“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2017
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต
มก 12:28-34…
28ธรรมาจารย์คนหนึ่งเข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ได้ฟังการโต้เถียงเรื่องนี้ และเห็นว่าพระองค์ทรงตอบได้ดี จึงทูลถามพระองค์ว่า “บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกกว่าบทบัญญัติข้ออื่น ๆ” 29พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “บทบัญญัติเอกก็คือ อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว

30ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำลังของท่าน 31บทบัญญัติประการที่สองก็คือ ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ไม่มีบทบัญญัติข้อใดยิ่งใหญ่กว่าบทบัญญัติสองประการนี้ 32ธรรมาจารย์คนนั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ท่านตอบได้ดี จริงทีเดียวที่ท่านกล่าวว่า พระเจ้ามีแต่เพียงพระองค์เดียวและนอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นเลย 33การจะรักพระองค์สุดจิตใจ สุดความเข้าใจและสุดกำลัง และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเองนี้มีคุณค่ามากกว่าเครื่องเผาบูชา หรือเครื่องสักการบูชาใด ๆ ทั้งสิ้น” 34พระเยซูเจ้าทรงเห็นว่าเขาพูดอย่างเฉลียวฉลาด จึงตรัสว่า “ท่านอยู่ไม่ไกลจากพระอาณาจักรของพระเจ้า” หลังจากนั้น ไม่มีผู้ใดกล้าทูลถามพระองค์อีกเลย

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• บัญญัติเอกคือ “Shema Israel อิสราเอลจงฟัง” ฟังบัญญัติของพระเจ้า ฟังเสียงของพระเจ้า เมื่อวานพ่อเน้นเรื่องพลังของการฟัง การฟังคือพลังของการเปลี่ยนแปลง แต่เราก็ต้องมาดูวิธีการสอนสั่งของบัญญัติของโมเสส ที่พระเจ้าได้สั่งให้สอนประชาชน พ่อคิดว่า.. ในคำสั่งของการให้ฟังนั้นมีแก่นอยู่ อ่านคำตอบของพระเยซูเจ้าและไตร่ตรองกันหน่อยครับ... เมื่อมีคนถามพระองค์ว่าบัญญัติใดสำคัญหรือยิ่งใหญ่กว่าหมด คำตอบของพระเยซูเจ้า...
o “บทบัญญัติเอกก็คือ อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว
o ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำลังของท่าน
o บทบัญญัติประการที่สองก็คือ ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ไม่มีบทบัญญัติข้อใดยิ่งใหญ่กว่าบทบัญญัติสองประการนี้”

• มีหลายคนบอกว่าพันธสัญญาเดิม บัญญัติเดิม ไม่ได้เน้น “เรื่องความรัก” ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย สิ่งที่ชาวยิวสอนสั่งกันให้ท่องจำคือข้อความที่พระเยซูเจ้าได้ตอบธรรมจารย์คนนี้ที่มาถามด้วยพระองค์ทรงตอบจากพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมที่ชาวยิวเน้นกันมากๆ คือ “อิสราเอลเอ๋ย จงฟัง” ภาษาฮีบรูเริ่มชัดเจนด้วยคำว่า “จงฟัง อิสราเอล” Shema Israel และคำว่า Shema แปลว่า “จงฟัง” ตัวอักษร “Shin” ในภาษาฮีบรูนี้คือตัวสำคัญสำหรับชาวยิว จนกระทั่งเขาแกะสลัก ติดตัวอักษรนี้ไว้ทั่วไปหมด ตามประตูบ้าน บนกลักพระธรรม ณ ที่ต่างๆเพื่อเตือนตนเองว่า “ต้องฟัง” คือ “เชื่อฟัง” พ่อจะยกข้อความและตัวอักษรฮีบรูตัวนี้ให้ดูครบ คือ คำว่า “Shema อ่านว่า “เชมา””
o שְׁמַ֖ע ตัวอักษรนี้เลยครับ “שׁ” ตัวนี้มีแกะสลักอยู่ทั่วไปเพื่อเตือนให้ฟัง ฟัง ฟังพระเจ้าเสมอ พวกเขาทุกคนต้องท่องบนขึ้นใจ “อิสราเอล จงฟัง”

• คำถามสำคัญคืฟังอะไร... คำตอบคือฟังกฎเกณฑ์ของพระเจ้า ฟังพระบัญญัติของพระองค์ และในบท “เชมา Shema” ที่ชาวยิวต้องท่องจำนี้ มีอะไรเป็นแก่นจริง คำตอบชัดมาครับ มีเรื่องเดียวที่แบ่งเป็นสองประการ คือ “รัก”
o ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำลังของท่าน
o ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์ เหมือนรักตนเอง

• นี่คือ “แก่นของบัญญัติที่ต้องฟัง” คือ “ต้องรัก” รักพระเจ้าและรักเพื่อนพี่น้อง... สองประการนี้ คือ หัวใจของการฟังพระเจ้าจริงๆครับ

• วันนี้ประเด็นสำคัญที่ทำให้ธรรมาจารย์คนนี้ได้ห่างไกลจากพระอาณาจักรของพระเจ้า คือ เขามั่นใจว่า บัญญัติแห่งความรักนี้สำคัญกว่าเครื่องบูชาใดๆ

• ประสบการณ์ที่น่าคิดตริตรอง...
o การถือบัญญัติแห่งความรักเมตตา หรือ การถวายเครื่องบูชาที่สำคัญ...
o พ่อคิดว่าเราอยู่ในสังคมที่ต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ชัด การเป็นศาสนิกชนแท้จริงๆ ความเชื่อต้องเติบโต เข้มแข็ง และไม่หลงทาง พ่อคิดว่าเรามีหลุมพรางอยู่มากในการดำเนินชีวิตศาสนา และบ่อยครั้งเราก็ยังไม่บรรลุวุฒิภาวะในการเป็นคนที่มีศาสนาเหมือนกัน เรต้องการการเติบโตในความเชื่อ...

• ครับพระวาจาวันนี้ ธรรมาจารย์ ระดับธรรมาจารย์เชียวนะครับ
o เขาหาญกล้าเดินเข้ามาหาพระเยซูเจ้า ถามพระองค์ถึงธรรมบัญญัติ ว่าธรรมบัญญัติข้อใดยิ่งใหญ่กว่าหมด..
o ฟังก็ดูดีครับ มาถามพระเยซูเจ้า แปลว่า พระเยซูเจ้าทรงเหนือกว่าธรรมาจารย์จริงๆ แต่มองอีกด้านหนึ่งถ้าเราจะมาเปรียบกับชีวิตของเรา ระดับธรรมาจารย์ ยังไม่รู้จักบัญญัติจริงๆ หรือ ไม่ครับ แต่เราต้องดูเจตนาพระคัมภีร์ว่า
o บทสอนของพระคัมภีร์คืออะไรจริงๆ มีความจริงสอนอยู่ที่นั่น... คือ การเริ่งปฏิกิริยาให้รู้ว่า บัญญัติแห่งความรักสำคัญที่สุด บัญญัติแห่งความรัก คือความรักต่อพระเจ้าและความรักต่อเพื่อนพี่น้องเป็นหัวใจของพระบัญญัติจริงๆ นะครับ
o ไม่มีสิ่งอื่นสำคัญไปกว่านี้แล้ว และถ้าเรามาถึงประเด็นเช่นนี้ เราจะเข้าใจความหมายของการเป็นศาสนิกในศาสนาที่เราเชื่อในพระคริสตเจ้าจริงๆครับ...

• ความรักสำคัญที่สุด สำคัญกว่าเครื่องบูชาใดๆ
o การบูชาเป็นโหมดหนึ่งของศาสนาหรือเป็นด้านหนึ่งของศาสนา และบ่อยครั้งเราก็ถวาย ถวาย ถวาย เรียกว่า ถวายกันมาเหลือเกิน เพราะศรัทธาที่ทำให้ศาสนิกยอมมอบให้ ยอมถวายให้...
o สำหรับชาวยิวก็ถวายบูชาแด่พระเจ้า ถวายเครื่องเผาบูชา ธัญบูชา มีกำหนดการถวายสิ่งต่างๆ มากมาย จนว่า เน้นการถวายสารพัดและคิดว่านั่นคือเครื่องหมายของศาสนาและศาสนิก และพระเจ้าก็พอพระทัย หลายศาสนาก็เน้นการเอาใจพระเจ้า ให้พระเจ้าไม่โกรธ ต้องระวังกันสุดให้พระเจ้าพอพระทัย
o ดังนั้น การถวายบูชาต้องมีข้อจำกัด มีเรื่องจำนวน และต้องระมัดระวังกันมาก...

• บ่อยครั้งก็แสดงออกมาทางปริมาณและจำนวน...
o ต้องถวายเท่าไร ถวายอะไร และเมื่ออะไรที่ต้องถวายถูกประเมินและแทนค่าด้วย “เงิน ทอง” เอาละเข้าเป้า... และถ้ามนุษย์ที่เป็นบุคคลศาสนาเข้ามามีส่วน (ส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ทางตรงคือพระ สมณะหรือบุคคลทางศาสนานั้นได้รับความร่ำรวยโดยตรง หรือโดยอ้อมได้รับผมจากการถวายทำบุญ และก็ออกมาเป็นเรื่องของอุปกรณ์ทางศาสนา...หรือศาสนสถานที่ต้องใหญ่โตมโหฬาร ที่ต้องสร้างมหาวิหาร มหาตึก มหาวัตถุ สิ่งสร้างราคาร้อย พัน หมื่นล้าน...
o และก็มีนโยบายขายพร ขายฝัน ขายสวรรค์ ขายอนาคตหลังความตายที่คนประกาศเชิญให้ถวายก็ยังกลัวตัวสั่นและไม่อยากตาย นอกนั้น ส่วนได้ส่วนเสียก็อาจถ่ายเท ถ่ายไปฟอก และเป็นวังวนของธุรกิจ เงิน และความร่ำรวยบนการซื้อขายบุญ ขายกรรม ขายฝัน..) เงินทองเข้ามาเป็นตัวแปลสำคัญของศาสนาและศาสนิกเมื่อใด...ก็ทุกอย่างทางศาสนาและศรัทธาก็จะเสื่อมถอยหรือ สถานที่ที่กระทำยิ่งใหญ่ ดังลั่นเดี๋ยวก็อ่อนแอ และทะเลาะชิงผลประโยชน์กันมากที่สุด....

• ศาสนา พิธีการพิธีกรรม
o ต้องไม่ใช่กระแสการเรียกเงิน เรียกทำบุญ และบุคคลศาสนาต้องไม่ใช่คนที่เรียกร้องหาทำบุญหรือบริจาค..
o พ่อคิดว่า นั่นหลงทาง ยิ่งถ้าเรียกบริจาคแบบที่มีมากแล้ว มีพอจะแบ่งปัน แต่ไม่แบ่งปัน กลับสะสมมากขึ้น และไปเรียกศรัทธาจากผู้อื่นให้คนมาศรัทธาและบริจาค... จะน่าเศร้านะครับ...
o พ่อไตร่ตรอง พ่อเห็นมาเยอะแล้ว...ว่า ศาสนาถ้าเข้าไปปนกับการค้า กำไร และแสวงรายได้ หรือสร้างความศรัทธาไปหาวัตถุ...ที่สุดก็บาดเจ็บกันหมดครับ

• ดังนั้น พ่อมั่นใจและศรัทธาคำสอนของพระเยซูเจ้าวันนี้...“ธรรมาจารย์คนนั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ท่านตอบได้ดี จริงทีเดียวที่ท่านกล่าวว่า พระเจ้ามีแต่เพียงพระองค์เดียว และนอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นเลย
o การจะรักพระองค์สุดจิตใจ สุดความเข้าใจและสุดกำลัง และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเองนี้
o มีคุณค่ามากกว่าเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องสักการบูชาใดๆ ทั้งสิ้น”

• พ่อสรุปให้เห็นสิ่งที่พ่อเขียนมาก่อนหน้านี้.... “ความรักพระเจ้าสุดจิตใจ รักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง มีคุณค่ามากกว่าเครื่องบูชาหรือเครื่องสักการบูชาใดๆทั้งสิ้น”
o พี่น้องที่รัก พ่อพันธงแรงๆ เลยว่า คำสอนจากพระวรสารวันนี้.... นี่คือความหมายของการเป็นศาสนาและศาสนิกแท้จริง และเราต้องเป็น... บูชา สักการบูชาใดๆ ไม่สำคัญไม่มีค่าเท่ากับความรักต่อพระเจ้าและความรักต่อเพื่อนพี่น้องเลย
o ความรักต่อพระเจ้าจริงๆ ต้องทำให้เรารักพี่น้องของเราด้วย... ต้องรักพี่น้องจริงๆ เมตตาจริงๆ เพราะบ่อยครั้ง ศาสนาที่ทำให้เรารู้สึกมีพระเจ้า รู้สึกได้สวรรค์ชั้นต่างๆ มากมายตามการทำบุญที่บางครั้งก็ทำมากจริงๆ จนวัดและศาสนสถานร่ำรวยเกินใหญ่โตเกิน แต่คนมากมายยังยากไร้ ขาดสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิตและเราไม่ได้ช่วยเหลือ... นั่นไม่ใช่ศรัทธาที่พระเยซูเจ้าสอนเลย...
o จะมีประโยชน์อะไร ถ้าวัดหรือวิหารของเราประดับด้วยทอง เพชร พลอยล้ำค่ามากมาย... แต่สัตบุรุษรอบวัดรอบชุมชนยังยากจน ขาดปัจจัยพื้นฐาน ขาดการศึกษา และยากจนข้นแค้น... เป็นทาสค้ามนุษย์ การพนัน งมงาย เป็นทาสยาเสพติด... พ่อคิดว่า ศาสนาและศาสนิกแท้หาได้เป็นเช่นนี้เลย...

• พ่อสรุป ตรงๆ ไม่ตรงไม่ได้ครับ...คือ ภาพประจักษ์ที่ต้องเห็นได้...
o “ถ้าวัด ศาสนจักรและคนศาสนา...รวย อยู่ดีกินดี ได้รับทำบุญมากมายจนล้น... แต่ประชาชนศาสนิกยังยากไร้ ขาดแคลน และมีไม่พอ และวัดศาสนสถานและศาสนิกที่มีมากแล้ว ยังหาต่อไป ไม่แบ่งปัน ไม่ยอมมีน้อยลงเพื่อคนอื่นจะได้รอดจากความขาดหรือไม่พอเพียงแก่ชีวิต....พ่อมั่นใจ ว่า ศาสนา คนศาสนา ศาสนบริกร ทั้งระบบ ยังไม่ใช่ศาสนาที่มีพระเจ้าเที่ยงแท้”

• พ่อคิดว่าถึงเวลาที่เราต้องเป็นศาสนิกและดำเนินชีวิตศาสนาแท้จริงกันแล้วนะครับ...
o เต็มที่กับการเป็นศิษย์พระเยซูนะครับ... พ่อไม่ได้บอกให้พี่น้องทำบุญน้อยลง... แต่มอบให้กับคนยากไร้มากขึ้น
o วัดและศาสนสถานก็ต้องมุ่งพัฒนาช่วยเหลือพี่น้องรอบข้างมากขึ้นเช่นกัน วัดจนลงหน่อย และสัตบุรุษผู้ยากไร้ได้รับข่าวดี โอกาสดีมากขึ้น หรือวัดต้องหมดตัว และสัตบุรุษรอดจากบาปและการเป็นเหยื่อของความยากจน รอดตายได้ คุ้มเช่นกัน พระเยซูก็ยากไร้หมดสภาพความเป็นพระเจ้าจนถึงความตายบนกางเขน... จนเราทุกคนได้รอดพ้นจากความตายนิรันดรเช่นกัน
o ทำเช่นนี้เถอะนะครับ... เพราะพระเยซูเจ้ายังตรัสชมธรรมจารย์คนนั้น... “พระเยซูเจ้าทรงเห็นว่าเขาพูดอย่างเฉลียวฉลาด จึงตรัสว่า “ท่านอยู่ไม่ไกลจากพระอาณาจักรของพระเจ้า” หลังจากนั้น ไม่มีผู้ใดกล้าทูลถามพระองค์อีกเลย”

• เรากำลังสถาปนาพระอาณาจักรพระเจ้าครับ ไม่ใช่อาณาจักรของเราครับ... ขอพระเจ้าอวยพร
o พ่อขอย้ำว่า “พระอาณาจักรมาถึงแล้วกำลังสถาปนาขึ้นโดยเราคริสตชนครับ... เราอย่าทำให้พระอาณาจักรของพระองค์ล่อยหายไปไกลเกินเอื้อมสำหรับพี่น้องเพราะเราเลยนะครับ”

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก