“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม 2016
วันพฤหัสบดีในอัฐมวารปัสกา

           พี่น้องครับ ถึงเวลาที่เราจะได้อ่านหรือได้ฟังคำประกาศ “เรื่องพระเยซู” กันจริงๆ ที่เราเรียกว่าเป็นคำสอนของอัครสาวก และในพระคัมภีร์วันนี้ พระวาจาจากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นคำปราศรัยของเปโตร หลังจากท่านเปโตรได้ทำให้คนง่อยแต่กำเนิดเดินได้ “โดยพระนาม” พระเยซูเจ้า ดังนั้น บัดนี้เป็นโอกาสที่จะได้ขยายความ “ข่าวดี” หรือ “พระวรสาร” ที่นำความชื่นชมยินดี เรียกว่าเป็น Evangelii Gaudium “เอวังเยลีอี เกาว์ดีอูม” หรือ “ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร” ชื่อเดียวกับคำสอนของพระสันตปาปาฟรังซิสฉบับปัจจุบันนี้เลยครับ...


พ่ออยากให้เราอ่านพระคัมภีร์วันนี้ดีๆ ก่อนนะครับ และพ่อจะค่อยๆอธิบายเท่าที่จำเป็น อ่านเลยนะครับอ่านดีๆ จะได้รู้จักพระเยซูอย่างดีๆครับ

กจ 3:11-26….เปโตรปราศรัยกับประชาชน

11ขณะที่คนซึ่งเคยเป็นง่อยคนนั้นหน่วงเหนี่ยวเปโตรและยอห์นไว้ ประชาชนทุกคนประหลาดใจอย่างยิ่ง ต่างวิ่งไปหาเขาทั้งสองคนที่เฉลียงซึ่งเรียกว่า “เฉลียงซาโลมอน”
12เมื่อเปโตรเห็นดังนั้นจึงกล่าวปราศรัยกับประชาชนว่า “ชาวอิสราเอลทั้งหลาย ทำไมท่านจึงประหลาดใจในเรื่องนี้ ทำไมท่านจึงจ้องมองเราเหมือนกับว่าเราทำให้ชายผู้นี้เดินได้ด้วยอำนาจหรือความศักดิ์สิทธิ์ของเรา 13พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราได้ทรงสำแดงอำนาจอันรุ่งเรืองของพระเยซูเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ ท่านทั้งหลายได้มอบพระเยซูเจ้านี้ให้แก่บรรดาผู้ปกครอง และได้ปฏิเสธ พระองค์ต่อหน้าปีลาต ทั้ง ๆ ที่ปีลาตตัดสินใจจะปล่อยพระองค์อยู่แล้ว 14ท่านปฏิเสธ พระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ และชอบธรรม แต่กลับขอให้ปล่อยฆาตกร 15ท่านประหารเจ้าชีวิต แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เราเป็นพยานได้ในเรื่องนี้ 16ด้วยความเชื่อในพระนามของพระองค์ ชายผู้นี้ซึ่งท่านทั้งหลายเห็นและเคยรู้จักจึงกลับมีกำลังขึ้นอีก ความเชื่อในพระองค์นี้แหละรักษาชายง่อยคนนี้ให้เป็นปกติต่อหน้าท่านทั้งหลาย

17ถึงกระนั้น พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านกระทำไปเพราะไม่รู้ เช่นเดียวกับบรรดาหัวหน้าของท่าน 18แต่พระเจ้าทรงใช้วิธีนี้เพื่อทำให้ถ้อยคำที่พระองค์ตรัสไว้ล่วงหน้าโดยทางบรรดาประกาศกว่าพระคริสตเจ้าของพระองค์จะต้องทรงรับทรมานนั้นเป็นจริง 19เพราะฉะนั้นท่านจงเป็นทุกข์กลับใจและหันมาหาพระเจ้าเถิด เพื่อบาปของท่านจะได้รับการอภัย 20และดังนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงบันดาลให้เวลาแห่งการให้กำลังใจ มาถึง และจะทรงส่งพระคริสตเจ้าที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้ามาหาท่าน คือพระเยซูเจ้า 21พระองค์ยังต้องทรงรออยู่ในสวรรค์จนกระทั่งถึงเวลาที่จะทรงฟื้นฟูทุกสิ่งขึ้นใหม่ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ตั้งแต่โบราณกาลโดยปากของบรรดาประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ 22โมเสสกล่าวไว้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านทั้งหลายจะทรงบันดาลให้ท่านมีประกาศกคนหนึ่งเหมือนข้าพเจ้า เกิดขึ้นจากบรรดาพี่น้องของท่าน ท่านจงเชื่อฟังทุกสิ่งที่เขาจะบอก 23ผู้ใดไม่เชื่อฟังประกาศกผู้นี้ จะต้องถูกกำจัดออกไปจากประชากร” 24ประกาศกทุกคนตั้งแต่ประกาศกซามูเอลเป็นต้นมาก็ได้กล่าวและประกาศล่วงหน้าถึงเรื่องเหล่านี้

25ท่านทั้งหลายเป็นบุตรหลานของบรรดาประกาศก และของพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงกระทำไว้กับบรรพบุรุษของท่าน เมื่อตรัสแก่อับราฮัมว่า “ประชาชาติทั้งหลายบนแผ่นดินจะได้รับพระพรโดยทางเชื้อสายของท่าน” 26ดังนั้น พระเจ้าทรงบันดาลให้ ผู้รับใช้ของพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพ และทรงส่งมาหาท่านก่อนผู้อื่นเพื่อนำพระพร มาให้ท่านแต่ละคนกลับใจละทิ้งวิถีทางชั่วร้ายของตน”

อรรถาธิบายและไตร่ตรองประเด็นสำคัญ

• “คำปราศรัยของเปโตร คือ การประกาศความจริงแห่งความเชื่อเกี่ยวกับพระเยซู”
o หนังสือกิจการอัครสาวกโดยตลอดนั้น นักบุญลูกาผู้นิพนธ์ได้ใช้วิธีการเขียนเป็นคำปราศรัยต่างๆ เช่นของเปโตร สเทเฟน ยากอบ เปาโล ฯลฯ จุดประสงค์สำคัญที่สุดของการเสนอคำปราศรัยหรือคำเทศนาต่างๆในกิจการอัครสาวก คือ เพื่อถ่ายทอดความจริงเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าเสมอ
o ดังนั้น สิ่งที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระเยซูเจ้าจากประจักษ์พยานและการเทศนาของอัครสาวก พยานผู้เคยอยู่ใกล้พระเยซูเจ้าเหล่านี้ เราคริสตชนทุกคนเราจึงต้องอ่านอย่างดีๆ และจะเห็นว่า กิจการอัครสาวกนำเสนอความจริงเกี่ยวกับ “พระเยซูเจ้า” โดยตลอดเสมอจริงๆครับ
o วันนี้เรามาทำความเข้าใจบางประเด็นจากการได้อ่านกิจการของบทมิสซาวันนี้กันดีๆ
o พ่อจะจัดเป็นหัวข้อๆให้อ่านง่ายและจะได้เห็นความจริงเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าได้ชัดขึ้น เพื่อเข้าใจคำอธิบายของพระคัมภีร์ตอนนี้ครับ พ่อจะยกพระคัมภีร์นี้มาเป็นตอนๆที่จำเป็น และอธิบายด้วยข้อความหรือคำอธิบายเพิ่มเติมของพ่อเอง เริ่มเลยนะครับ กจ 3:11-26…..

11ขณะที่คนซึ่งเคยเป็นง่อยคนนั้นหน่วงเหนี่ยวเปโตรและยอห์นไว้ ประชาชนทุกคนประหลาดใจอย่างยิ่ง ต่างวิ่งไปหาเขาทั้งสองคนที่เฉลียงซึ่งเรียกว่า “เฉลียงซาโลมอน”
• เปโตรและยอห์น ได้เคยสั่งให้คนง่อยแต่กำเนิดคนนี้ให้ “เดิน” จนว่าเขาหายจากความง่อย
• ซึ่งไม่มีใครทำได้นอกจากพระเจ้า (No one can but God)
• เปโตรสั่งเขาว่า “ในพระนามของพระเยซู ชาวนาซาเร็ธ (จงลุกขึ้น) เดินไปเถิด”
• ทุกคนประหลาดใจมาก ความหมายคือ เราพบความจริงว่า
1. พระนามของพระเยซูมีอำนาจมากเหลือเกิน...
2. พระนามของพระเยซู ทรงพลังและเป็นความสามารถของพระเจ้าจริงๆ
• ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างวิ่งหน้าตาตื่น ตื่นเต้นกับความสามารถของเปโตรและยอห์น ทั้งๆที่อันที่จริงไม่ใช่อำนาจของเขาทั้งสอง แต่เป็นอำนาจของพระนามพระคริสตเจ้าจริงๆ
• พระนามพระเยซู ความสามารถของพระนามนี้ทำให้ทุกคนวิ่งมาหาเปโตรและยอห์นด้วยความตื่นเต้นตกใจ (พระนามของพระองค์ทรงพลังจริง ไม่ต้องสงสัยเลย)

12เมื่อเปโตรเห็นดังนั้นจึงกล่าวปราศรัยกับประชาชนว่า “ชาวอิสราเอลทั้งหลาย ทำไมท่านจึงประหลาดใจในเรื่องนี้ ทำไมท่านจึงจ้องมองเราเหมือนกับว่าเราทำให้ชายผู้นี้เดินได้ด้วยอำนาจหรือความศักดิ์สิทธิ์ของเรา
• เปโตรขยายความ... ว่า ไม่ใช่อำนาจของเปโตรหรือความศักดิ์สิทธิ์ของเปโตร แต่เป็นอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ของพระนามของพระเจ้าจริงๆ
• ศิษย์ของพระเยซูเจ้าเป็นแบบนี้ คือ ถ่อมตน พวกเขาไม่ได้แย่งบทบาทของพระอาจารย์ ไม่มโนเอาอำนาจมาเป็นของตน และประกาศแก่พี่น้องชัดเจน “ชาวอิสราเอล”
• แม้ประชาชนคิดว่าเป็นอำนาจของทั้งสอง แต่ทั้งสองรู้ตัวดีและไม่เอาอำนาจนั้นมาเป็นของตน ไม่ฉวยโอกาส
• พ่อคิดว่า ข้อนี้สอนเราคริสตชน สอนตัวพ่อเอง สอนนักบวชพระสงฆ์ และพี่น้องคริสตชนได้มากมาย มีหลายครั้งที่คนอาจจะรักเรา ชื่นชมเรา ชื่นชอบความสามารถ หรือสิ่งที่เรากระทำ และประหลาดใจในความสามารถหรือความดีของเรา... แต่เราต้องถ่อมตนจริงๆ ไม่ใช่เรา แต่เป็นพระองค์ (Not me but You) ตรงนี้สอนเราได้ดีไม่ให้หลงตนเอง ไม่ให้ลืมตนเอง
• พ่อคิดว่าชัดมาก เราต้องไม่ลืมว่าเป็นพระองค์ ยิ่งพ่อเองด้วย นักบวชทั้งหลายด้วย เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าและของพี่น้อง เราไม่ใช่เจ้าของอำนาจหรือความยิ่งใหญ่ใดๆเลย เราจะหลงตนเองไม่ได้ หลงเหลิงไปกับอำนาจหรือสิ่งที่เรียกว่าบารมีไม่ได้เด็ดขาด จะดูไม่น่ารักเอามากๆเลย เพราะอันที่จริง “เราเป็นผู้รับใช้จิตวิญญาณ และชีวิตของทุกคน” พระสันตะปาปาฟรังซิสสอนเรามากๆในเรื่องเหล่านี้ ณ ปัจจุบันนี้จริงๆ

13พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราได้ทรงสำแดงอำนาจอันรุ่งเรืองของพระเยซูเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ ท่านทั้งหลายได้มอบพระเยซูเจ้านี้ให้แก่บรรดาผู้ปกครอง และได้ปฏิเสธ พระองค์ต่อหน้าปีลาต ทั้ง ๆ ที่ปีลาตตัดสินใจจะปล่อยพระองค์อยู่แล้ว

• ผู้อยู่เบื้องหลังพลังอำนาจแท้จริงของเปโตร หรือแม้แต่ของพระเยซูคือ พระเจ้า พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นพระบิดาเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ...
• เปโตรปราศรัยให้ย้อนคิดไปที่ความจริงในประวัติศาสตร์ความรอดในพระคัมภีร์ ทั้งหมดมาจากพระเจ้า เริ่มที่พระเจ้าพระยาห์เวห์ได้ทรงประทานพระบุตรของพระองค์แก่ชาวยิวก่อนและแก่มนุษยชาติทุกคน....
• พระเจ้าพระยาห์เวห์นี้ คือ พระเจ้าของบรรพบุรุษทางความเชื่อมาโดยตลอด พระองค์คือพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอง
o แต่อิสราเอลกลับไม่ได้จดจำพระองค์
o ลืมพระองค์และทิ้งพระองค์ไป
o ไม่ได้รับพระพรของพระองค์ และพระพรสูงสุดนั้น คือ พระเยซูคริสตเจ้า
o พวกเขากลับมอบพระเยซูเจ้าไว้ในมือของผู้ที่แทนจะยอมรับพระองค์กลับตัดสินประหารชีวิตพระองค์... ปีลาตคนต่างชาติอยากจะปล่อยพระองค์ แต่คนในชาติของพระองค์เอง อิสราเอล กลับตัดสินและผลักดันให้ประหารพระองค์...
o เปโตรเตือนให้อิสราเอลได้ตระหนัก และรู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป...

14ท่านปฏิเสธ พระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ และชอบธรรม แต่กลับขอให้ปล่อยฆาตกร 15ท่านประหารเจ้าชีวิต แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เราเป็นพยานได้ในเรื่องนี้
• ดูสิ กระทำกับพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า ของขวัญล้ำค่าจากพระเจ้า ดูสิชาวอิสราเอล พวกเขาได้ปฏิเสธพระเจ้า กลับได้ไปขอปิลาตให้ปล่อยฆาตกร แต่กลับทำร้ายพระเยซู พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า และผู้ชอบธรรมของพระองค์....
• แต่ทว่า ความชอบธรรมและความรักของพระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเจ้าไม่ตายตลอดไป แต่กลับทำให้พระองค์กลับคืนพระชนมชีพ ชนะความตาย ทำให้ความตายต้องแพ้ราบคาบโดยสิ้นเชิง ต่อความรักแลความนอบน้อมเชื่อฟังของพระองค์ ศิลาที่ถูกทิ้งกลับเป็นศิลาหัวมุมจริงๆคือ พระเยซูเจ้า
• ข้อนี้สอนเรามากๆว่า
o เราควรยอมน้อมรับพระเยซูเจ้า
o ไม่หลงใหลได้ปลื้มกับ “ตนเอง” โดยเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตนและพวกพ้อง และทอดทิ้งพระเจ้าองค์ความดีและความจริง
o ต้องไม่หันไปรักกระแสโลก เสียงของโลกาและเงินตราจนลืมพระเจ้า โดยเฉพาะการไม่ยอมน้อมฟังเสียงเล็กของผู้ยากไร้ คนชายของสังคม หรือคนที่กำลังร้องขอความรักแลความยุติธรรม พ่อคิดว่า พวกเราต้องไม่หลงกระแสโลก จนลืมเสียงของพระเจ้าในบรรดาคนยากไร้หรือคนที่ถูกทอดทิ้งในสังคมของเรา
o พระสันตะปาปาฟรังซิสเรียกร้องเรามากให้ใส่ใจ... คนยากไร้ที่สุดของสังคมหรือบรรดาสมาชิกผู้อ่อนแอที่สุดของสังคม พระสันตะปาปาเตือนให้เราต้องเปิดใจรับให้มากที่สุด (EG 210) คือ
1. คนไร้บ้าน
2. คนติดยา
3. ผู้อพยพลี้ภัย
4. คนพื้นเมืองดังเดิม
5. คนสูงอายุที่โดดเดี่ยวและถูกทอดทิ้งซึ่งมีจำนวนมาก
6. ผู้อพยพย้ายถิ่น

16ด้วยความเชื่อในพระนามของพระองค์ ชายผู้นี้ซึ่งท่านทั้งหลายเห็นและเคยรู้จักจึงกลับมีกำลังขึ้นอีก ความเชื่อในพระองค์นี้แหละรักษาชายง่อยคนนี้ให้เป็นปกติต่อหน้าท่านทั้งหลาย
• “พระนาม” ของพระองค์ยังคงเป็นพลังสูงสุดต่อไป โดย “เชื่อใน” พระนามของพระองค์
• เชื่อในหมายความว่า
o ยอมให้พระนามของพระองค์นำชีวิตของเรา
o ให้พระนามของพระองค์เป็นความเชื่อสูงสุดของเราตอดไป....
o “ความเชื่อ” คือ “พลัง” จริงๆ ตลอดไป
o พลังมาจากความเชื่อในพระเยซู ความเชื่อสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง แม้ความง่อยแต่กำเนิด
o เราจึงมั่นใจได้ว่า ความเชื่อ อาศัยความเชื่อ เราจะมีพลังของพระเจ้าพอเพียงเหลือเฟือที่จะเปลี่ยนแปลงความง่อย พิการ ทั้งทางกายภาพ หรือจิตใจ สังคม หรือโลก ในทุกอย่าง
o ขอมีความเชื่อในพระนามของพระองค์
o แต่บ่อยครั้งคนเรา เราอาจจะได้เชื่อในตนเองเกินไป เชื่อในสิ่งผิดๆ หรือผิดความยุติธรรมเกินไป....

17ถึงกระนั้น พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านกระทำไปเพราะไม่รู้ เช่นเดียวกับบรรดาหัวหน้าของท่าน 18แต่พระเจ้าทรงใช้วิธีนี้เพื่อทำให้ถ้อยคำที่พระองค์ตรัสไว้ล่วงหน้าโดยทางบรรดาประกาศก ว่าพระคริสตเจ้าของพระองค์จะต้องทรงรับทรมานนั้นเป็นจริง
• เปโตรยืนยันว่า... ความไม่รู้ เขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป... เขาไม่รู้ว่าเขาทำผิดด้วยซ้ำ.. เพราะประชากรเหล่านี้ใจแข็งกระด้าง ความดื้อ
• และดูเหมือนว่า ความดื้อของพวกเขาด้วยก็อยู่ในแผนการของพระเจ้า พระเจ้าเตรียมทุกอย่างมาโดยทางบรรดาประกาศกทั้งหลาย และเป็นความจริงว่า พระคริสตเจ้าต้องรับทรมานเพื่อไถ่บาปของเรา เพื่อเราทุกคน พระองค์ยอมตายเพื่อมนุษยชาติทุกคน
• ในความตายของพระองค์ พระองค์ทรงไถ่บาปของเรา ทรงจุ่มตัวในความตาย และทรงกลับคืนพระชนม์เพื่อมนุษย์ทุกคน และนี่คือแผนการแห่งความรักของพระเจ้าจริงๆเสมอมาตลอดประวัติศาสตร์...

19เพราะฉะนั้นท่านจงเป็นทุกข์กลับใจและหันมาหาพระเจ้าเถิด เพื่อบาปของท่านจะได้รับการอภัย
• สิ่งที่สำคัญและจำเป็นที่สุดสำหรับทุกคนที่ได้ฟังพระวาจานี้ คือ “กลับใจ กลับใจ กลับใจ” เป็นทุกข์ถึงบาป... เสียใจ
• และหันกลับจากทางผิดๆ กลับมาหาพระเจ้า เลิกเดินทางผิด เลิกเดินทางที่หลงไป แ
• ละกลับมาหาพระเจ้า... เมื่อหันกลับมาหาพระเจ้า... นั่นคือโอกาสที่ได้รับ “การอภัย” จากพระเจ้า.. จำเป็นต้องกลับใจ... เพื่อได้รับการอภัยบาป
• สัจธรรมแห่งปัสกาสำหรับเรา คือ การกลับใจ การได้รับศีลอภัยบาปอย่างดี... และที่สำคัญมากคือ เลิกเดินทางผิด เลิกชีวิตผิดๆ โสมม ฉ้อโกง เลิกอยุติธรรม และกระทำความดี เจริญชีวิตใหม่ เหมือนได้ตายแล้วเกิดใหม่... ตายจากความเลวร้ายทุกชนิดทั้งความคิด การกระทำ และนิสัยถาวรของเรา

20และดังนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงบันดาลให้เวลาแห่งการให้กำลังใจ มาถึง และจะทรงส่งพระคริสตเจ้าที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้ามาหาท่าน คือพระเยซูเจ้า 21พระองค์ยังต้องทรงรออยู่ในสวรรค์จนกระทั่งถึงเวลาที่จะทรงฟื้นฟูทุกสิ่งขึ้นใหม่ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ตั้งแต่โบราณกาลโดยปากของบรรดาประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
• เวลาแห่ง “กำลังใจ” ต้องมาถึง
• และมาถึงโดยทางพระเยซูเจ้า ทางปัสกาหรือการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ นี่คือ
o เวลาแห่งความรักของพระเจ้า
o เวลาแห่งกำลังใจของพระเจ้าที่มาถึง พระเยซูเจ้าทรงเป็นพลัง
o และพระพรแห่งเวลาที่สำคัญที่มนุษยชาติรอคอยมาตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติ.... พระองค์คือ จุดศูนย์กลาง คือ โฟกัสของการรอคอยและทรงมาถึงแล้ว...”

22โมเสสกล่าวไว้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านทั้งหลายจะทรงบันดาลให้ท่านมีประกาศกคนหนึ่งเหมือนข้าพเจ้า เกิดขึ้นจากบรรดาพี่น้องของท่าน ท่านจงเชื่อฟังทุกสิ่งที่เขาจะบอก 23ผู้ใดไม่เชื่อฟังประกาศกผู้นี้ จะต้องถูกกำจัดออกไปจากประชากร” 24ประกาศกทุกคนตั้งแต่ประกาศกซามูเอลเป็นต้นมาก็ได้กล่าวและประกาศล่วงหน้าถึงเรื่องเหล่านี้
• ตลอดประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมคือการนำทางมาตลอดเพื่อมุ่งมาที่จุดโฟกัสนี้ ประกาศกทุกองค์ล้วนกล่าวถึงพระองค์
• เปโตรยืนยันว่า ถ้าชาวยิวเชื่อมั่นในประกาศก ดังนั้น ก็ต้องเชื่อมั่นในพระเยซู เพราะประกาศกทุกองค์ล้วนกล่าวถึง และนำทางมาถึง “พระเยซู” อย่างแน่นอน
• แล้วถ้าชาวยิวเชื่อในโมเสส และบรรดาประกาศก จะไม่เชื่อในพระเยซูได้อย่างไร...
• พ่อยืนยันว่า ถ้าเราไม่รู้จักพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมดีๆ ถ้าเราอ่านแต่พันธสัญญาใหม่ เรารู้จักพระเยซูเจ้าเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะพันธสัญญาใหม่ซ่อนอยู่ในพันธสัญญาเดิม และพันธสัญญาเดิมสมบูรณ์ในพันธสัญญาใหม่..(Dei Verbum) สอนไว้อย่างชัดเจน

25ท่านทั้งหลายเป็นบุตรหลานของบรรดาประกาศก และของพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงกระทำไว้กับบรรพบุรุษของท่าน เมื่อตรัสแก่อับราฮัมว่า “ประชาชาติทั้งหลายบนแผ่นดินจะได้รับพระพรโดยทางเชื้อสายของท่าน” 26ดังนั้น พระเจ้าทรงบันดาลให้ผู้รับใช้ของพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพ และทรงส่งมาหาท่านก่อนผู้อื่นเพื่อนำพระพร มาให้ท่านแต่ละคนกลับใจละทิ้งวิถีทางชั่วร้ายของตน”
• สรุปได้ว่า อิสราเอลเป็นลูกหลานของประกาศก และพระเจ้าทรงสัญญาถึงพระเยซู ทรงทำเป็นพันธสัญญาไว้สำหรับพวกเขาก่อนอื่นใคร
• จึงเป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้รับพระพร ด้วยเหตุผลที่ดีที่สุด.. เหตุผลที่จำเป็นที่สุด คือ “กลับใจละทิ้งวิถีชั่วร้ายของตน”....
• เป้าหมายของการเสด็จมาของพระเยซูคือเพื่อการเปลี่ยนแปลงชีวิต เพื่อนำสันติภาพ ความรัก และความดี มาสู่ชีวิตจริงๆ
• พี่น้องครับ เราทุกคนคืออิสราเอลใหม่ คือ พระศาสนจักรที่ต้องชัดเจน ชื่อศรัทธา และเจริญชีวิตในหนทางใหม่ที่พระเยซูเจ้านำมา คือ หนทางของความรัก ความเชื่อ และความหวังจริงๆ ขอให้เราได้เดินในหนทางนี้เสมอนะครับ อย่านอกลู่นอกทางหรือเดินเลี่ยงเรียบเคียงกันเลย “ทางตรง” คือ หนทางของพระเจ้าครับ

ไตร่ตรอง
1. สันติภาพอยู่ที่ไหน??? สันติภาพจะเกิดขึ้นได้อย่างไร??? พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประกาศร้องขอเมื่อวันปัสกาเพื่อขอสันติภาพทั่วโลก พระองค์ทรงล้างเท้าให้กับบรรดาผู้ลี้ภัยพระองค์.. พระองค์ของสันติภาพในตะวันออกกลาง สันติภาพในเกาหลี สันติภาพในทุกมุมของโลก...

2. ประเทศไทยของเรา ต้องการสันติภาพและความดีนี้มากที่สุด ณ ยามนี้ของความแตกร้าวของความคิดจนกลายเป็นความแตกแยกทางชีวิตและสังคม โดยเฉพาะส่งผลไปสู่ความเกลียดชั่ง จนถึงความเลวร้ายที่สุดของคนที่ลงมือฆ่าและทำร้ายชีวิต ขณะเดียวกัน ภาคใต้ก็ต้องการสันติภาพสำหรับชีวิตและความปลอดภัย

3. ขอวิงวอนเถิด ภาวนาถึงพระเจ้าสูงสุด พระเจ้าแห่งสวรรค์และแผ่นดิน...

• พี่น้องครับ เราคุกเข่าลงภาวนาขอสันติภาพ ขอพระเจ้าโปรดทำให้ทุกคนที่กระทำความชั่วร้ายต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ การทำลายล้างชีวิตกันและกัน ขอให้ “กลับใจ” มาหาพระเจ้าเถิด...
• พ่อเสียดแทงในหัวใจจริงๆที่ประเทศไทยของเราขาดความปลอดภัย สังคมของเราเกิดความแตกแยกทางความคิดบ้างไม่แปลก แต่เสียดแทงดวงใจเมื่อมีคนเริ่มเกลียดชัง ฆ่า ทำลาย หรือข่มชีวิตกันเอง... ลักษณะนี้คือบาปและความเลวร้ายที่ปรากฎในสังคมเรา

• นอกนั้น บรรดาคนที่ทำร้ายเพื่อนพี่น้องด้วยการโกง การคอรัปชั่น ทุกระดับ นักการเมืองที่โกงหรือคอรัปชั่น เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ พนักงานบริษัทเอกชนหรือรัฐ การคอรัปชั่น พระสันตะปาปาสอนเราว่า นี่คือ “เครือข่ายของบาป” สายโยงใยของระบบบาปที่ก่อตัวจากบุคคลแผ่นไปถึงครอบครัววงศ์วานและกลายเป็นครอบครัวทรยศต่อชาติหรือเครื่องข่ายทรราชของสังคม และ/หรือ แม้แต่เราศาสนิกชนและศาสนบริกรด้วยเช่นกัน ทุกคนที่โกงและคอรัปชั่น ด้วยเรื่องเงิน สิทธิ พระพร ซื้อขายและโลภอยู่เบื้องหลังพระพรและการรับใช้ ฯลฯ ทุกรูปแบบ... ขอพระเจ้าทรงประทานพรแห่งการกลับใจ... สู่ความสัตย์ซื่อเพื่อนำมาซึ่งสันติภาพและสันติสุข...

1. ความจริงคือ ผู้สร้างสันติ จะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า Son of God: Maker of Peace ถ้าไม่สร้างสันติ และสร้างความรุนแรงในทุกรูปแบบ... ตรรกะทางความคิดและความเชื่อก็บอกได้ว่า เขาเหล่านั้น คนนั้นๆ ที่รุนแรง ฆ่า ทำลาย คอรัปชั้น โกงซึ่งทรัพย์สิ้น สิทธิ ไม่ว่ารูปแบบใดๆ คนที่อยุติธรรมเช่นนี้ไม่ใช่บุตรของพระเจ้า ถ้าไม่ใช่ลูกพระก็คงลูกผีกระมัง เพราะในพระเจ้า ไม่มีความรุนแรง ไม่มีความอยุติธรรม และไม่มีการโกงเลย....
2. ขอพระเจ้าประทานสันติสุขครับ ขอเราเป็นบุตรของพระเจ้าจริงๆด้วยเทอญ....

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก