“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 16 มีนาคม 2016
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต 

           บาบิโลนสมัยครอบครองอาณาจักรยูดาห์ และได้กวาดต้อนประชากรของพระเจ้าไปเป็นเชย ยามเศร้าที่สุด ในปี 587 ก่อนคริสตกาล เป็นเวลาเศร้าแสนสุดจะพรรณนา เมื่ออาณาจักรยูดกเสียแผ่นดิน เสียพระวิหาร เยรูซาเล็มที่ถูกเผาราบเป็นหน้ากลอง เสียความเป็นชาติประชากรของพระเจ้าต้องไปอยู่เป็นทาสบาบิโลน และที่นั่นเขาก็สร้างพระเท็จเทียมในบาบิโลน และที่แย่มากๆ บังคับให้ทุกคนกราบไหว้บูชาพระเท็จเทียมหรือรูปเคารพที่สร้างใหญ่โตมาก ใหญ่โตมากยิ่งดูดีดูศักดิ์สิทธิ์มากกระนั้นหรือ...


พี่น้องครับ อ่านหนังสือดาเนียลวันนี้จะเห็นบรรยากาศที่ต้องถูกบังคับในแดนเนรเทศให้ต้องกราบไหว้รูปเคารพ...

ดนล 3:14-20,91-92,95…. (พ่อให้อ่านข้อ 1-13 ด้วยนะครับ)

          1กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีรับสั่งให้สร้างรูปปั้นทองคำ สูงสามสิบเมตร กว้างสามเมตร ตั้งไว้บนที่ราบดูราในแคว้นบาบิโลน 2แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงเรียกประชุมบรรดาผู้ว่าราชการภาค ผู้ว่าราชการแคว้น ผู้ว่าราชการเมือง มนตรีที่ปรึกษา เสนาบดีการคลัง ผู้พิพากษา ผู้ปกครองและบรรดาเจ้าหน้าที่อื่นๆของแคว้นต่างๆ ให้มาร่วมงานฉลองพิธีเปิดรูปปั้นที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีรับสั่งให้ตั้งขึ้น 3บรรดาผู้ว่าราชการภาค ผู้ว่าราชการแคว้น ผู้ว่าราชการเมือง มนตรีที่ปรึกษา เสนาบดีการคลัง ผู้พิพากษา ผู้ปกครองและบรรดาเจ้าหน้าที่อื่นๆของแคว้นต่างๆก็มาร่วมงานเปิดรูปปั้นที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีรับสั่งให้ตั้งขึ้น

           เขาทั้งหลายมายืนอยู่หน้ารูปปั้นนั้น 4ผู้ประกาศประกาศเสียงดังว่า “ประชาชนที่มีเชื้อชาติและพูดภาษาต่างๆ จงฟังเถิด 5เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์ เสียงปี่ เสียงพิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีอื่นๆ ท่านทั้งหลายจงกราบนมัสการรูปปั้นทองคำที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีรับสั่งให้ตั้งไว้ 6ผู้ใดไม่ยอมกราบนมัสการรูปนั้น จะต้องถูกโยนลงไปในเตาที่มีไฟลุกโพลงทันที” 7ดังนั้น เมื่อได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์ เสียงปี่ เสียงพิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีอื่นๆ ประชาชนที่มีเชื้อชาติและพูดภาษาต่างๆก็กราบนมัสการรูปปั้นทองคำที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีรับสั่งให้ตั้งไว้

           8เวลานั้น ชาวเคลเดียบางคนเข้ามาฟ้องกล่าวหาชาวยิว 9ทูลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ว่า “ข้าแต่พระราชา ขอทรงพระเจริญตลอดไปเถิด 10ข้าแต่พระราชา พระองค์ทรงออกพระราชกฤษฎีกาว่าผู้ใดได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์ เสียงปี เสียงพิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด ต้องกราบนมัสการรูปปั้นทองคำ 11ผู้ใดไม่กราบนมัสการจะต้องถูกโยนลงไปในเตาที่มีไฟลุกโพลง 12บัดนี้ ข้าแต่พระราชา ชาวยิวบางคนที่พระองค์ทรงแต่งตั้งให้ปกครองแคว้นบาบิโลน คือชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ไม่เชื่อฟังพระองค์ เขาไม่ยอมรับใช้เทพเจ้าของพระองค์ ไม่ยอมนมัสการรูปปั้นทองคำที่พระองค์ทรงตั้งไว้” 13กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์กริ้วมาก มีรับสั่งให้นำตัวชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกเข้ามา คนเหล่านี้ก็เข้ามาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์
14กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตรัสถามเขาว่า “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก เป็นความจริงหรือไม่ ที่ท่านไม่ยอมรับใช้เทพเจ้าของเรา และไม่ยอมนมัสการรูปปั้นทองคำที่เราตั้งไว้ 15บัดนี้ เมื่อท่านได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์ เสียงปี่ เสียงพิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุงและเครื่องดนตรีทุกชนิด จงเตรียมพร้อมที่จะกราบนมัสการรูปปั้นที่เราสร้างขึ้น ถ้าท่านไม่ยอมทำเช่นนี้ ท่านจะต้องถูกโยนเข้าไปในเตาที่มีไฟลุกโพลงทันที แล้วพระเจ้าใดเล่าจะช่วยท่านให้พ้นจากมือของเราได้”

             16ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกกราบทูลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายไม่จำเป็นจะต้องทูลตอบพระองค์ในเรื่องนี้ 17ข้าแต่พระราชา ขอทรงทราบเถิดว่า พระเจ้าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายรับใช้จะทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากเตาที่มีไฟลุกโพลง และให้พ้นพระอานุภาพของพระองค์ได้ 18แม้พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่ทรงช่วย ข้าแต่พระราชา ขอพระองค์ทรงทราบเถิดว่าข้าพเจ้าทั้งหลายก็จะไม่ยอมรับใช้เทพเจ้าของพระองค์ และจะไม่ยอมนมัสการรูปปั้นทองคำที่พระองค์ทรงตั้งขึ้น”

              19กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์กริ้วมาก พระพักตร์ของพระองค์เปลี่ยนเป็นดุดันต่อชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก รับสั่งให้เพิ่มไฟในเตาให้ร้อนจัดกว่าเดิมอีกเจ็ดเท่า 20และรับสั่งให้ทหารบางคนที่แข็งแรงที่สุดในกองทัพมามัดชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก โยนเข้าไปในเตาที่มีไฟลุกโพลง

              91(24)กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ประหลาดพระทัยมาก ทรงลุกขึ้นทันที ตรัสกับบรรดาข้าราชบริพารว่า “พวกเรามัดชายสามคนโยนลงไปในไฟมิใช่หรือ” เขาทั้งหลายทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า” 92(25)พระองค์ตรัสต่อไปว่า “แต่เราเห็นชายสี่คนไม่ถูกมัดกำลังเดินอยู่กลางเปลวไฟโดยไม่ได้รับอันตรายเลย ใบหน้าของชายคนที่สี่นั้นคล้ายกับใบหน้าของเทพบุตร”
95(28)กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตรัสว่า “ขอถวายพระพรแด่พระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก พระองค์ทรงส่งทูตสวรรค์มาช่วยกอบกู้ผู้รับใช้ที่วางใจในพระองค์ เขายอมละเมิดคำสั่งของเรา และยอมพลีร่างกายดีกว่าที่จะรับใช้และนมัสการเทพเจ้าอื่นนอกจากพระเจ้าของตน

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• เมื่อกล่าวถึงบาบิโลน... พ่อคิดถึงเพลงสดุดี 137 เพลงคร่ำครวญจากบาบิโลน เมื่อประชากรของพระเจ้าต้องระทมอยูที่นั่น....เมื่อต้องเนรเทศ เพราะบาปที่พวกเขาได้ทำโดยได้ละทิ้งพระยาห์เวห์ ไปนับถือรูปเคารพและพระเท็จเทียม... ขณะนี้ ในยุคของดาเนียล ตามพระวาจาที่เราได้ฟังวันนี้... พวกเขากลับต้องไปถูกบังคับให้นมัสการพระเท็จเทียม แต่ชายสามคนนี้แข็งแกร่งและยืนหยัดได้“ริมฝั่งน้ำ

• บทเพลงสดุดี ที่ร้องจากบาบิโลน มีความบางตอนว่า “พวกเราครวญคร่ำนั่งร้องไห้ ที่บาบิโลนแดนไกลโพ้นจำนรรค์ ระลึกถึงศิโยนไซร้ใจฉันตื้นตัน แขวนพิณพลัน ที่ต้นไม้ใกล้มรรคา...” หรือเราอาจจะเคยได้ยินในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษที่ By the River of Babylon

• เนบูคัสเนสซาร์แห่งบาบิโลนกวาดต้อนชาวยิวไปจากอาณาจักรยูดาห์
o กวาดต้อนไปเป็นเชลยในบาบิโลน
o ไปเป็นทาสเขา ไปเป็นเชลยเขา
o ก็ต้องยอมเขาไปเสียทุกอย่าง

• ถ้าเราอ่านหนังสือดาเนียลวันนี้เราจะได้เห็นความขมขื่นของชีวิตในต่างแดน...

• แค่เพียงยอมเสียแผ่นดิน สิ้นชาติ สิ้นกษัตริย์และที่สำคัญสิ้นพระวิหาร สิ้นขนบธรรมเนียมและความเชื่อทางศาสนา...ก็หนักหนาสาหัสอยู่ลแล้ว แต่ แต่ แต่

• แม้ทั้งสามคนได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองในต่างแดน แต่พวกเขาชาวยิวเหล่านี้ก็ต้องถูกบังคับให้กราบไหว้ “พระเท็จเทียม” รูปปั้นทองคำสูงใหญ่ที่ชาวยิวต้องกราบไหว้ตามวันเวลาที่ทุกโมงยามที่มีเสียงเรียกร้องให้สรรเสริญพระเท็จเทียม... และนี่คือกฎหมายสำหรับบาบิโลนที่ให้ทุกคนในแผ่นดินต้องยอมกราบไหว้นมัสการพระของบาบิโลน....

กล่าวถึงพระเท็จเทียม เราย้อนกลับมาพิจารณาไตร่ตรองความจริงของเรา

• พระเท็จเทียมเป็นอะไรที่ทำให้เราต้องยอมรับว่า เรื่องนี้น่าเจ็บปวดหัวใจจริงๆ....
o ความจริงเรื่องนี้ก็ไม่ไกลไปจากเราในปัจจุบันมากนักหรอก
o พ่อคิดว่า พระเท็จเทียมในโลกปัจจุบัน กระแสโลก ก็มีมากมายที่ทุกคนบูชาเหลือเกิน แต่ก็เท็จเทียมจริงๆ นะครับ คนก็ศรัทธาและอยากได้ อยากมี อยากหามาให้ได้...
o คนปัจจุบันเราบูชาและยกย่องกันมากมายในเรื่องกระแสโลก โลกที่บูชายี่ห้อ สิ้นค้าแบรนเนม เครื่องใช้ไฮเทคที่เห่อแห่แหนจองกันทั่วบ้านทั่วเมือง

• ของใช้บางรายการ ประชาชนก็ต้องแห่กันไปเหมือนกระทำพิธีตื่นเฝ้าเพื่อจะได้สิทธิ์ซื้อหาสินค้าเป็นตัวแรกให้ได้ เพราะรอคอและก็ร่ำรออยากได้ใจจะขาด อยากได้มาครอบครองและใช้สอย และอีกไม่นาน ไม่กี่เดือนหลังจากนั้นก็ตกรุ่น รุ่นสามจี สี่จี เดี๋ยวก็ห้าจี และไม่รู้จะไปอีกกี่จี แล้วออกไม่ได้ไม่นานแต่ละจีก็ตกรุ่น ตกตายตามกันไปจากความนิยม ไปอยู่ตามตู้โชว์ขายเป็นมือสองของถูก...

• คนก็หลงใหลได้ปลื้มเสียเต็มประดา พระเท็จเทียมนี่แรงทุกยุคทุกสมัยจริงๆ คนเราให้เวลากับสิ่งเหล่านี้ทั้งวันทั้งคืน ให้เวลากับสิ่งเหล่านี้จนลืมให้เวลากับพระเจ้าเที่ยงแท้และศรัทธา...

• และคนก็ให้ราคากันแก่สิ่งที่ถือนี่แหละครับ... จนหลงกันไปว่านี่คือเครื่องประกันความดี ประกันคุณธรรม ประกันฐานะหน้าตาและศักดิ์ศรี... เจ็บปวดมากเมื่อคนเราประเมินความมีคลาสกันที่รถยนต์ที่ขับ ต้องสปอร์ตปราดเปรียวที่นั่งได้แค่สองคนแต่ราคามากกว่ารถเมล์นับสิบคัน แต่เวลามุดใต้สิบล้อก็เหลือนิดเดียว... กระเป๋าที่หิ้ว โทรศัพท์ที่ใช้ หรือเสื้อผ้าแบรนแพงๆ ก็ให้ค่ากันไป...

• พี่น้องที่รักครับ พ่อว่าสังคมนับถือพระเท็จเทียมนี่น่าสงสาร...

• บางกรณีเวลาเกิดอุบัติเหตุแรงบนท้องถนน ดูสภาพรถยนต์แล้วผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารไม่น่าจะรอดได้เลย แต่ทว่าบังเอิญไม่ได้โดนคนขับหรือคนที่นั่งมาเพราะจังหวะที่เหมาะสมและความพอดีๆรอด ที่ไม่ได้กระทบกระเทือนต่อคนขับหรือคนนั่ง แน่นอนย่อมเกิดได้ในหลายๆกรณี ภาษาง่ายคือจังหวะนั้นรอดไปได้ โชคดีกว่าได้

• แต่คนเรามักจะถามกันทันทีว่า
o มีของเครื่องรางดีอะไร
o ห้อยวัตถุมงคลอะไรจึงรอดมาได้...
o หรือมียันต์มีคาถาอะไรหรือสักรอยอะไรไว้... ทั้งๆที่คนที่ขับและคนที่นั่งอาจจะยังเมาสุราจนไม่ได้สติ เรียกว่าดื่มมามากจนเกิดอุบัติเหตุแต่บังเอิญว่าไม่ได้โดนจุดที่ตนนั่งอยู่เช่นนั้น แต่ก็กลับคิดกับถามว่ามีพระอะไรดีจึงรอด ห้อยพระอะไรจึงรอด...
o โถ โถ โถ ทั้งๆ ที่ศีลธรรมจรรยาที่พระท่านสอนก็ชัดว่าอย่าดื่มสุราเมรัย...
o คนเราก็นะ ยึดติดกับวัตถุธาตุหรือเครื่องรางของขลังมากกว่าพระธรรมคำสอนและศรัทธาที่ออกมาจากหัวใจ...และถ้าไม่เมาไม่มึน ก็คงไม่ต้องเสียรถไปแบบนั้น หรือไม่ต้องก่อให้เกิดอุบัติเหตุแบบนั้นด้วยซ้ำไป
o อนิจจาและสิ่งเหล่านี้ วัตถุที่ว่ามงคลเหล่านี้ก็มีราคาอีก ปั่นปั้นราคากันอีก ตีราคากันอีก แล้วก็นะ ขายได้ ซื้อได้ ตามความขลังที่เชื่อกัน
o บางยุคก็แพงจนมากมาย แต่บางยุคก็ราคาตกจนไม่มีคนสนใจ ก็แบบนี้แหละครับศาสนพาณิช... เมื่อความอุปกรณ์เสริมศรัทธากลายเป็นเป้าหมายของการแสวงหาและบูชากันไป... และพระเท็จเทียมที่บูชากันมากที่สุด คือ “เงินตราและความมั่งคั่งนั่นเอง”

• ครับ การบูชาพระเท็จเทียม หรือที่พึ่งทางใจที่เป็นวัตถุ ก็เป็นเช่นนี้แล...

• คนที่เข้าถึงแก่นธรรมของศาสนา เข้าถึงแก่นธรรมของความงดงามของมนุษย์ หัวใจ น้ำใจ และความงามธรรมชาติที่พระเจ้าประทานมาให้ของเรา ของธรรมชาติ และโลก ที่เป็นของประทานจากพระเจ้าเท่านั้น ที่จะได้มีความสุขกับความงามแท้จริงสิ่งประเทืองความงามใดๆไม่เกี่ยวเลย

• พี่น้องครับ ของแท้คือชีวิตคือศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ คือความความคิด สติปัญญา ปรีชาญาณ และร่างกายที่พระเจ้าประทานมาให้อย่างงดงาม เหมาะสม

• ถ้าเราเข้าถึงสัจธรรมแห่งชีวิต ธรรมชาติที่งดงาม เรียบง่าย ความดี ความจริง ความรัก นั่นคือของจริงและดีที่เราพบได้ในพระเจ้าและในชีวิตของมนุษย์ทุกคน... ไม่ใช่ในวัตถุเลย...

• พระวาจาวันนี้เราพบว่า...ชายหนุ่มสามคนในหนังสือดาเนียล... ในยุคของบาบิโลนที่ต้องการให้บูชาพระเท็จเทียม คือ ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก

• คือชายหนุ่มสามคนที่นมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้ ไม่ยอมให้กับเนบูคัสเนสซาร์ ไม่ยอมกราบไหว้บูชาพระเท็จเทียมรูปใหญ่สง่าราคาแพงแต่ไร้ชีวิตจิตใจ โถรูปปั้นทองคำ สูงสามสิบเมตร กว้างสามเมตร โดดเด่นเป็นสง่าที่ต้องกราบไว้บูชาตามเวลาทุกช่วงของการกราบไหว้บูชา... รูปทองมาจากไฟที่เผาและหลอมออกมา...

• โถเศษโลหะที่โดนไฟหลอมสร้างกันขึ้นมา... รูปพระเท็จเทียมแบบนี้ วัตถุเหล่านี้โดนไฟเผาก็หลอมละเลยได้เลย.... แต่หนุ่มสามคนคือของแท้ นับถือพระเจ้าแท้ ตรงกันข้ามเลย ไฟที่โหมแรงหลายเท่ากว่าที่เคย ก็เผาพวกเขาไม่ได้เลย....

• จนในที่สุด เนบูคัสเนซาร์ยังต้องถวายพรแด่พระเจ้าของเข้าทั้งสามคนคือพระยาห์เวห์พระเจ้าเที่ยงแท้นั่นเอง... “กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตรัสว่า “ขอถวายพระพรแด่พระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก พระองค์ทรงส่งทูตสวรรค์มาช่วยกอบกู้ผู้รับใช้ที่วางใจในพระองค์ เขายอมละเมิดคำสั่งของเรา และยอมพลีร่างกายดีกว่าที่จะรับใช้และนมัสการเทพเจ้าอื่นนอกจากพระเจ้าของตน”

• พี่น้องที่รักครับ
o นี่อย่างไรครับ “ของแท้” ไฟเผาไม่ได้
o แต่พระเท็จเทียมตรงกันข้ามใช้ไฟเผ่าหล่อขึ้นมาจากทอง

• พี่น้องเห็นเห็นความตรงข้ามกันไหมครับ...
• แล้วเราจะบูชาอะไร พระเจ้าเที่ยงแท้ หรือพระเท็จเทียม
• เราจะสรรเสริญกันที่ความเป็นมนุษย์ของแต่ละคนหรือเราจะสรรเสริญเครื่องใช้และเครื่องประดับกันเล่า...
• จะเอาหัวใจของเราจดจ่ออยู่ที่ราคาทองคำเพรชพลอยบนรูปปั้นรูปเคารพ จะเอาหัวใจฝากไว้กับตัวเลขบนกระดานหุ้นที่ไม่รู้จะวุ่นและตกจนฟองแตกวันไหน...
• หรือว่า...เราจะเอาหัวใจจดจ่ออยู่ที่ชีวิต พี่น้อง เพื่อนบ้าน และเพื่อนมนุษย์ เพื่อรัก เพื่อเอาใจใส่ เพื่อสรรเสริญพระเจ้าร่วมกัน...
พี่น้องที่รัก ขอพระเจ้าอวยพรให้เรา “รักในความจริง(แท้)” เป็นอิสระจากรูปเคารพและความหลงไปกับการนับถือวัตถุพระเท็จเทียมนะครับ
• อย่าหลงของเทียมเท็จใดๆให้มากนักเลยนะครับ... ใช้สิ่งที่เรามี ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาให้มี มี มี จนไม่เป็นตัวของตัวเองและเสียเซวล์ฟ (self)
• พ่อขอให้เรารักพระเจ้าองค์ความจริงเสมอไป อ่านพระคัมภีร์ด้วยนะครับ... พระวาจาของพระเจ้าของแท้ล้ำค่าจริงๆครับ
• อ้อแต่พ่อก็ไม่ยอมนะครับถ้าแม้แต่การที่จะขายพระวาจาพระคัมภีร์เอากำไรเพื่อเงิน หนอยแน่ะ อย่านำพระวาจาเที่ยงแท้ไปเพิ่มราคาให้กับพระเท็จเทียมคือเงินตรานะครับ พระเจ้าอวยพรครับ
• อ้อ ลงท้ายนิดครับ พระสันตะปาปาฟรังซิสสอนเราแรงๆครับ ใน Evangelii Gaudium (ความชื่นชมแห่งพระวรสาร) ว่า พระองค์ต้องการให้เราคริสตชนได้หลุดพ้นจากการบูชาตัวพระเท็จเทียม (ขอใช้คำว่า “ตัว” เพราะบ่อยๆเขาก็เรียกกันว่า “ตัวเงิน” ใช่ไหมครับ) คือพระเท็จเทียมที่ตัวมันมีชื่อว่า “เงิน” นะครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก