“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ 2016 
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา
       

เรามาถึงเวลาที่เราเริ่มอ่านหนังสือพงศ์กษัตริย์ จบแล้วหนังสือซามูเอลฉบับที่หนึ่งและสอง บัดนี้ เรามาถึงเวลาของหนังสือพงศ์กษัตริย์ เวลาสุดท้ายของดาวิด ถึงเวลาที่ต้องกล่าวคำพร่ำสอนและคำอำลาเพื่อส่งประชากรของพระเจ้าต่อให้ซาโลมอน เราได้เห็นความงดงามของพระคัมภีร์หนังสือพงศ์กษัตริย์ต่อไป อย่างน้อยเริ่มต้นที่การอำลาของดาวิด และการจากไปของดาวิด เพราะ “ดาวิดคือดาวิด” ที่รักของพระเจ้า เวลาต้องอำลาจากโลกนี้... Time to say Goodbye!!! ถึงเวลาของดาวิดที่ต้องเดินไปกับพระเจ้า หมายความว่าถึงเวลาที่จะต้อง “สิ้นพระชนม์”


พี่น้องที่รักครับ พระวาจาของพระเจ้าวันนี้น่าอ่าน พ่อเสนอตามที่เราได้จัดไว้ในบทอ่านในมิสซาครับ เป็นบทอ่านที่งดงามและน่ารักมากๆ คำสอนและคำอำลาของดาวิด ยอดกษัตริย์แห่งอิสราเอล สอนลูกชายคือกษัตริย์ซาโลมอน ให้เรามาอ่านด้วยกันนะครับพ่อจะจัดเป็นจุดๆให้อ่านง่ายขึ้นนะครับ อ่านเลยครับ


1พกษ 2:1-4, 10-12…
กษัตริย์ดาวิดทรงแนะนำกษัตริย์ซาโลมอน
1เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงตระหนักว่าใกล้จะสิ้นพระชนม์ จึงทรงเรียกกษัตริย์ซาโลมอนพระโอรสและทรงสั่งว่า 2"พ่อกำลังจะตายในไม่ช้า ลูก
1. จงเข้มแข็งอย่างลูกผู้ชายเถิด
2. จงปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของลูก
3. จงเดินตามหนทางของพระองค์
4. ปฏิบัติตามข้อกำหนด
5. บทบัญญัติ
6. พระวินิจฉัยและ
7. กฤษฎีกาของพระองค์ ดังที่เขียนไว้ในธรรมบัญญัติของโมเสส


แล้วลูกจะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าลูกจะทำสิ่งใดและจะไปที่ไหน 4เพื่อพระยาห์เวห์จะทรงบันดาลให้พระสัญญาที่ตรัสไว้กับพ่อเป็นความจริง คือพระสัญญาที่ว่า "ถ้าบุตรหลานของท่านประพฤติตนตามทำนองคลองธรรม ดำเนินชีวิตต่อหน้าเราด้วยความซื่อสัตย์สุดจิตสุดใจ เชื้อสายคนหนึ่งของท่านจะนั่งบัลลังก์ของอิสราเอลตลอดไป"


• 5"ลูกรู้แล้วว่าโยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ได้ทำกับพ่อไว้อย่างไร ได้ทำไว้อย่างไรกับผู้บัญชาการกองทัพสองคนของอิสราเอล คืออับเนอร์บุตรของเนอร์ และกับอามาสาบุตรของเยเธอร์ โยอาบได้ฆ่าแม่ทัพทั้งสองคนนี้ในยามสงบ ราวกับทำกันในยามสงคราม ทำให้พ่อต้องร่วมรับผิดชอบในโลหิตของผู้บริสุทธิ์ที่เขาฆ่านี้ด้วย


• 6ลูกต้องทำอย่างฉลาด ไม่ปล่อยให้เขาตายอย่างธรรมดาในวัยชรา 7แต่
o ลูกจะต้องเมตตาเลี้ยงดูลูกหลานของบารซิลลัยชาวกิเลอาด
o ดูแลให้เขาเป็นอยู่อย่างสุขสบาย เพราะเขาเมตตาช่วยเหลือพ่อเมื่อพ่อต้องหนีอับซาโลม พี่ชายของลูก
o 8ลูกยังต้องจัดการชิเมอีบุตรของเก-ราคนเผ่าเบนยามินจากเมืองบาหุริมด้วย เขาสาปแช่งพ่ออย่างรุนแรงเมื่อพ่อกำลังหนีไปยังเมืองมาหะนาอิม แต่เขามาต้อนรับพ่อที่แม่น้ำจอร์แดน พ่อจึงสาบานไว้กับเขาเดชะพระนามพระยาห์เวห์ว่าพ่อจะไม่ประหารชีวิตเขา
o 9ลูก อย่าปล่อยเขาไว้ ต้องลงโทษ ลูกเป็นคนฉลาดรอบคอบ ย่อมรู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไร อย่าปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่จนถึงวัยชรา"


• 10กษัตริย์ดาวิดเสด็จสวรรคตไปอยู่กับบรรพบุรุษ ทรงถูกฝังไว้ในนครของกษัตริย์ดาวิด 11พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลเป็นเวลาสี่สิบปี ทรงปกครองที่เมืองเฮโบรนเจ็ดปี และที่กรุงเยรูซาเล็มสามสิบสามปี


• 12กษัตริย์ซาโลมอนทรงสืบราชสมบัติต่อจากกษัตริย์ดาวิดพระราชบิดา ราชบัลลังก์ของพระองค์ตั้งอยู่อย่างมั่นคง

อรรถาธิบายประเด็นสำคัญ


• พี่น้องที่รัก วันนี้ให้เรามาร่อนลงจอดอย่างงดงามกับชีวิตของดาวิด Soft Landing เหมือนเครื่องบินซุปเปอร์จัมโบ้ที่บินสง่าบนท้องฟ้ามายาวนาน “40” ปีของชีวิตของดาวิดในการเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลทั้งที่เฮโบรนและที่เยรูซาเล็ม... พ่อคิดว่าวันนี้ไม่มีอะไรต้องอธิบายมากเพราะเป็นการจบชีวิตของกษัตริย์ดาวิด เมื่อเราได้อ่านพระคัมภีร์เราได้เห็นอะไร...


• คำตอบคือความงดงามของการร่อนลงจอดอย่างสงบของดาวิด ด้วยพระดำรัสสอนกษัตริย์องค์ต่อไป เตือน และคำเตือนนั้น ไม่ได้อยู่ที่สิ่งอื่นใด นอกไปจาก “ความซื่อสัตย์” ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ต่อพระบัญญัติของพระเจ้า ซื่อสัตย์ต่อพระสัญญาของพระเจ้า


• แน่นอนพระเจ้าจะซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับดาวิดและบรรพบุรุษ แต่ที่สำคัญมาก ผู้นำ ผู้ปกครองเช่นซาโลมอน ต้องซื่อสัตย์ต่อกฎหมายสูงสุดที่พระเจ้าประทานให้ พ่อได้คัดออกมาให้เห็นคำสั่งของดาวิด 7 ประการ เป็นข้อเรียกร้องสำคัญที่ซาโลมอนต้องเดินตาม แม้ซาโลมอนจะมีความปรีชาฉลาด แต่จำเป็นคนซาโลมอนต้องเดินตามพระบัญญัติของพระเจ้า ดาวิดสอนซาโลมอนได้อ่อนโยนมาก คือ


• จงเข้มแข็งอย่างลูกผู้ชายเถิด จงปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของลูก จงเดินตามหนทางของพระองค์


• ปฏิบัติตามข้อกำหนด บทบัญญัติ พระวินิจฉัยและ กฤษฎีกาของพระองค์ ดังที่เขียนไว้ในธรรมบัญญัติของโมเสส
คำสั่งสามประการ สาม “จง” เป็นการเรียกร้องเด็ดขาด จงเข็มแข็ง จงปฏิบัติตามพระบัญชา จงเดินตามหนทางของพระองค์ สามประการคือความสมบูรณ์ที่สุด และศูนย์กลางคือ “พระยาห์เวห์” ดูอีกทีนะครับ


• จงเข้มแข็งอย่างลูกผู้ชายเถิด
o จงปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของลูก


• จงเดินตามหนทางของพระองค์
ที่ตรงกลางของคำสั่ง คือ “พระบัญชาของพระยาห์เวห์” ซาโลมอนต้องยึดพระบัญชาของพระเจ้า พระยาห์เวห์เท่านั้นคือศูนย์กลางของชีวิตจริงๆ ของซาโลมอนตลอดไป พ่อชอบคำสั่งของดาวิด สั่งเด็ดขาดให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางของคำสั่งของชีวิตของซาโลมอน เราเรียนรู้ได้อย่างมากๆ พระเจ้าต้องเป็นศูนย์กลางของเราตลอดไป พระเจ้าเท่านั้น คือพลังและชีวิต คือพลังและความเข็มแข็ง และพระเจ้าเท่านั้น คือหนทางที่เราต้องเดินตามพระองค์ พ่อคิดว่า บทสอนของดาวิดต่อซาโลมอน ถอดความดีๆ จากพระคัมภีร์ เราจะเห็นว่าชีวิตของเรา คือ ชีวิตที่ต้องเลือกพระเจ้าตลอดไปอย่าได้ขาดแต่อย่างใดเลย ไม่มีใครอื่นนอกจากพระองค์ “มีพระองค์ เพียงพอ”


การเดินตามหนทางของพระเจ้า คืออะไร คือทางไหน??? มีคำตอบในสี่ข้อที่ตามมาที่พ่อจัดไว้ข้างต้น นั่นคือ “ปฏิบัติตามข้อกำหนด บทบัญญัติ พระวินิจฉัยและ กฤษฎีกาของพระองค์ ดังที่เขียนไว้ในธรรมบัญญัติของโมเสส” ซาโลมอนจะต้อง “ปฏิบัติตาม” บัญญัติ ทั้งกฎหมายสูงสุด หรือกฎหมายลูกๆทุกประการ คนที่จะเป็นผู้นำต้องเคารพกฎหมายก่อนใคร ต้องเคารพกฎหมายทุกข้ออย่างซื่อสัตย์ นี่คือสิ่งที่เราจะเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างแท้จริง เราคนของพระเจ้า ผู้นำไม่ว่าระดับใด เราต้องซื่อสัตย์ต่อกฎหมายสูงสุดและซื่อสัตย์แม้ในกฎหมายและประเพณีดีงามของบรรพบุรุษอย่างเคร่งครัด เรื่องนี้สอนเราได้อย่างงดงาม เราต้องเป็นคนดี เป็นผู้นำที่ดีต้องเป็นพลเมืองที่ดีของชาติบ้านเมืองก่อน พ่อว่าสอนประเทศไทยของเราในยามนี้ได้ดียิ่ง สอนเราคริสตชนให้เป็นพลเมืองดีของชาติ รักและรักษาความยุติธรรมและความจริงเสมอไป...


ความสำเร็จของซาโลมอน และอนาคต ขึ้นอยู่กับความซื่อสัตย์เสมอไป และสัญญาที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับดาวิดจะเป็นความจริง โดยการดำเนินในความซื่อสัตย์ “ถ้าบุตรหลานของท่านประพฤติตนตามทำนองคลองธรรม ดำเนินชีวิตต่อหน้าเราด้วยความซื่อสัตย์สุดจิตสุดใจ” พ่อมาถึงบทสรุปสำคัญที่สุด “ซื่อสัตย์” คือคำตอบสำหรับพระสัญญาจริงๆครับ


ที่สุดดาวิดไม่ลืมทุกคนที่มีบุญคุณ ยอดเยี่ยมจริงๆ ดาวิดสั่งซาโลมอนให้ตระหนักและตอบแทนบุญคุณทุกคน สอนเราได้มากในเรื่องของความรู้คุณ เราต้องไม่ลืมบูชาขอบพระคุณ ต้องตระหนักในพระคุณ และระลึกถึงทุกคนรอบข้างเราเสมอไป... อย่าลืมความใจดีจากพี่น้องทุกคน คำสอนของดาวิด คำสั่ง อ่อนโยนเหลือเกิน เรียกว่า เป็นตัวอย่างที่ดีและสอนเราได้มากๆครับ คนของพระเจ้า ตระหนัก นมัสการและขอบพระคุณพระเจ้าเสมอไป


สำหรับคนที่เคยตำหนิดาวิด แต่ดาวิดให้อภัย เพราะเคยตำหนิดาวิด ชิเมอี การเรียกร้องให้ต้องทบทวนสำหรับซาโลมอน คือ ต้องระวัง เพราะเขาเคยตำหนิและด่าทอดาวิด ดูเหมือดาวิดเรียกร้องให้ซาโลมอนต้องระวังเช่นกัน รอบคอบและมีปรีชาญาณในการอยู่กับคนที่อาจเป็นอันตรายอย่างที่เรียกว่าเตือนภัยใกล้ตัวซาโลมอนเช่นเดียวกัน...


สุดท้าย ดาวิดจากไปอย่างสงบ 40 ของการรับใช้ประชากรของพระเจ้า ดุจเดียวกับ 40 ปีที่อิสราเอลเคยเดินทางกับโมเสสในทะเลทราย 40 ปีของการนำประชากรของพระเจ้า เลขนี้คือพระพรที่ไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ นอกจากพระเจ้าทรงนำทาง บัญญัติของพระองค์คือศูนย์กลางของชีวิต ขอบคุณพระเจ้าเสมอไป...
พี่น้องครับนะครับ ดาวิด ขอพระเจ้าอวยพร ขอให้เราเป็นดาวิดขอพระเจ้าตลอดไปครับ
-----------------------------------------------------------

แถมความรู้เพื่ออ่านหนับสือพงศ์กษัตริย์ครับ จัดไปเลยครับ
หนังสือพงศ์กษัตริย์ 1 และ 2

หนังสือนี้เดิมเป็นม้วนเดียวหรือเล่มเดียวกัน ครอบคลุมช่วงเวลาระหว่างการปกครองของซาโลมอนจนถึงการล่มสลายและต้องเนรเทศของอาณาจักรยูดาห์ 587 ก่อนคริสตกาล หนังสือพงศ์กษัตริย์มีศูนย์กลางอยู่ที่ “พระวิหาร” ซึ่งสถานที่ที่เลือกสรรสำหรับเป็นที่ถวายบูชาแด่พระยาห์เวห์ วรรณกรรมของหนังสือพงศ์กษัตริย์นี้เป็นมหากาพย์ทางศาสนา บริบทของประวัติศาสตร์ของหนังสือพงศ์กษัตริย์ เราทราบว่า หนังสือซามูเอลทั้งสองฉบับได้เล่าถึงเรื่องราวของสถาบันกษัตริย์ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดที่ได้รับการยืนยันสัญญาจากพระเจ้าว่าจะดำรงคงอยู่ตลอดไป แต่อันที่จริง ประวัติศาสตร์มิได้เป็นเช่นนั้น เหตุผลสำคัญคือ


• ในปี 922 ก่อนคริสตกาล สิบเผ่าทางภาคเหนือได้กบฏและได้ตั้งอาณาจักรของตนเป็นอิสระ แยกตัวออกไป ทำให้อิสราเอลถูกฉีกออกเป็นสองอาณาจักร
o อาณาจักรเหนือ ชื่อ อาณาจักรอิสราเอล โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่ สะมาเรีย และปี 722 ก่อนคริสตกาล สะมาเรียถูกยึดครองโดยพระเจ้าชาลมานาสเซอร์ที่ 5 และอาณาจักรเหนือทั้งสิบเผ่าถูกกวาดต้อนให้กระจัดกระจายไปโดยชาวอัสซีเรียไปกระจายออกไปอยู่ทั่วอาณาจักรอัสซีเรียและไม่ได้กลับมาสู่อิสราเอลอีกเลย
o อาณาจักรใต้ คืออาณาจักรยูดาห์ มีเมืองหลวงอยู่ที่เยรูซาเล็ม ในปี 587 ก่อนคริสตกาล อาณาจักรบาบิโลนโดยการนำของเนบูคัสเนสซาร์ได้ทำลายกำแพงกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาได้เผาทำลายพระวิหารและทำลายทุกอย่างราบเป็นหน้ากลอง ชาวยิวทั้งหลายที่เป็นคนชั้นสูง คนที่มีคุณภาพทั้งหลายถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่บาบิโลน ผลตามมาคือ
พันธสัญญาที่พระเจ้าทำไว้ที่ซีนัย ที่จะทรงปกป้องประชากรของพระองค์ดูเหมือนจะไม่เป็นความจริง
พระวิหารที่พระเจ้าตรัสว่า “นามของเราจะอยู่ที่นั่น”กลับถูกเผ่าทำลายราบเป็นหน้ากลอง
ราชวงศ์ของดาวิดที่มีอายุยาวนาน 400 ปี ที่พระเจ้าทรงสัญญาจะอยู่เสมอไปกลับต้องสิ้นสุดลงอย่างน่าเสียดาย


• คำถามสำคัญเรื่องการเนรเทศของชาวยิว???
o จะกล่าวได้อย่างไรว่าพระเจ้า ยาห์เวห์ทรงซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาของพระองค์
o อิสราเอลจะเชื่อได้อย่างไรที่พระเจ้าสัญญาว่าราชวงศ์ของดาวิดจะคงอยู่ตลอดไป

 

• จุดประสงค์ของหนังสือพงศ์กษัตริย์คืออะไร อะไรคือเจตนาของผู้รวบรวมพระคัมภีร์ฉบับนี้ที่พระเจ้าดลใจ...
1. เป้าหมายเพื่อสอนและทำให้ชาวยิวในขณะที่เนรเทศ ชี้ให้เห็นว่า กษัตริย์ทั้งหลายของอิสราเอลไม่ซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาและต่อพระเจ้า... แม้กระนั้น ฝ่ายพระเจ้าพระองค์ไม่มีทางที่จะไม่ซื่อสัตย์ได้เลย พระองค์ยังคงซื่อสัตย์และอดทน รอคอย เพียรทนต่อพวกเขาต่อไปแม้พวกเขาพลาดพลั้งเหลือเกิน ตะเหลิดเหลือเกิน พระองค์ก้อเพียรทนและรอคอย
2. เพื่อจุดประสงค์สำคัญมาก หนังสือเล่มนี้มีไว้เพื่อ “เจาะใจ” ล้วงดึงความจริงของกิจการแห่งการสำนึกผิด ถึงบาปที่เคยได้กระทำในอดีต และเพื่อ “รื้อฟื้น” ความหวังสำหรับอนาคตของประชากรของพระเจ้า
3. เหนือสิ่งอื่นใด หนังสือเล่มนี้เขียนเพื่อตอบคำถามมากมายที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ ความล่มสลาย ความเจ็บปวด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 587 ก่อนคริสตกาล เขียนเพื่อชาวยิวที่ได้เห็นและเป็นประจักษ์พยานถึงความพินาศที่เกิดขึ้น และเพื่อลูกหลานตลอดไป โดยเฉพาะสำหรับคนที่กำลังมีความเชื่อหวั่นไหวในทุกยุคทุกสมัย

 

• วิธีการของหนังสือพงศ์กษัตริย์ คือ
1. คัดเลือกข้อมูลเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล เรื่องราวที่จะมาสนับสนุนคำสอนทางเทววิทยาที่เป็นเป้าหมายของพระคัมภีร์ เจตนาของพระคัมภีร์ ขอผู้นิพนธ์ที่ได้รับการดลใจจากพระจิตเจ้า
2. ร้อยเรียง ตีความ ออกมาเป็นคำสอนทางเทววิทยา

 

• ผู้นิพนธ์พระคัมภีร์ไม่ใช่นักประวัติศาสตร์และเป็นนักเทววิทยาแท้จริง สอนเรื่องพระเจ้า ใช้ประวัติศาสตร์ในการให้ความเข้าใจอบรมจิตใจประชาชน มุ่งสนใจการอบรมคำสอนศาสนามากกว่าประวัติศาสตร์ (เทียบ 1พกษ 14:23; 2พกษ 20:20) โดยมีหัวใจสำคัญของเนื้อหาอยู่ที่
1. พระวิหาร
2. การรักษาพระบัญญัติและพันธสัญญา
3. การปฏิรูปศาสนา
4. ความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับประกาศก

 

• สาระหรือข่าวดีที่มาจากหนังสือพงศ์กษัตริย์คืออะไร....
1. ความหายนะได้เข้ามาท่วมท้นแผ่นดินอิสราเอล เพราะความไม่ซื่อสัตย์ของกษัตริย์และของประชาชนที่ได้ละเมิดพระบัญญัติ พันธสัญญา และพระวิหาร แต่ ในส่วนของพระเจ้าพระองค์ไม่ได้ขาดความสัตย์ซื่อต่อพระสัญญาเลย พระองค์มั่นคงเสมอ (1 พกษ 11 และ 2พกษ 17 อ่านสองบทนี้อย่างดีๆ เราจะพบความหมายที่แท้จริงของนิ่งที่เกิดขึ้นว่าเพราะการขาด “ความซื่อสัตย์”)
2. เป็นเพราะ “พระวาจาของพระเจ้า” ที่ประทานมาโดยทางโมเสสที่ทำให้อิสราเอลเป็นชาติ เป็นประชากรศักดิ์สิทธิ์ เป็นประชากรของพระเจ้า เริ่มต้นที่ภูเขาซีนัย และแน่นอนต้องเป็น “พระวาจาของพระเจ้า” เช่นกันที่ผ่านมาทางบรรดาประกาศก ที่ให้ประชากรอิสราเอลได้เป็นรูปเป็นร่างแท้จริงตลอดประวัติศาสตร์ ดังนั้น “เมื่อพระเจ้าตรัส พระวาจาของพระองค์ต้องสำเร็จและเป็นจริงไม่ผิดหลงได้เลย”
3. พระสัญญาที่ให้ไว้กับดาวิด (2ซมอ 7) ที่จะให้ราชวงศ์ของดาวิดคงอยู่ตลอดไป เป็นพระสัญญาที่จะต้องเป็นจริง แต่ด้วยความอ่อนแอของบรรดากษัตริย์และประชาชน พระสัญญานี้จึงยังไม่สำเร็จสมบูรณ์ (สำหรับเราคริสตชน จนถึงเวลาที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เป็นกษัตริย์นิรันดรบนไม้กางเขน และทรงกลับคืนพระชนม์เป็นกษัตริย์นิรันดรตลอดไป...)

หนังสือพงศ์กษัตริย์ฉบับที่ 1


เรื่องราวของกษัตริยซาโลมอน: ประเด็นที่เราควรเรียนรู้ ชื่อ Solomon จากภาษาฮีบรู shelomoh เป็นคำที่มีรากมาจากคำว่า “Shalom” แปลว่า สันติภาพ หรือความมั่งคั่งร่ำรวย ซาโลมอนเป็นบุตรของดาวิดกับนางบัธเชบาและสือทอดบัลังก์ของกษัตริย์ดาวิด.... การปกครองของซาโลมอนเป็นระยะเวลายาวนานของสันติสุขและความเติบโต ในด้าน ความร่ำรวย ความมั่งคั่ง การก่อสร้างบ้านเมืองอาคารและพระวิหารในเยรูซาเล็ม และการทำการค้ากับต่างชาติ


พระเจ้าเริ่มต้นกับซาโลมอน พระองค์ตรัสกับเขา....และคำตอบของซาโลมอน... (1พกษ 3) “พระสุบินของซาโลมอน.....
4ครั้งหนึ่ง กษัตริย์ซาโลมอนเสด็จไปที่เมืองกิเบโอนเพื่อถวายเครื่องบูชา เพราะที่นั่นมีสักการสถานสำคัญมาก กษัตริย์ซาโลมอนทรงเผาสัตว์หนึ่งพันตัวเป็นเครื่องบูชาบนพระแท่น 5คืนนั้น พระยาห์เวห์ทรงสำแดงพระองค์แก่กษัตริย์ซาโลมอนในพระสุบิน ที่เมืองกิเบโอน พระเจ้าตรัสว่า "จงขอสิ่งที่ท่านอยากให้เราประทานแก่ท่าน" 6กษัตริย์ซาโลมอนทูลตอบว่า "พระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงยิ่งใหญ่ต่อดาวิดพระราชบิดาข้ารับใช้พระองค์ เพราะพระราชบิดาทรงดำเนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์ ความชอบธรรมและด้วยใจซื่อตรง พระองค์ยังทรงรักษาความรักมั่นคงยิ่งใหญ่นี้ต่อพระราชบิดาโดยประทานให้บุตรคนหนึ่งได้สืบพระราชบัลลังก์ ดังที่เป็นอยู่ในวันนี้ 7บัดนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ทรงตั้งข้าพเจ้าขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากดาวิดพระราชบิดา แต่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร 8ผู้รับใช้ของพระองค์ต้องปกครองประชากรที่ทรงเลือกสรร ซึ่งเป็นประชากรจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน 9ขอประทานความเข้าใจ แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะได้ปกครองประชากรของพระองค์อย่างยุติธรรม และรู้จักวินิจฉัยแยกความดีจากความชั่ว ถ้าพระองค์ไม่ประทาน ใครเล่าจะปกครองประชากรจำนวนมากเช่นนี้ของพระองค์ได้ 10พระยาห์เวห์พอพระทัยที่กษัตริย์ซาโลมอนทูลขอเช่นนี้ 11พระเจ้าจึงตรัสตอบว่า "เพราะท่านได้วอนขอเช่นนี้ แทนที่จะวอนขอชีวิตยืนยาว หรือความมั่งคั่ง หรือขอให้เราทำลายชีวิตของศัตรู แต่ได้ขอความเข้าใจเพื่อจะตัดสินอย่างถูกต้อง 12เราจะทำตามที่ท่านขอ เราจะให้ความเข้าใจและปรีชาญาณในการตัดสินอย่างที่ผู้ใดไม่เคยมีมาก่อน หรือจะมีในภายหลัง 13สิ่งที่ท่านไม่ได้ขอ เราก็จะให้ด้วย คือความมั่งคั่งและเกียรติยศอย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ใดเคยมี 14ถ้าท่านดำเนินชีวิตในหนทางของเรา ปฏิบัติตามข้อกำหนดและบทบัญญัติของเรา ดังที่ดาวิดบิดาของท่านเคยปฏิบัติมาแล้ว เราจะให้ท่านมีชีวิตยืนยาว" 15กษัตริย์ซาโลมอนทรงตื่นบรรทมและทรงทราบว่าพระเจ้าตรัสในพระสุบิน พระองค์เสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม ทรงยืนอยู่ต่อหน้าหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ ทรงถวายเครื่องบูชาและศานติบูชา แล้วพระราชทานเลี้ยงแก่บรรดาข้าราชบริพารทั้งปวง


• ดังนั้น ซาโลมอนจึงกลายเป็นคนฉลาดในเรื่อง “การตัดสินอย่างถูกต้องและยุติธรรม และการปกครองหรือการบริหารจัดการ (Judgment and Administration)


• สิ่งสำคัญที่สุดที่ซาโลมอนทำคือ “พระวิหาร” ซึ่งมาจากสิ่งต่างๆที่ดาวิดได้เตรียมไว้ก่อนแล้ว


• ซาโลมอนพยายามขยายอาณาจักรด้วย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ.... เพราะ
o เขาเก็บภาษีประชาชนหนักเกินไปเพื่อการขยายบ้านเมืองและสิ่งเลอเลิศสวยงาม
o เขาให้แรงงานคนมากเกิน หนักเกิน เพราะโครงการที่ทะเยอทะยานหลายอย่าง
o และที่แย่ที่สุด เขาบูชาพระเท็จเทียมของบรรดาหญิงต่างชาติของเขา

 

• ณ จุดนี้ ที่หนังสือพงศ์กษัตริย์ เริ่มนำเสนอเรื่องราวของประกาศกสององค์ที่แทรกเข้าใน ในแผ่นดินอิสราเอล ต่อพฤติกรรมของบรรดากษัตริย์.... เป็นสองเรื่องชุดคือ
1. เรื่อง ประกาศกเอลียาห์
2. เรื่อง ประกาศกเอลีชาห์

 

ประกาศกเอลียาห์
Eliah เอลียาห์ ภาษาฮีบรู คือ eliyyah แปลว่า “พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของฉัน” (Yahweh is my God)
1. ท่านทำหน้าที่ประกาศกระหว่างการปกครองของกษัตริย์อาหับที่ได้แต่งงานกับพระนางเยเซเบล พระนางเยเซเบลคือผู้บูชาพระเท็จเทียมคือพระบาอัล พระของคนต่างชาติ

 

2. เยเซเบลได้กลายเป็นคู่กรณีและศัตรูร้ายกาจกับประกาศกเอลียาห์ เพราะนางเชื่อและต้องการขยายความเชื่อในพระเท็จเทียม พระบาอัลซึ่งถือว่เป็นพระเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ ผู้ประทานฝนฟ้าและพืชพันธุ์บริบูรณ์ (the pagan god of fertility) นางทำได้สำเร็จ ขยายศรัทธาและการบูชาพระเท็จเทียมไปทั่วแผ่นดิน....
o ชาวอิสราเอลมากมายติดตามเยเซเบล ดังนั้น เอลียาห์จึงประกาศสิ่งที่ตรงกันข้ามกับอำนาจของบาอัลโดยสิ้นเชิง... “1เอลียาห์ ชาวทิชบีจากเมืองทิชบีในแคว้นกิเลอาด ทูลกษัตริย์อาหับว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ซึ่งข้าพเจ้ารับใช้ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด จะไม่มีน้ำค้างหรือฝนตกในปีต่อๆไป จนกว่าข้าพเจ้าจะสั่งฉันนั้น” (1พกษ 17:1ff)
o เพื่อสามารถนำประชาชนกลับมาสู่ความจงรักภักดีต่อพระยาห์เวห์ เอลียาห์ได้ท้าทายให้มาที่ภูเขาคาร์แมลเพื่อท้าทายและเผชิญหน้ากันเพื่อร้องหาพระเจ้า ใครจะเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ หรือพระเจ้าเท็จเทียม (1พกษ 18) และเอลียาห์ได้รับชัยชนะ พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้...
ประกาศกของพระบาอัลถูกฆ่าทั้งหมด แต่เอลียาห์ต้องหนีจากพระนางเยเซเบลที่ประกาศจะฆ่าเอลียาห์เช่นกัน

 

3. หลังจากนั้น กษัตริย์อาหับต้องการขายอำนาจ พื้นที่ของตน ความร่ำรวยของตน และต้องการซื้อสวนองุ่นของนาโบทเพื่อนบ้าน แต่นาโบทปฏิเสธที่จะขายสวนองุ่น (เรื่องสวนองุ่นนี้มีความหมายมากๆในนัยของพระคัมภีร์ ประชากรของพระเจ้า และแผ่นดินของพระเจ้า) ผลตามมาคือ เยเซเบลจับนาโบทขังคุกและสั่งให้ทุ่มให้ตายด้วยก้อนหิน และอาหับก็ได้แผ่นดินของนาโบทอย่างใจในที่สุด แต่เอลียาห์ได้ประกาศ “คำตัดสินต่ออาหับและเยเซเบล เป็นความตายเพราะสิ่งที่ได้กระทำ” (1พกษ 21:7-24)

ประกาศกเอลีชาห์


Elisha ในภาษาฮบรู แปลว่า “พระเจ้าทรงช่วยให้รอด” “El saved” (El เอล แปลว่าพระเจ้า เป็นบุตรของชาฟัทแห่งอาเบลเมโฮลาห์ ท่านเป็นคนร่ำรวย มีคนรับใช้ ทาสมากมาย และเป็นที่นับถือทางสังคมและชาวเมือง ได้รับกระแสเรียกให้ติดตามและเป็นผู้ช่วยประกาศกเอลียาห์ ท่านยอมทิ้งทุกสิ่ง วัวและคันไถ แอกเทียมวัว ทุกอย่าง เมื่อได้รับเสื้อที่เอลียาห์เดินผ่านมาและคลุมให้ท่าน.... การกระทำเช่นนี้เป็นเครื่องหมายของกระแสเรียกให้ร่วมหน้าที่ประกาศกติดตามพระยาห์เวห์เป็นประกาศก... ทันที เอลีชาห์ตอบรับกระแสเรียก... ฆ่าวัวหนึ่งคู่ใช้แอกเป็นฟื้นทำอาหารเลี้ยงประชาชน และติดตามเอลียาห์ไป... (1พกษ 19:19-21) นี่คือ การตอบรับกระแสเรียก Total Obedience and Detachment


19เอลียาห์ออกจากที่นั่นไปพบเอลีชา บุตรของชาฟัท เขากำลังไถนา ข้างหน้าเขามีโคสิบสองคู่ เขาไถนาอยู่กับคู่สุดท้าย เอลียาห์เดินผ่านเข้าไปใกล้ๆ ถอดเสื้อคลุมของตนห่มให้เอลีชา 20เอลีชาจึงละโคเหล่านั้นวิ่งตามเอลียาห์ไป พูดว่า “ขอให้ข้าพเจ้าไปจูบลาบิดามารดาก่อน แล้วข้าพเจ้าจะติดตามท่าน” เอลียาห์ตอบว่า “ไปเถิดแล้วจงกลับมา ท่านเข้าใจแล้วว่าข้าพเจ้าทำอะไรให้ท่าน” 21เอลีชาก็กลับไปบ้าน ฆ่าโคคู่หนึ่ง ใช้แอกและคันไถเป็นฟืนปรุงเนื้อโคเป็นอาหาร แจกเนื้อให้ประชาชนกิน แล้วจึงออกเดินทางติดตามไปรับใช้เอลียาห์

หนังสือพงศ์กษัตริย์ฉบับที่ 2 (เรื่องราวของเอลีชาห์ต่อเนื่อง)


การรับหน้าที่ประกาศกของเอลีชาห์ต่อจากเอลียาห์ (2พกษ 2:9)
1เมื่อถึงเวลาที่พระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้พายุหมุนหอบเอลียาห์ขึ้นไปบนฟ้า เอลียาห์และเอลีชาออกเดินทางจากเมืองกิลกาล 2เอลียาห์สั่งเอลีชาว่า “จงอยู่ที่นี่ พระยาห์เวห์ทรงส่งข้าพเจ้าไปที่เมืองเบธเอล” เอลีชาตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์และท่านมีชีวิตอยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่ยอมละทิ้งท่านฉันนั้น” เขาทั้งสองคนลงไปถึงเมืองเบธเอล 3กลุ่มประกาศก ที่เมืองเบธเอลออกมาพบเอลีชา ถามว่า “ท่านรู้ไหมว่าพระยาห์เวห์จะทรงรับนายของท่านไปจากท่านในวันนี้” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้ารู้แล้ว อย่าพูดเรื่องนี้เลย” 4เอลียาห์สั่งเขาว่า “เอลีชาเอ๋ย จงอยู่ที่นี่ พระยาห์เวห์ทรงส่งข้าพเจ้าไปที่เมืองเยริโค” เอลีชาตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์ และท่านมีชีวิตอยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่ยอมละทิ้งท่านฉันนั้น” เขาทั้งสองคนไปที่เมืองเยริโค 5กลุ่มประกาศกที่เมืองเยริโคเข้ามาพบเอลีชา ถามว่า “ท่านรู้ไหมว่าพระยาห์เวห์จะทรงรับเจ้านายของท่านไปจากท่านในวันนี้” เอลีชาตอบว่า “ข้าพเจ้ารู้แล้ว อย่าพูดเรื่องนี้เลย” 6เอลียาห์สั่งเขาว่า “จงอยู่ที่นี่ พระยาห์เวห์ทรงส่งข้าพเจ้าไปที่แม่น้ำจอร์แดน” เอลีชาตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์และท่านมีชีวิตอยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่ยอมละทิ้งท่านฉันนั้น” เขาทั้งสองคนจึงออกเดินทางต่อไป


7กลุ่มประกาศกห้าสิบคนติดตามเขาทั้งสองคน และหยุดยืนอยู่ห่างๆ เขาทั้งสองคนยืนอยู่ริมแม่น้ำจอร์แดน 8เอลียาห์ถอดเสื้อคลุมออกม้วนแล้วใช้เสื้อฟาดน้ำ น้ำก็แยกออกเป็นสองฟาก เขาทั้งสองคนเดินข้ามแม่น้ำบนดินแห้ง 9เมื่อข้ามไปแล้ว เอลียาห์ถามเอลีชาว่า “บอกมาเถิด ท่านต้องการให้ข้าพเจ้าทำอะไรให้ท่านก่อนที่ข้าพเจ้าจะถูกรับตัวไป” เอลีชาตอบว่า “ขอให้ข้าพเจ้าได้รับจิตของท่านสองส่วน เถิด” 10เอลียาห์ตอบว่า “ท่านขอสิ่งที่ทำได้ยาก แต่ถ้าท่านเห็นข้าพเจ้าเมื่อจะถูกรับไปจากท่าน ท่านก็จะได้รับตามที่ขอ ถ้าท่านไม่เห็น ท่านก็จะไม่ได้รับ” 11ขณะที่เขาทั้งสองคนกำลังเดินสนทนากันอยู่นั้น รถม้าเพลิงคันหนึ่งเทียมม้าเพลิงปรากฏขึ้น แยกคนทั้งสองออกจากกัน เอลียาห์ถูกยกขึ้นไปบนฟ้าในพายุหมุน 12เอลีชาเห็นปรากฏการณ์ ก็ร้องเรียกว่า “บิดาของข้าพเจ้า บิดาของข้าพเจ้า รถศึกและสารถีของอิสราเอล” แล้วเขาก็ไม่เห็นเอลียาห์อีก เอลีชาจับเสื้อของตนฉีกออกเป็นสองส่วน 13แล้วหยิบเสื้อคลุมที่ตกลงมาจากเอลียาห์ขึ้นมา เดินกลับไปยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดน


14เขาใช้เสื้อคลุมที่ตกลงมาจากเอลียาห์ฟาดน้ำ กล่าวว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าของเอลียาห์อยู่ที่ไหน” เมื่อเขาฟาดน้ำ น้ำก็แยกออกเป็นสองฟาก เอลีชาก็ข้ามแม่น้ำไป 15กลุ่มประกาศก จากเมืองเยริโคมองเห็นแต่ไกล ก็พูดว่า “จิตของเอลียาห์มาสถิตอยู่เหนือเอลีชาแล้ว” เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ กราบลงกับพื้นดินต่อหน้าเอลีชา 16พูดว่า “ที่นี่ผู้รับใช้ของท่านมีชายแข็งแรงห้าสิบคน ขอให้เขาไปตามหาเจ้านายของท่านเถิด บางทีพระจิตของพระยาห์เวห์จะนำเขาไปวางไว้บนภูเขา หรือในหุบเขาแห่งใดแห่งหนึ่ง” เอลีชาตอบว่า “อย่าส่งเขาไปเลย” 17แต่คนเหล่านั้นรบเร้าจนกระทั่งเอลีชายอมให้เขาทำตามที่ขอ เขาจึงส่งคนห้าสิบคนออกไปตามหาเอลียาห์อยู่สามวัน แต่ไม่พบ 18จึงกลับมา เอลีชาซึ่งพักอยู่ที่เมืองเยริโคจึงพูดว่า “ข้าพเจ้าบอกท่านแล้วว่าไม่ต้องไปมิใช่หรือ”

 

ในฐานะประกาศกเอลีชาห์ทำอะไรบ้าง (2พกษ 2-8)
• รักษาน้ำที่เสียให้ดีที่เมืองเยรีโค
• เรียกหมีจากป่าทำโทษคนกล่าวผรุสวาท
• ทวีแห่งและน้ำมันให้แก่หญิงหม้าย
• ประกาศว่าหญิงชาวชูเนมจะได้มีบุตรตามความปรารถนา
• ทำให้เด็กชายกลับคืนชีพ
• แก้ปัญหาเรื่องอาหารที่เป็นพิษ ให้ประชาชนได้มีกิน
• ทวีขนมปัง
• รักษานาอามานชาวซีเรีย
• ทำให้ขวานที่ตกน้ำลอยขึ้นมา
ส่วนที่เหลือของ พงศ์กษัตริย์ฉบับที่ 2 คือ
• เรื่องของเยฮู ไปจนถึงการล่มสลายของสะมาเรีย (2พกษ 9:1-17:41)
• กษัตริย์องค์สุดท้ายของอาณาจักรยูดาห์ (2พกษ 18:1-25:30)

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก