรายความอุดมสมบูรณ์

i ประโยคนี้ดูจะไม่ต่อเนื่องกับข้อความก่อนหน้านั้น อาจเป็นข้อความสรุปของภาคแรก (ข้อ 8) ซึ่งเป็นบทเพลงดั้งเดิมก่อนจะมีข้อความภาคสอง (ข้อ 9-13) เพิ่มเติมเข้ามาในภายหลัง