“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2016
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา
         

“เริ่มแล้วเรื่องร้ายๆในครอบครัวของกษัตริย์ดาวิด” วันนี้เราจะได้เห็นภาพของดาวิดต้องหนีจากกบฏที่ก่อการโดยอับซาโลมลูกชายของกษัตริย์ดาวิดเอง วุ่นไปหมดในครอบครัวของดาวิด เพราะดาวิดมีผู้หญิงหลายคนตามแบบที่กษัตริย์ในอดีตหรือกษัตริย์ต่างชาติเขาทำกัน เราไม่ได้อ่านมากทั้งหมด พ่อคงต้องเล่าเรื่องเท้าความให้อ่านกันก่อน พร้อมกับมีคำอธิบายของพ่อประกอบกันไปด้วยเช่นกัน

เรามาดูเรื่องวุ่นๆในหมู่ลูกๆของดาวิด ทั้งลูกชายและลูกสาย พ่อคงไม่สามารถให้อ่านทั้งหมด แต่จะยกบางส่วนจากซามูเอลฉบับที่สองที่เราไม่มีโอกาสได้นำมาอ่านในพิธีมิสซาประจำวันนะครับ ถ้าจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้และภูมิหลังเราคงต้องอ่านนับจากบทที่ 13 เป็นต้นไป พ่อจะคัดมาให้อ่านบางส่วนนะครับ ก่อนที่เราจะไปถึงบทอ่านประจำวันนี้ครับ วันนี้อ่านกันให้สนุกเลยนะครับ
พระคัมภีร์เริ่มเล่าชนวนความวุ่นวาย ในชื่อของบุตรของดาวิดสามคน ชายสองหญิงหนึ่งต่างมารดากันครับ

1. อับซาโลมโอรสของดาวิดกับน้องสาวที่ชื่อทามาร์ มารู้จักชื่อกันสักหน่อยก่อน
a. อับซาโลม Absalom or Avshalom ภาษาฮีรู אַבְשָלוֹם, ฮีบรูสมัยใหม่ออกเสียงว่า Avshalom ʼAḇšālôm แปลว่า “บิดาแห่งสันติภาพ” "Father of peace" ชื่อของเขาน่าฟังจริงๆครับ “บิดาแห่งสันติ”
b. ทามาร์น้องสาวของอับซาโลม Tamar ภาษาฮีบรู תמר เป็นชื่อที่หมายถึง “อินทผลัม” หรือ “ต้นปาล์ม” ในพระคัมภีร์อาจใช้คำว่า ทามาร์ หรือธามารา เป็นชื่อสตรี และมักจะเกี่ยวข้องกับความเรื่องความเป็นหญิงที่ถูกนำไปเกี่ยวกับเรื่องทางเพศที่ถูกกระทำหรืออยุติธรรมทางเพศ หรือความไม่ถูกต้อง ในปฐมกาลบทที่ 38 ลูกสะใภ้ของยูดาห์ที่ยูดาห์ได้บิดพลิ้วกับนางเรื่องลูกชายที่จะแต่งงานด้วย จนนางต้องปลอมเป็นโสเภณีและได้มีความสัมพันธ์กับยูดาห์ และให้กำเนิดเปเรศกับเศรา ก็ชื่อทามาร์เหมือนกัน

 

2. อัมโนนโอรสอีกคนของดาวิด Amnon ภาษาฮีบรู אַמְנוֹן,แปลว่า “ซื่อสัตย์” "faithful" เขาเป็นบุตรคนโตสุดของดาวิด ชื่อแปลว่า “ซื่อสัตย์” แต่อันที่จริงเขามิได้ซื่อสัตย์เลยก็ตาม
พี่น้องที่รักครับเรื่องราววุ่นในครอบครัวของดาวิดเป็นดังนี้ครับ และเกี่ยวกับลูกทั้งสามคนของดาวิด ที่ได้ให้ความหมายมาข้างบนนี้ พ่อจะจัดให้อ่านต่อนเนื่องและสลับเสริมกับคำอธิบายของพ่อเองด้วยนะครับ ทุกข้อความในวงเล็บคือคำอธิบายของพ่อครับ


• อับซาโลมโอรสของกษัตริย์ดาวิด มีน้องสาวสวยคนหนึ่งชื่อ ทามาร์


• อัมโนนโอรสอีกองค์หนึ่งของกษัตริย์ดาวิดหลงรักเธอ อัมโนนเป็นทุกข์มากจนล้มป่วยลง เพราะความรักต่อทามาร์น้องสาว เธอยังเป็นพรหมจารีอยู่ อัมโนนคิดว่าไม่มีทางติดต่อกับเธอได้


• อัมโนนมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อโยนาดับ เป็นบุตรของชิเมอาห์พระเชษฐาของกษัตริย์ดาวิด โยนาดับเป็นคนฉลาดมาก


• (ความฉลาดในที่นี้ใช้ในความหมายของทางโลก วิธีการของทางโลก และโยนาดับจะชี้ทางให้อัมโนนทำผิด ทำตามกระแสโลก เรื่องนี้น่าสนใจที่จะอ่านให้เห็นว่า แบบนี้ที่เขาเรียกว่า ฉลาดแกมโกง ตามกระแสโลก)


• โยนาดับจึงกล่าวว่า 'จงไปนอนบนเตียงแกล้งทำเป็นป่วย เมื่อเสด็จพ่อมาเยี่ยม จงทูลว่า "ขอให้ทามาร์ น้องสาวมาทำอาหารให้ลูกเถิด ลูกอยากให้เธอมาจัดเตรียมอาหารที่นี่ให้ลูกเห็น แล้วป้อนอาหารให้ลูก"'….ขณะที่เธอป้อนขนมให้ อัมโนนจึงใช้กำลังข่มขืนเธอ


• (นี่คือแบบแผนแนวทางเลวร้ายที่โยนาดับได้แนะนำอัมโนน และอัมโนนได้กระทำผิดต่อทามาร์น้องต่างมารดา และน้องแท้ๆของอับซาโลม นี่คือเรื่องร้ายๆในครอบครัวของดาวิด... แต่เมื่อได้นางทามาร์เป็นภรรยาของตน ได้ขืนใจนางแล้ว อัมโนนกลับเกลียดชังนางกว่าที่เคยรักและหลงใหล)


• (พระคัมภีร์เล่าเรื่องราวต่อไปว่า) “แล้วอัมโนนกลับเกลียดชังเธอมาก ความเกลียดชังที่เขามีต่อเธอนั้นรุนแรงกว่าความรักที่เขาเคยรักเธอมาก่อน อัมโนนกล่าวว่า 'จงลุกขึ้น ออกไป!' แต่เธอตอบว่า 'ไม่ได้หรอก! พี่ไล่น้องไปเช่นนี้ยิ่งร้ายกว่าที่พี่ได้ทำกับน้อง!' แต่เขาไม่ยอมฟัง และเรียกผู้รับใช้มาสั่งว่า 'ไล่หญิงคนนี้ไปให้พ้นหน้าฉัน เอาตัวออกไปแล้วปิดประตูเสีย!' ผู้รับใช้ก็ไล่เธอออกไป แล้วปิดประตู ทามาร์สวมเสื้อยาวมีแขน ดังที่ราชธิดาซึ่งยังเป็นพรหมจารีสวมกันในสมัยนั้น” เธอโรยเถ้าบนศีรษะ ฉีกเสื้อผ้าที่สวมอยู่ เอามือวางบนศีรษะ เดินร้องไห้เสียงดัง

 

• อับซาโลม พี่ชายของเธอ ถามว่า 'อัมโนน พี่ชายของน้องข่มขืนน้องหรือ ตอนนี้ เงียบก่อนเถอะน้อง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่ อย่าใส่ใจกับเรื่องนี้เลย!' ทามาร์จึงอยู่ในบ้านของอับซาโลม พี่ชายอย่างโดดเดี่ยวและโศกเศร้า


• เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงทราบเรื่องนี้ ก็กริ้วมาก แต่ไม่ทรงปรารถนาจะขัดใจอัมโนน พระโอรสองค์แรกที่ทรงรักมาก ส่วนอับซาโลมไม่ยอมพูดกับอัมโนนอีกต่อไป เขาเกลียดชังอัมโนนที่ข่มขืนทามาร์น้องสาวของตน

 

o (คำสอนจากการเมินเฉยของดาวิดต่อความผิดของอัมโนน ปล่อยให้อับซาโลมกับน้องต้องความอยุติธรรมเพราะความรักตามใจผิดๆ ของบิดาต่ออัมโนน การที่ดาวิดมิได้ให้ความยุติธรรมกับทามาร์ และเพราะการที่ดาวิดมีความรักหลงกับลูกคนโตที่ทำผิด มิได้ลงโทษตามความยุติธรรม ก่อสิ่งที่สำคัญคือ “ความเกลียดชัง” การที่ไม่มีความยุติธรรม คนผิด คนเลวไม่ได้รับโทษหรือถูกตำหนิ การเมินเฉยของดาวิด ก่อหวอดความเกลียดชังอย่างมาในใจของอับซาโลม)
o (เมื่อคนผิดทำผิด และคนถูกกระทำไม่ได้รับความยุติธรรม ไม่ได้รับการช่วยเหลือ เราเห็นภาพอับซาโลมพี่ชายอับทามาร์น้องสาวต้องกล้ำกลืนไปกับความผิดและความเลวของอัมโนน และที่สำคัญการเมินเฉยของดาวิดพระราชบิดาที่ควรตัดสิน หรือควรให้ความยุติธรรมหรือกอบกู้ศักดิศรี ที่สุดผลตามมาก็คือความเจ็บปวดที่ขยายตัวนำอับซาโลมผู้รักสันติไปสู่การกบฏและทนไม่ได้กับความอยุติธรรม “อับซาโลม แปลว่า “แห่งสันติสุข” เรื่องนี้สอนเรามากๆทีเดียวครับ

 

1. สันติภาพ สันติสุข เกิดไม่ได้ถ้าไม่มีความยุติธรรม
2. ถ้าความจริงถูกละเมิด หรือถูกปิดบัง คนผิดถูกละเลยไม่ได้ลงโทษ ที่สุด สันติสุขก็เกิดไม่ได้เด็ดขาด
3. “Caritas in Veritate” ความรักในความจริง และเรื่อง “Justice and Peace” ต้องประยุกต์เข้ากับชีวิตของสังคม ครอบครัว
4. การปล่อยให้คนรักสันติถูกกดขี่และไม่ได้รับความเป็นธรรม การเมินเฉยต่อความจริงและความถูกต้อง มักจะก่อให้เกิดความรุนแรงในที่สุดเสมอ
5. เราได้เห็นทาทีของการรอคอยความยุติธรรมของอับซาโลมและทามาร์ เงียบ อดทน และรอคอยความยุติธรรมจากกษัตริย์ดาวิด อับซาโลมเตือนน้องสาวให้เงียบและอดทน แต่ที่สุด ไม่มีคำตอบเรื่องความยุติธรรมในการกระทำผิดของอัมโนน ท่าทีของการตามใจและปล่อยละเลยของดาวิดส่งผลร้ายยิ่งขึ้นต่อไป)

 

• (ความเจ็บแค้น การได้รับความอยุติธรรมของสองพี่น้อง อับซาโลมและทามาร์น้องสาว ถูกสั่งสมอยู่นานกับความเมินเฉยของการตัดสินของดาวิด ความละเลยของดาวิดต่อการกระทำของอัมโนน เรื่องนี้กินเวลาและอดทน...พระคัมภีร์เล่าว่า...)


• สองปีต่อมา อับซาโลมจัดงานเลี้ยงในโอกาสตัดขนแกะที่ตำบลบาอัล-ฮาโซร์ ใกล้เมืองเอฟราอิม และเชิญโอรสทุกองค์ของกษัตริย์ดาวิด อับซาโลมไปเฝ้ากษัตริย์ทูลว่า 'ผู้รับใช้ของพระองค์จัดงานเลี้ยงฉลองการตัดขนแกะ ขอให้พระราชาเสด็จไปร่วมงานพร้อมกับบรรดาข้าราชบริพารด้วยเถิด กษัตริย์ตรัสตอบว่า 'อย่าเลยลูก ถ้าพวกเราไปกันทุกคน ก็จะทำให้ลูกลำบาก' อับซาโลมพยายามคะยั้นคะยอ แต่กษัตริย์ไม่ยอมเสด็จและทรงอนุญาตให้เขากลับไป แต่อับซาโลมทูลว่า 'ถ้าพระองค์ไม่เสด็จอย่างน้อยก็ขอให้อัมโนน พี่ชายไปด้วยเถิด' กษัตริย์ตรัสตอบว่า 'ทำไมเขาจะต้องไปด้วยเล่า?' แต่อับซาโลมคะยั้ยคะยอ จนในที่สุดกษัตริย์ดาวิดทรงยอมให้อัมโนนและโอรสองค์อื่นๆไปกับเขา

 

• อับซาโลมจัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ แล้วสั่งผู้รับใช้ว่า 'จงสังเกตให้ดี เมื่ออัมโนนดื่มเหล้าจนเมา มีอารมณ์ดีแล้ว เราจะสั่งให้ฆ่าอัมโนน จงฆ่าเขา อย่ากลัว เราจะรับผิดชอบเรื่องนี้ จงทำใจให้กล้าและเข้มแข็งเถิด!' บรรดาผู้รับใช้ของอับซาโลมก็กระทำกับอัมโนนตามที่อับซาโลมสั่ง โอรสทุกองค์ของกษัตริย์ต่างลุกขึ้น ทรงล่อเป็นพาหนะหนีไป ขณะที่บรรดาโอรสกำลังอยู่กลางทาง มีผู้ไปทูลกษัตริย์ดาวิดว่า 'อับซาโลมฆ่าโอรสทุกองค์ของกษัตริย์ ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตเลย' กษัตริย์ทรงลุกขึ้น ฉีกฉลองพระองค์ด้วยความโศกเศร้า ซบพระพักตร์ลงกับพื้นดิน บรรดาข้าราชบริพารที่เฝ้าอยู่ต่างก็ฉีกเสื้อผ้าของตนด้วย แต่โยนาดับ บุตรของชีเมอาห์ พระเชษฐาของกษัตริย์ดาวิด ทูลว่า 'เจ้านายของข้าพเจ้า อย่าทรงคิดว่าพระโอรสทุกองค์ถูกประหาร คงเป็นเพียงอัมโนนเท่านั้นที่เสียชีวิต เพราะอับซาโลมตั้งใจจะทำเช่นนี้ ตั้งแต่อัมโนนข่มขืนทามาร์น้องสาว


• ส่วนอับซาโลมหนีไปเฝ้าทัลมัยโอรสของอัมมีฮูด กษัตริย์แห่งเกชูร์ กษัตริย์ดาวิดทรงไว้ทุกข์ให้อัมโนนพระโอรสเป็นเวลานาน


• (พ่อขอเสนอรายละเอียดบางประการเกี่ยวกับอับซาโลม
o ไม่มีชายใดทั่วอิสราเอลได้รับคำชมว่ามีรูปงามเท่ากับอับซาโลม
o เขาไม่มีตำหนิเลยตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
o เขามีผมดกหนา ตัดผมปีละครั้ง เมื่อรู้สึกว่าผมยาวและหนักมาก ผมที่ตัดออกนั้นชั่งได้ประมาณสองกิโลกรัมครึ่งตามพิกัดหลวง
o อับซาโลมมีบุตรชายสามคน และบุตรสาวหนึ่งคนชื่อทามาร์ เป็นหญิงสาวสวยมาก)

 

• (หลังจากเรื่องเหล่านี้ อับซาโลได้รับอภัยจากดาวิดแต่ไม่เคยเขาเฝ้าดาวิด และค่อยๆก่อการกบฏต่อดาวิดเรื่อยมา เมื่อมีกำลังและฝ่ายของตนเองมากขึ้นๆ ในที่สุด จากความเจ็บแค้นดังเดิมต่อดาวิด จนแล้วจนรอดอับซาโลมก็ก่อการกบฏแต่ดาวิดในที่สุด ตั้งใจยึดอำนาจทุกอย่างจากดาวิด เขาพร้อมกับคนที่เห็นด้วยและอยู่ฝ่ายเขาทำการกบฏเรื่องนี้มีบทสอนเรามากๆด้วยเช่นกัน

1. ความอยุติธรรมที่เคยได้รับ ความโกรธไม่เคยหมดไปจากใจของอับซาโล
2. แม้ดาวิดให้อภัย แต่ในใจของอับซาโลมยังขุ่นมัวและไม่เคยมีสันติสุขเลยเพราะจุดสำคัญที่น้องสาวถูกระทำจากอัมโนน
3. และทั้งสองถูกกระทำจากดาวิด สิ่งที่ถูกกรทำจากดาวิดคืออะไร คำตอบคือ การละเลยของดาวิดที่จะให้ความเป็นธรรมหรือความยุติธรรม
4. ความขุ่นมัวไม่จบสิ้นใจในที่ “ถูกละเลย” อันนี้สำคัญมาก แม้ได้แก้แค้นแล้ว แต่ความรู้สึกของดาวิดของอับซาโลมเสียไป เรื่องนี้สอนเรามากๆ “การละเลย” บ่อยครั้งเป็นบาปและความผิดมากกว่าการกระทำบาปหรือกระทำกิจการไม่ได้ “การละเลยที่จะกระทำความดี กระทำความยุติธรรม” ก็เป็นผลร้ายจริงๆอย่างไม่น่าเชื่อเลย
5. การถูกละเลย การรู้สึกถึงการขาดความรักและความยุติธรรม ส่งผลร้ายกว่าการถูกกระทำเสียด้วยซ้ำ)

 

• (ในที่สุด แม้ผ่านไปหลายปี ก็ยังไม่จบสิ้น อับซาโลมจึงก่อการกบฏต่อดาวิด พระคัมภีร์เล่าว่า)


• “สี่ปีผ่านไป อับซาโลมทูลกษัตริย์ว่า 'ขอทรงอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปเมืองเฮโบรน เพื่อแก้บนที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้กับพระยาห์เวห์ มื่อข้ารับใช้ของพระองค์อยู่ที่แคว้นเกชูร์ในแผ่นดินอารัม ข้ารับใช้ได้บนไว้ว่า "ถ้าพระยาห์เวห์ทรงพาข้าพเจ้ากลับมากรุงเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าจะไปนมัสการพระยาห์เวห์ที่เมืองเฮโบรน"' กษัตริย์ตรัสตอบว่า 'จงไปโดยสวัสดิภาพเถิด' อับซาโลมจึงออกเดินทางไปเมืองเฮโบรน เขาส่งผู้นำสารลับไปหาชนอิสราเอลทุกเผ่าสั่งว่า เมื่อได้ยินเสียงแตร ให้ท่านร้องว่า "อับซาโลมขึ้นเป็นกษัตริย์ที่เมืองเฮโบรนแล้ว!' ชายสองร้อยคนจากกรุงเยรูซาเล็มเดินทางไปกับอับซาโลม ผู้รับเชิญเหล่านี้ไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ล่วงรู้แผนการนี้เลย อับซาโลมส่งคนไปเชิญ อาหิโทเฟลชาวกิโลห์ ที่ปรึกษาของกษัตริย์ดาวิด ให้มาจากเมืองกิโลห์เพื่อร่วมพิธีถวายบูชาด้วย แผนการกบฏก็เข้มแข็งขึ้น ประชาชนเข้ามาสนับสนุนอับซาโลมมากยิ่งขึ้นทุกวัน”

 

• และเขาก็ทำกบฏจริงๆ... จนดาวิดเองต้องหนี.. และพระคัมภีร์วันนี้ที่เราอ่านในมิสซาเล่าเรื่องการหนีของกษัตรยิ์ดาวิดนี่เอง... ตอนนี้ของพระคัมภีร์เน้นที่การที่ดาวิดต้องหนีจากอับซาโลม และดาวิดได้พบกับชิเมอี บุตรของเกรา ที่ออกมาด่าแช่งดาวิด พี่น้องอ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ที่ชิเมอีได้ออกมาด่าแช่ง และการสำนึก ยอมรับผิดของดาวิด เพราะดาวิดยอมรับจริงๆว่าตนเองเคยได้ทำผิด และสมควรที่จะรับการตำหนิจากชิเมอี ดาวิดยอมรับความชอบช้ำที่ตนเองถูกอับซาโลมลูกชายของตนกบฏต่อตนเอง ดาวิดยอมรับด้วยความเจ็บปวด แต่ก็เต็มด้วยความสำนึกที่ตนเองเคยได้ทำบาปผิดต่อพระยาห์เวห์ และตนเองก็ยอมรับถึงความละเลยที่ตนเองได้เคยกระทำ

 

• (พี่น้องที่รักครับ มาอ่านพระคัมภีร์ประจำวันนี้กันต่อได้เลยนะครับ พ่อเกริ่นนำมาพร้อมกับให้ข้อคิดจากเรื่องราวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้น ตอนนี้เราสามารถอ่านเรื่องชิเมอีกับดาวิดต่อไปได้อย่างง่ายดายครับ เรามารู้จักชิเมอีกันอีกหน่อยก่อนอ่านนะครับ)
o (เขาเป็นคนเผ่าเบนยามิน เผ่าเดียวกับซาอูลเป็นญาติของกษัตริย์ซาอูล บุตรของเกรา ชื่อ Shimei ภาษาฮีบรู שמעי แปลว่า “จงฟัง” หรือแปลว่า “ความร้อนรนกระตือรือร้นให้ต้องฟัง” เป็นเสียงเรียกร้องให้ดาวิดต้องฟัง ไม่ฟังไม่ได้ และคำกล่าวของชิเมอีเรียกร้องดาวิดให้ทบทวนความจริงของตนเองได้เป็นอย่างดี )

-----------------------------------------
2ซมอ 15:13-14,30;16:5-13….

13มีผู้มากราบทูลกษัตริย์ดาวิดว่า 'ชาวอิสราเอลมีใจไปเข้ากับอับซาโลมแล้ว' 14กษัตริย์ดาวิดจึงตรัสแก่ข้าราชบริพารทั้งปวงที่อยู่กับพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็มว่า 'จงรีบหนีกันเถิด มิฉะนั้น พวกเราจะไม่มีใครหนีรอดพ้นอับซาโลมได้! จงรีบไปเถิด เขากำลังมาอย่างรวดเร็วและจะทันเรา นำหายนะมาให้เราและใช้ดาบฆ่าทุกคนในเมือง
30กษัตริย์ดาวิดเสด็จขึ้นบนภูเขามะกอกเทศ ทรงร้องไห้ตลอดทาง เสด็จโดยพระบาทเปล่า มีผ้าคลุมพระเศียร ทุกคนที่ตามเสด็จต่างคลุมศีรษะและเดินร้องไห้
5เมื่อกษัตริย์ดาวิดเสด็จมาถึงบาหุริม ชายคนหนึ่งชื่อชิเมอีบุตรของเกราออกมาแช่งด่าพระองค์ พลางเดินตามไป เขามาจากตระกูลเดียวกันกับครอบครัวของกษัตริย์ซาอูล 6เขาขว้างหินใส่กษัตริย์ดาวิดและบรรดาข้าราชบริพาร ทั้งๆที่กษัตริย์ทรงมีผู้คนและองครักษ์ห้อมล้อมอยู่ทุกด้าน 7ชิเมอีตะโกนด่ากษัตริย์ดาวิดว่า 'ไปให้พ้น ไปให้พ้น เจ้าฆาตกร เจ้าคนสารเลว! 8พระยาห์เวห์ทรงลงโทษเจ้าแล้วที่ได้หลั่งเลือดผู้คนในครอบครัวของกษัตริย์ซาอูล และแย่งชิงราชสมบัติไป บัดนี้ พระยาห์เวห์ทรงมอบราชสมบัตินั้นให้อับซาโลม ลูกของเจ้า สมควรแล้วที่เจ้าจะรับโทษนี้ เพราะเจ้าเป็นฆาตกร' 9อาบิชัยบุตรของนางเศรุยาห์ทูลกษัตริย์ว่า 'ทำไมไอ้หมาตายตัวนี้จะต้องแช่งด่าพระราชาเจ้านายของข้าพเจ้า? โปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปตัดหัวของมันเสียเถิด' 10แต่กษัตริย์ตรัสตอบว่า 'บุตรของนางเศรุยาห์เอ๋ย เรามีความคิดเห็นไม่ตรงกัน? ถ้าเขาแช่งด่าเราเพราะพระยาห์เวห์ทรงบอกเขาว่า "จงไปแช่งด่าดาวิดเถิด!' ใครเล่าจะมีสิทธิ์ถามเขาว่า "ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้?"' 11กษัตริย์ดาวิดตรัสกับอาบีชัยและข้าราชบริพารทั้งปวงว่า 'ดูซิ แม้กระทั่งลูกที่เกิดจากเรายังพยายามจะฆ่าเรา แล้วสาอะไรกับชาวเบนยามินผู้นี้เล่า ปล่อยเขาเถอะ ปล่อยให้เขาแช่งด่าเรา เพราะพระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้เขาทำ! 12บางที พระยาห์เวห์จะทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของเรา แล้วประทานพรให้เราแทนคำแช่งด่าในวันนี้ 13กษัตริย์ดาวิดทรงพระดำเนินต่อไปพร้อมกับคนของพระองค์ ชิเมอีเดินตามไปบนเนินเขาตรงข้ามกับพระองค์ พลางแช่งด่า ขว้างก้อนหินและกอบฝุ่นใส่พระองค์
---------------------------------------

อรรถาธิบายและข้อคิดบางประการจากเรื่องของชิเมอี

1. ดาวิดถึงคราวต้องหนีจากอับซาโลบุตรชายของตนเอง พระคัมภีร์ให้ภาพดาวิดต้องหลบหนีอย่างน่าสงสาร เท้าเปล่าเดินไป มีผ้าคลุมหน้า และร้องไห้ไปตลอดทาง เป็นภาพที่ทำให้เห็นถึงการระทมเพราะความผิดที่ตนเองได้เคยกระทำ และขณะเดียวกัน ดาวิดก็รักอับซาโลมอยู่ดี เพราะเป็นบุตรของตน ภาพที่พระคัมภีร์ชี้ให้เราเห็นว่า ดาวิดยอมรับผิด ยอมรับความบกพร่องของตนเอง และสิ่งต่างๆที่ตนได้กระทำตลอดมา ดาวิดยอมรับและกล่าวว่า “'ดูซิ แม้กระทั่งลูกที่เกิดจากเรายังพยายามจะฆ่าเรา แล้วสาอะไรกับชาวเบนยามินผู้นี้เล่า ปล่อยเขาเถอะ ปล่อยให้เขาแช่งด่าเรา เพราะพระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้เขาทำ! 12บางที พระยาห์เวห์จะทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของเรา แล้วประทานพรให้เราแทนคำแช่งด่าในวันนี้”


2. ภาพของดาวิดคือภาพของการยอมจำนน ไม่ใช่ยอมจำนนต่ออับซาโลม ไม่ใช่ยอมจำนนต่อชิเมอี แต่อันที่จริง ดาวิดยอมจำนนต่อความผิด ความอ่อนแอของตนที่ได้กระทำบาปผิดต่อพระเจ้า และการก่อให้เกิดความวุ่นวายในครอบครัวของตน เพราะการละเลยที่จะมอบความยุติธรรมให้กับอับซาโลม บาปการละเลยเป็นสิ่งที่ดาวิดตระหนักและยอมรับ

ข้อไตร่ตรองจากการอ่านพระคัมภีร์ทั้งหมดในวันนี้


1. เราได้เรียนรู้อย่างดียิ่งถึงความยุติธรรมและสันติ ไม่มีทางที่จะมีสันติภาพแท้จริง ถ้ายังขาดความยุติธรรม พี่น้องที่รัก เราคริสตชนต้องแสวงหาความยุติธรรมเสมอ อยู่ข้างความถูกต้องยุติธรรมเสมอ เพื่อสามารถมีสันติสุขแท้จริง


2. พ่อคิดว่า เราคริสตชนต้องไม่เดินตามกระแสโลก ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมจัดตามกระแสโลก ไม่ใช้วิธีคิดหรือคำแนะนำตามกระแสโลกแบบที่อัมโนนได้กระทำตามคำแนะนำของโยนาดับ การเดินตามความคิดของโลก กระแสโลก นำไปสู่การวางแผนชั่วร้ายและกระทำอยุติธรรมต่อคนอื่นเพื่อความพอใจและความปรารถนาฝ่ายต่ำของตน โดยไม่ได้ให้เกียรติเพื่อพี่น้องของเรา... เราคริสตชนต้องไม่เดินตามกระแสหรือหนทางของคนชั่วร้ายครับ


3. พี่น้องที่รัก พ่อคิดว่าเรื่องความรักของดาวิดต่ออัมโนนก็ทำให้เราต้องเรียนรู้จริงๆ ความรักจนลืมที่จะให้ความยุติธรรม ที่จะตักเตือนความผิด นั่นเป็นความรักที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเราได้เรียนรู้และเราจำเป็นต้องไม่ขาดความยุติธรรม หรือการให้ความยุติธรรมแก่คนที่ร้องหาความยุติธรรม


4. ความเก็บกดของอับซาโลมและทามาร์ อันที่จริงเก็บฝังไว้ซึ่งความโกรธแค้นจนถึงฆาตกรรม ซึ่งไม่ควรเป็นเช่นนั้นเลย พ่อขอให้เราได้เรียนรู้ที่จะละจากความเก็บ เกลียดชังหรือความเคียดแค้นไว้ในใจซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย


5. สุดท้าย พี่น้องที่รัก ขอให้เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของพระคัมภีร์ และให้เราเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตด้วยความรักศรัทธาในพระเจ้า ให้เราสามารถไตร่ตรองชีวิต ตัวจริงของเรา และกล้ายอมรับความผิดของเรา ความบกพร่องของเรา และโดยเฉพาะการละเลยของเราในความรักที่เราควรรักเสมอในฐานะคริสตชนนะครับ โดยเน้นความยุติธรรมและความรักของพระองค์ตลอดไปนะครับ


6. พ่อได้เรียนรู้ว่า บาปหรือความผิดที่เกิดจากการกระทำความผิดความชั่วร้าย ยังไม่หนักเท่ากับบาปที่เกิดจากการละเลยการกระทำความดี ละเลยปฏิบัติความยุติธรรม ละเลยจากการให้ความยุติธรรมนั้น หนักหน่วงจริงๆครับ


7. ดังนั้นขอให้เราอย่าละเลยที่จะกระทำความดี ประกาศความรักเมตตา และความยุติธรรมต่อพี่น้องของเราเสมอนะครับ ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก