“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2016
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต

วันนี้พ่ออ่านพระคัมภีร์จากประกาศกโยนาห์แล้วพ่อไม่อยากเขียนบทเทศน์เลย.... พ่ออยากให้อ่านหนังสือประกาศกโยนาห์ให้มากกว่าที่คัดมาในมิสซาประจำวันที่นำมาเพียงบทที่ 3 เพียง 10 ข้อ เท่านั้น พ่ออดไม่ได้จริงๆ พ่อจึงตัดสินใจไปคัดมาให้อ่านเกือบหมดเล่มเลยครับ มีเพียง 4 บท และบทที่ 2 พ่อได้ตัดบทเพลงของโยนาห์ในท้องปลาใหญ่นั้นออก เพราะพ่ออยากให้พี่น้องที่รักได้อ่านอย่างลึกซึ้งถึงเรื่องเล่าของการที่พระเจ้าเรียกและส่งประกาศกโยนาห์ออกไปเตือนชาวนีนะเวห์ซึ่งลูกๆ ของพระเจ้าเหมือนกันให้ได้กลับใจหันกลับมาหาพระองค์ และเสียงของประกาศกที่เตือนประชาชนตามที่พระเจ้าส่งไปได้ทำให้พวกเขาได้กลับใจกันทั้งหมดทั้งเมืองนีนะเวห์ นี่คือคำสอนที่น่ามหัศจรรย์สำหรับการเปลี่ยนแปลงเพราะพระวาจาของพระเจ้า เพราะพระดำรัสเตือนที่มาจากพระเจ้า และเพราะความรักที่มาจากพระเจ้า... น่าอ่านจริงๆนะครับ


พี่น้องครับ วันนี้พ่อขอให้เราอ่านประกาศกโยนาห์ตลอดหนังสือของท่านด้วยกันได้ไหมครับ อ่านเลยนะครับ... แล้วหลังจากอ่านพ่อจะทำอรรถาธิบายให้ฟังครับ...วันนี้อ่านประกาศกน่ารักๆองค์นี้กันครับ....

 

ยนา 3:1-10….. (ยนา 1-4 ยกเว้นบางส่วนจากบทที่ 2)

1พระยาห์เวห์ตรัสกับโยนาห์บุตรของอามิททัยว่า 2“จงลุกขึ้น ไปยังกรุงนีนะเวห์นครใหญ่ และประกาศแก่เมืองนั้นว่าความชั่วของเขาขึ้นมาถึงเรา” 3แต่โยนาห์ลุกขึ้นหนีจากพระพักตร์พระยาห์เวห์ไปยังเมืองทารชิช เขาลงไปถึงเมืองยัฟฟา และพบเรือลำหนึ่งกำลังไปเมืองทารชิช เขาจึงชำระค่าโดยสาร และลงเรือเดินทางพร้อมกับคนอื่นไปยังเมืองทารชิชให้พ้นจากพระพักตร์พระยาห์เวห์


4แต่พระยาห์เวห์ทรงส่งลมแรงเหนือทะเลจนเกิดพายุใหญ่ในทะเล จนน่ากลัวว่าเรือจะอับปาง 5บรรดาลูกเรือมีความกลัว ต่างร้องหาเทพเจ้าของตน และโยนข้าวของในเรือลงทะเล เพื่อให้เรือเบาขึ้น ส่วนโยนาห์ลงไปใต้ท้องเรือ นอนลงและหลับสนิท 6นายเรือมาหาเขา พูดว่า “อะไรกัน ท่านยังนอนหลับได้หรือ จงลุกขึ้น เรียกพระเจ้าของท่าน บางทีพระองค์จะทรงคิดถึงพวกเราบ้าง เราจะได้ไม่ต้องพินาศ” 7แล้วทุกคนพูดกันว่า “มาเถอะ เราจงจับฉลากกัน เพื่อจะรู้ว่าใครเป็นเหตุทำให้ภัยนี้เกิดแก่เรา” เขาจึงจับฉลาก ฉลากก็ตกแก่โยนาห์ 8เขาเหล่านั้นจึงถามโยนาห์ว่า “บอกเราซิว่า ทำไมท่านจึงเป็นเหตุให้ภัยนี้เกิดแก่เรา ท่านทำอาชีพอะไร ท่านมาจากไหน แผ่นดินของท่านอยู่ที่ไหน ท่านเป็นชนชาติใด” 9เขาจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวฮีบรู ข้าพเจ้านมัสการพระยาห์เวห์ พระเจ้าของสวรรค์ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดินแห้ง” 10คนเหล่านั้นมีความกลัวมาก ถามเขาว่า “ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้” เพราะคนเหล่านั้นรู้แล้วว่าโยนาห์กำลังหนีจากพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพราะเขาได้บอกแล้ว


11บรรดาลูกเรือจึงถามเขาว่า “เราจะต้องทำอย่างไรกับท่าน เพื่อทะเลจะได้สงบลงสำหรับเรา” เพราะทะเลยิ่งปั่นป่วนมากขึ้น 12โยนาห์จึงตอบว่า “จงจับข้าพเจ้าโยนลงไปในทะเล ทะเลก็จะสงบลงสำหรับท่าน เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าเป็นความผิดของข้าพเจ้าที่พายุใหญ่เกิดขึ้นแก่ท่านเช่นนี้” 13พวกลูกเรือพยายามแจวเรืออย่างสุดกำลังเพื่อนำเรือกลับเข้าฝั่ง แต่ไม่สำเร็จ เพราะทะเลยิ่งปั่นป่วนมากขึ้นต้านเขา 14เขาทั้งหลายจึงร้องหาพระยาห์เวห์ พูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ได้ทรงโปรดเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายวอนขอพระองค์อย่าทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องพินาศเพราะชีวิตของชายผู้นี้เลย อย่าให้ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องรับผิดชอบความตายของผู้บริสุทธิ์ เพราะพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ได้ทรงทำตามที่พอพระทัย” 15เขาทั้งหลายจึงจับโยนาห์โยนลงไปในทะเล ความปั่นป่วนของทะเลก็สงบลง 16คนเหล่านั้นมีความกลัวพระยาห์เวห์ยิ่งนัก เขาจึงถวายบูชาแด่พระยาห์เวห์และบนบานต่อพระองค์ 1พระยาห์เวห์ทรงจัดให้ปลาใหญ่ตัวหนึ่งกลืนโยนาห์เข้าไป โยนาห์อยู่ในท้องปลาเป็นเวลาสามวันสามคืน 11แล้วพระยาห์เวห์ตรัสสั่งปลาให้สำรอกโยนาห์ออกไว้บนแผ่นดินแห้ง


1พระยาห์เวห์ตรัสกับโยนาห์อีกครั้งหนึ่งว่า 2“จงลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์นครใหญ่ และประกาศเรื่องที่เราจะบอกท่านแก่เขา” 3โยนาห์ก็ลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์ตามพระวาจาของพระยาห์เวห์ กรุงนีนะเวห์เป็นนครใหญ่มาก ถ้าจะเดินข้ามเมืองก็กินเวลาสามวัน 4โยนาห์เริ่มเดินเข้าไปในเมืองเป็นระยะทางเดินหนึ่งวัน ร้องประกาศว่า “อีกสี่สิบวัน กรุงนีนะเวห์จะถูกทำลาย” 5ชาวกรุงนีนะเวห์เชื่อฟังพระเจ้า และประกาศให้อดอาหาร สวมเสื้อผ้ากระสอบทุกคน ตั้งแต่คนใหญ่ที่สุดจนถึงคนเล็กที่สุด 6ข่าวนี้ลือไปถึงกษัตริย์กรุงนีนะเวห์ พระองค์ทรงลุกขึ้นจากพระบัลลังก์ ทรงเปลื้องฉลองพระองค์ออก ทรงสวมเสื้อผ้ากระสอบและประทับนั่งบนกองขี้เถ้า 7กษัตริย์ทรงประกาศกฤษฎีกาในกรุงนีนะเวห์พร้อมกับข้าราชบริพารชั้นสูงว่า “ทั้งคนและสัตว์ไม่ว่าใหญ่หรือเล็กอย่ากินสิ่งใด อย่ากินหญ้าหรือดื่มน้ำเลย 8ทั้งคนและสัตว์จงสวมผ้ากระสอบและร้องหาพระเจ้าสุดกำลัง แต่ละคนจงกลับใจจากความประพฤติชั่วและเลิกใช้การกระทำที่รุนแรง 9ใครจะรู้ได้ พระเจ้าอาจทรงเปลี่ยนพระทัย ทรงพระเมตตา และคลายพระพิโรธที่รุนแรง เพื่อเราจะไม่ต้องพินาศ” 10พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นความพยายามของเขา ที่จะกลับใจไม่ประพฤติชั่วอีกต่อไป พระเจ้าทรงพระเมตตาไม่ลงโทษตามที่ตรัสไว้ว่าจะทรงลงโทษเขา


1โยนาห์ไม่พอใจอย่างมากและมีความโกรธเคือง 2เขาอธิษฐานภาวนาต่อพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ เมื่อข้าพเจ้ายังอยู่ในแผ่นดินของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดแล้วมิใช่หรือว่าจะเป็นไปเช่นนี้ ข้าพเจ้าจึงรีบหนีไปยังเมืองทารชิช เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เมตตาและกรุณา ไม่โกรธง่าย เปี่ยมด้วยความรักมั่นคง และกลับพระทัยไม่ลงโทษ 3บัดนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์ทรงเอาชีวิตของข้าพเจ้าไปเถิด เพราะข้าพเจ้าตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่” 4แต่พระยาห์เวห์ตรัสตอบว่า “ดีแล้วหรือที่ท่านโกรธ”


5โยนาห์จึงออกจากเมืองไปนั่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง เขาสร้างเพิงแล้วไปนั่งในร่มที่นั่น คอยดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเมืองนั้น 6พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงจัดให้ต้นละหุ่งต้นหนึ่งงอกขึ้นมาเหนือโยนาห์เพื่อให้ร่มบังศีรษะของเขา ทำให้เขาคลายความกลัดกลุ้ม โยนาห์จึงยินดียิ่งนักเพราะต้นละหุ่งต้นนี้ 7แต่วันต่อมาเมื่อตะวันขึ้น พระเจ้าทรงจัดให้หนอนตัวหนึ่งมากัดกินต้นละหุ่งต้นนั้นจนเหี่ยวไป 8เมื่อตะวันขึ้นแล้ว พระเจ้าทรงจัดให้ลมตะวันออกที่ร้อนจัด พัดมา แสงแดดก็แผดเผาศีรษะของโยนาห์จนเป็นลม เขาจึงทูลขอให้ตาย พูดว่า “ข้าพเจ้าตายเสียก็ยังดีกว่ามีชีวิตอยู่” 9พระยาห์เวห์จึงตรัสกับโยนาห์ว่า “ดีแล้วหรือที่ท่านโกรธเพราะต้นละหุ่งต้นนั้น” โยนาห์ทูลตอบว่า “ดีแล้ว พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าโกรธมากจนอยากตาย” 10แต่พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ท่านสงสารต้นละหุ่งต้นนั้นที่ท่านไม่ได้ลงแรงปลูกหรือทำให้มันงอกขึ้น มันโตขึ้นในคืนเดียว แล้วก็ตายไปในคืนเดียว 11แล้วเราจะไม่ต้องสงสารกรุงนีนะเวห์นครยิ่งใหญ่นั้น ซึ่งมีประชาชนมากกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นคนที่แยกไม่ออกว่าข้างไหนมือขวาข้างไหนมือซ้าย และมีสัตว์เลี้ยงจำนวนมากด้วยละหรือ”
--------------------------------------------------

 

อรรถาธิบาย
• โยนาห์ ชื่อนี้ปรากฏใน 2พกษ ในสมัยเยโรโบอัมที่ สอง ปี 786-746 ก่อนคริสตกาล ชื่อ โยนาห์ ภาษาฮีบรูที่มาจากอาณาจักรเหนือ יוֹנָה อ่าน “โยนาห์” แปลว่า “นกเขา” (Dove) แน่นอนเครื่องหมายถึงสันติภาพและการกลับใจ สันติสุขและการคืนดี การปราศจากความรุนแรงใดๆ โดยเด็ดขาด


• พระเจ้าสั่งให้ไปนีนะเวห์ ไปทางขวา แต่โยนาห์ไปทางซ้ายเลย ไปเมืองทาร์ชิช โยนาห์หนีจากคำสั่งของพระยาห์เวห์ เรียกว่า พระเจ้าสั่งให้ไปทางซ้าย แต่เขาออกเดินทาง “หนี” ไปทางขวา ท่านประกาศกออกเดินทางไปตรงกันข้ามกับทิศทางที่พระเจ้าสั่งทีเดียว ท่านออกไปเมืองจัฟฟาและลงเรือหนีไปจากพระเจ้า


• พายุใหญ่ ความหมายตรงๆที่เข้าใจได้ในเรื่องของโยนาห์คอ “ไม่มีทางที่ใครจะหนีจาก “พันธกิจ” ที่พระเจ้าได้มอบหมายหรือส่งให้ไป” แม้ท่านพยายามหนีไปให้ไกลที่สุด ไปคนละทิศที่พระเจ้าสั่งให้ไป แต่พระเจ้ามีวิธี พระองค์สามารถจัดการกับโยนาห์ให้กลับมาสู่พระบัญชาของพระองค์ ทั้งนี้โดยอาศัยพายุคลื่นลมทะเลและปลาใหญ่ และเราได้เห็นคำสารภาพของโยนาห์จริงๆว่าท่านหนีมาจากพันธกิจของพระยาห์เวห์ ““ข้าพเจ้าเป็นชาวฮีบรู ข้าพเจ้านมัสการพระยาห์เวห์ พระเจ้าของสวรรค์ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดินแห้ง” คนเหล่านั้นมีความกลัวมาก ถามเขาว่า “ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้” เพราะคนเหล่านั้นรู้แล้วว่าโยนาห์กำลังหนีจากพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพราะเขาได้บอกแล้ว”
o พ่อคิดว่ามีความหมายมาก คือว่า ไม่มีทางเลยที่จะหนีจากการประกาศความรักและความเมตตาของพระเจ้า
o จะหนีได้อย่างไร จะปล่อยให้ชาวนีนะเวห์ต้องตายในบาปโดยไม่ประกาศและให้โอกาสที่จะกลับใจได้อย่างไร... “วิบัติแก้ข้าพเจ้าถ้าไม่ประกาศพระวรสาร” (เทียบนักบุญเปาโล)
o พ่อคิดว่าประเด็นนี้ทำให้เราเห็นว่า “พันธกิจเพื่อประกาศความรัก ความเมตตา ความรอดพ้นแก่บรรดาผู้ที่กำลังตกในบาป” สำหรับพระคัมภีร์คำสอนสำคัญมากๆคือ

 

1. เราไม่สามารถละเว้นหรือหลีกหนีที่จะเมตตาสงสารช่วยเหลือ ไม่มีศาสนาใดสอนแบบนี้ มีแต่สอนให้ไม่ทำบาป หลีกหนีบาป แต่สำหรับเรา การหลีกหนีกระทำความดีช่วยเหลือคนบาป ก็เป็นพันธกิจของเรา เพราะพระเยซูเจ้าไม่ทรงมีบาป แต่ทรงรัก รัก รัก และเสด็จมายอมตายเป็นสินไถ่ชีวิตคนบาปอย่างเรา นี่คือ ความเชื่อศรัทธาของศาสนาครับ... คงบ้าแน่ๆและเสียสติแน่นอนถ้าเราจะฆ่าคนอื่นเพื่อเราจะไปสวรรค์... บ้าจริงๆ นะ... สำหรับเรา มีแต่ยอมตายเพื่อคนอื่นจะได้รอด รัก รัก รัก จนยอมสละชีวิต มอบหมดเพื่อคนอื่นได้รอด... ศาสนาแบบนี้ธรรมชาติจริงๆ พ่อแม่รักลูกจนยอมตายเพื่อลูกได้ทั้งนั้น (ปกตินะครับ) นี่คือธรรมชาติของความรักครับ... พระเจ้าเป็นพระบิดา ทรงเป็นความรัก ดังนั้น เราเลียนแบบความรักของพระเจ้าได้เลย ศาสนาของเราเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่สุด คือ รัก และที่สำคัญ ความรัก ออกจากตัวเอง ไม่รักตนเองนะครับ ใช่หรือไม่ครับ ถ้ารักตนเองก็เป็นความเห็นแก่ตัวธรรมดาไป ไม่ใช่ศาสนาครับ

 

2. เราต้องไม่ละเลยที่จะประกาศเพื่อให้โอกาสแก่พวกเขาทุกคน แม้บรรดาคนบาป หรือใครๆ ก็ตาม ให้ได้ยินเสียงของพระเจ้า ให้ได้มีโอกาสของการกลับใจ.... นี่คือหัวใจสำคัญ และที่สำคัญกว่านั้น

o พ่อเชื่อว่า หนังสือประกาศโยนาห์มีเจตนาทำให้เห็นว่า พระเจ้าเมตตาเหลือเกิน พระองค์จะไม่ปล่อยให้ผ่านไป แต่จะประทานโอกาสที่ให้ประชากรได้กลับใจ...
o พ่อเห็นชัดว่า เราคริสตชนพึงเหมือนพระเจ้ามากๆ คือ รักคนบาป คนที่ผิดพลาด ไม่สมน้ำหน้า ไม่ปรารถนาความตายของคนบาปหรือคนเลว แต่ปรารถนาให้เพื่อนพี่น้องของเราได้กลับใจ ได้เปลี่ยนแปลงในทางที่ดี และได้รอดพ้น

 

• ทุกคนในเรือต่างร้องหาเทพเจ้ามากมายของพวกตน... เอาไม่อยู่หรอกครับ พระไหนๆก็ไม่สามารถเพราะพระเหล่านั้นไม่ใช่ “ข้าพเจ้าเป็นชาวฮีบรู ข้าพเจ้านมัสการพระยาห์เวห์ พระเจ้าของสวรรค์ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดินแห้ง” คำสอนสำคัญของพระคัมภีร์ คือ
1. ใครจะต้านทานอำนาจของยาห์เวห์ได้ ที่สุดโยนาห์จึงต้องแสดงตนว่าหนีมาจากพระยาห์เวห์ เพราะ
2. ไม่มีใครสามารถต่อต้านความปรารถนา หรือต่อต้านพระประสงค์ของพระเจ้าองค์ความรักและเมตตานี้ได้หรอก
3. พระใดจะยิ่งใหญ่เท่าพระองค์ พระใดเล่าจะสามารถห้ามพายุใหญ่ที่เกิดขึ้น

 

• ถ้าพระเป็นประสงค์ของพระองค์ พระประสงค์นั้นจะต้องสำเร็จ โยนาห์ต้องกลับมา ต้องกลับมาเพื่อประกาศพระประสงค์ที่แสนดีของพระองค์.... ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าคืออะไร เป้าหมายคืออะไร ก็คือความงดงามแห่งความรักและความห่วงใยของพระองค์ต่อชาวนีนะเวห์นั่นเองครับ...


• “ข้าพเจ้าเป็นชาวฮีบรู ข้าพเจ้านมัสการพระยาห์เวห์ พระเจ้าของสวรรค์ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดินแห้ง” พระยาห์เวห์คือพระผู้สร้าง ทรงเป็นเจ้าของอำนาจเหนือทะเลและทุกสิ่ง พระองค์คือผู้สร้างแต่เพียงผู้เดียว....


• ต้องทำอย่างไรเพื่อให้ทะเลหยุดและสงบ โยนาห์ตอบว่า “จับข้าพเจ้าโยนลงไปในทะเลเถิด” พ่อคิดว่าวิธีเดียวที่จะหยุดได้คือยอมให้โยนาห์ลงไปจากเรือที่หันไปในทิศทางตรงข้าม หมายความว่าต้องยอมให้โยนาห์ได้กลับไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าเสียดีๆ...

 

• ที่พ่อแปลกใจและทึ่งคือประโยคนี้ครับ “เขาทั้งหลายจึงร้องหาพระยาห์เวห์ พูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ได้ทรงโปรดเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายวอนขอพระองค์อย่าทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องพินาศเพราะชีวิตของชายผู้นี้เลย อย่าให้ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องรับผิดชอบความตายของผู้บริสุทธิ์ เพราะพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ได้ทรงทำตามที่พอพระทัย””
o คนเหล่านั้นที่นับถือเทพเจ้าต่างๆ ในที่สุดได้ร้องหาพระยาห์เวห์พระเจ้าเที่ยงแท้
o และที่สำคัญพวกเขายอมรับรู้ว่าพวกเขาต้องไม่ยอมปล่อยให้ชาวนินะเวห์ต้องเสียโอกาสที่จะได้รับความรอด
o จนในที่สุดพวกเขาทั้งหมดในเรือนั้นได้ถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์

 

• ปลาใหญ่ คือ ปลาอะไร พ่อไม่ทราบครับปลาวาฬหรือเปล่า... แต่นี่เป็นภาษาสัญลักษณ์ครับ... แน่นอนที่สุด “หนีดีนักจับกลับมาเสียเลย...” ความหมายคือพระเจ้าสามารถนำเขากลับมา นำโยนาห์กลับมาสู่พันธกิจที่พระเจ้าต้องการ กลับมาสู่พระประสงค์ของพระเจ้าอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม การอยู่ในท้องปลาสามวัน ถูกเปรียบกับพระเยซูเจ้าในภายหลังว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ทรงอยู่ในพระคูหาเป็นเวลาสามวัน และได้กลับเป็นความรอดพ้นสำหรับมนุษยชาติทั้งมวล


• กลับมาสู่นีนะเวห์ พระเจ้าสั่งให้เขาออกเดินทางไปประกาศให้ชาวนีนะเวห์ทราบ... อีกสี่สิบวัน..นีนะเวห์จะถูกทำลาย มีเวลาสี่สิบวัน เลข 40 เป็นเลขของการรื้อฟื้น การกลับใจ การชำระตนเอง การสำนึกถึงบาปและการกลับใจอย่างแท้จริง สี่สิบวันเป็นเลขของชำระล้างประชากรให้บริสุทธิ์และกลับใจจากบาปของตน....


• กลับใจกันทั้งหมด ทั้งระบบทุกชีวิต “ชาวกรุงนีนะเวห์เชื่อฟังพระเจ้า และประกาศให้อดอาหาร สวมเสื้อผ้ากระสอบทุกคน ตั้งแต่คนใหญ่ที่สุดจนถึงคนเล็กที่สุด” เสียงของพระเจ้าทำให้ประชากรได้กลับใจ พระวาจาของพระเจ้าที่ประกาศทำให้พวกเขาได้กลับใจ นี่คือสิ่งที่เป็นเป้าหมายของการประกาศพระวาจา.... พวกเขาเปลี่ยนวิถีชีวิตและประกาศความเสียใจกันหมด น่าประทับใจที่สุด...


• ถึงขนาดที่กษัตริย์ ประกาศกฤษฎีกา... เรียกว่าการเปลี่ยนแปลนั้นเป็นไปอย่างเป็นรูปธรรมทั้งระบบ และสำคัญกลับใจกันทั้งระบบจริงๆ น่าประทับใจจริงๆ พ่ออยากจะเรียกว่า นี่คือ “การกลับใจแบบถอนรากถอนโคน เป็นการปฏิรูปประเทศหรือชาตินินะเวห์กันเลยทีเดียว”


• อันที่จริงเรื่องเล่าของประกาศกโยนาห์ทำให้เรารู้ว่า “อันที่จริงพระเจ้าทรงพระทัยดีจริงๆ พระองค์ต้องให้อภัยแน่ๆ เรื่องน้ำให้เราเห็นธรรมชาติของพระเจ้าจริงๆ”


• เรื่องนี้ในที่สุดทำให้เราได้รู้จักพระธรรมชาติที่แท้จริงของพระเจ้าครับ พระธรรมชาติที่แสนอ่อนโยนและเมตตาเหลือล้น โยนาห์ตัดพ้อและในคำตัดพ้อของท่านทำให้เรารู้จักพระเจ้าจริงๆ โยนาห์ตัดพอว่า “เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เมตตาและกรุณา ไม่โกรธง่าย เปี่ยมด้วยความรักมั่นคง และกลับพระทัยไม่ลงโทษ” นี่อย่างไรครับ “พระธรรมชาติแท้จริงของพระเจ้า...” น่ามหัศจรรย์ที่เราเรียนรู้จักพระองค์ได้จากหนังสือประกาศโยนาห์นี้เอง

 

• พี่น้องที่รักครับ... พ่อชอบตอนสุดท้ายของหนังสือประกาศกโยนาห์ที่สุด ประทับใจและซึ้งที่สุดเลย เมื่อพระเจ้าจัดการสอนโยนาห์เรื่องต้นละหุ่ง... โยนาห์น่าจะศีรษะล้านและร้อนมากด้วย ดังนั้น เมื่อต้นละหุ่งขึ้นมาท่านยินดี แต่เมื่อต้นละหุ่งตายไปโดยนาห์ก็เสียดาย โยนาห์เสียดายเพราะต้นละหุ่งที่ไม่ได้ปลูก แล้วประชากรนีนะเวห์แสนกว่าคนที่พระเจ้าทรงสร้างมาพระองค์จะไม่เสียดาย หรือไม่เสียใจและห่วงใยได้อย่างไร... เป็นวิธีที่พระเจ้าสอนโยนาห์และกระทบไปถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อชาวนีนะเวห์ คนบาปทั้งหลายก็ต้องการความเมตตาเหมือนกัน พระเจ้ารักมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างเสมอ เหนืออื่นใด สอนเราทุกคนอย่างดีมากๆ


• ประโยคสุดท้ายนี้สุดยอดจริงๆครับ ไม่ต้องตีความเลย ชัดจนไม่ต้องอธิบายนอกจาก...เปิดใจ ยอมรับความจริง....“พระยาห์เวห์ตรัส... ท่านสงสารต้นละหุ่งต้นนั้นที่ท่านไม่ได้ลงแรงปลูกหรือทำให้มันงอกขึ้น มันโตขึ้นในคืนเดียว แล้วก็ตายไปในคืนเดียว แล้วเราจะไม่ต้องสงสารกรุงนีนะเวห์นครยิ่งใหญ่นั้น ซึ่งมีประชาชนมากกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นคนที่แยกไม่ออกว่าข้างไหนมือขวาข้างไหนมือซ้าย และมีสัตว์เลี้ยงจำนวนมากด้วยละหรือ”

 

• สุดยอดครับ พระเจ้าไม่ได้เพียงสงสารหรือเสียดายชาวเมืองนีนะเวห์นะครับ แต่สัตว์เลี้ยงจำนวนมากด้วย ละเอียดอ่อนมากครับ หนังสือประกาศกโยนาห์....


ข้อคิดไตร่ตรอง
1. พี่น้องครับ อย่าละเลยโอกาสที่จะประกาศข่าวดีเพื่อพี่น้องได้สัมผัสความรักของพระเจ้าและกลับใจมาหาพระเจ้าเลยนะครับ ช่วยกันนะครับ ร่วมกันทำพันธกิจประกาศข่าวดี หย่าหนีจากการประกาศข่าวดี ด้วยกิจการและคำพูดของเราครับ สำหรับคนบาปหรือคนที่ต้องการความช่วยเหลือให้ออกจากความบกพร่องหรือบาปผิด เราต้องไม่ทิ้ง เราต้องรู้ว่า พระประสงค์ของพระเจ้าคือการกลับใจ


2. ตัวเราเองด้วยนะครับ พร้อมจะประกาศ และขณะเดียวกัน พร้อมจะกลับใจเช่นกัน


3. รักกันมากๆ สงสารกันมากๆ เสียดายกันมากๆ สำหรับผู้ที่บกพร่องเพราะความผิด เพราะบาปของสังคมและหรือได้รับผลกระทบของบาปทำให้ต้องตกต่ำและลำบาก ส่งสารกันมากๆนะครับ รักกันมากๆ ช่วยเหลือกันมากๆ


4. ให้เราเป็นคนที่ละเอียดอ่อนมากๆ ในการใส่ใจช่วยเหลือกันเพื่อการได้รับฟังข่าวดี การกลับใจ การกลับมาหาพระเจ้าเสมอครับ...


5. ขอให้พวกเราเป็น “โยนาห์” เครื่องหมายแห่งสันติและการคืนดีเสมอนะครับ...
พี่น้องที่รักครับ พ่อเขียนตีความสรุปๆนะครับ แต่ก็ยาวเหมือนกัน แต่เชื่อว่า พระพรมีพอเพื่อประกาศ เพื่ออ่านและเพื่อสัมผัสกับพระเจ้าครับ พระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ....

 

บทเรียนจากประกาศกโยนาห์
• หลังจากเดินผ่านนีนะเวห์ประกาศการตัดสินของพระเจ้า ชาวนีนะเวห์กลับใจกันหมดจากความบาปผิดและความหลงผิด พระเจ้าทรงประทานอภัย


• ความเข้มแข็งของโยนาห์
o สามวันในท้องปลาใหญ่... ท่านเองก็ยอมกลับใจ แม้ไม่อยากทำ หนีปนีนะเวห์ในที่สุด แม้ไม่เต็มใจ แต่ก็ทำหน้าที่ของตนจนสำเร็จ
o การที่พระเยซูเจ้าเองก็กล่าวถึงการอยู่ในท้องปลาของโยนาห์ ว่าเป็นเครื่องหมายและเป็นเครื่องหมายของการนำการกลับใจ แสดงว่า เรื่องของโยนาห์มีค่ามากเช่นกัน


• ความอ่อนแอของโยนาห์
o เขาทั้งโง่เขลาและเห็นแก่ตัว... ทำผิดโดยวิ่งหนีจากพระเจ้า ปฏิเสธพระประสงค์และความปรารถนาของพระเจ้า และที่สำคัญโยนาห์มีอคติต่อประชาชนชาวนีนะเวห์ ไม่อยากเห็นพวกเขารอด


• บทเรียนแห่งชีวิต
o การวิ่งหรือหลบหนีจากพระเจ้า จากความดีของพระองค์ จากความรัก หนีจากความจริง นั่นเป็นเรื่องที่โง่เขลามากๆ สำหรับเรา แน่นอน เราอาจไม่มีประสบการณ์ที่เป็นดรามา Drama เหมือนเรื่องของโยนาห์ แต่ที่แน่ๆ เรามีหน้าที่ทำตามพระประสงค์ของพรเจ้า ด้วยความสามารถและกำลังทั้งหมดของเรา ทุ่มเทเพื่อพระประสงค์ของพระเจ้า
o ไม่ต้องกลัว พระเจ้ามีอำนาจเหนือทุกสิ่ง ไม่ใช่เรา... เลือกตามพระองค์ไป พระองค์จะนำทางและดูแลทุกอย่าง จัดการทุกอย่าง ขอเพียงเราทำตามพระประสงค์ของพระองค์
o ไม่เป็นการดีเลยที่เราจะเป็นผู้ตัดสินคนอื่นๆ ด้วยความรู้ที่แสนจำกัดของเรา.... พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษาเที่ยงธรรมและเปี่ยมด้วยความรักเมตตา พระองค์เป็นผู้กำหนดเวลาและวาระเอง เราคือทำตามพระประสงค์ของพระองค์


พี่น้องที่รัก ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านเสมอครับ ได้อ่านโยนาห์ ได้เห็นความรักของพระเจ้า ความเมตตาของพระเจ้าอย่างดีมากๆ ให้เราเมตตาและรักเหมือนพระเจ้าทรงรักประชาชนชาวนีนิเวห์ และให้เรากล้าหาญ มีความหวัง และยอมรับเชื่อฟังพระเจ้าเพื่อความรอดของผู้อื่นเสมอ รักมากๆนะครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก