“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน 2015
สัปดาห์ที่สามสิบสาม เทศกาลธรรมดา

ลก 19:41-44…
41ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทอดพระเนตรเมืองนั้นแล้วทรงกันแสง 42ตรัสว่า “ถ้าในวันนี้เจ้าเพียงแต่รู้จักทางนำไปสู่สันติก็จะเป็นการดี แต่ทางนั้นถูกซ่อนไว้จากดวงตาของเจ้าเสียแล้ว 43วันนั้นจะมาถึงเจ้า เมื่อข้าศึกสร้างที่มั่นล้อมเจ้า จะตรึงเจ้าไว้อย่างแน่นหนารอบทุกด้าน 44จะบุกทำลายเจ้าและลูกหลานที่อาศัยอยู่ในเจ้าจนราบเป็นหน้ากลอง และจะไม่ปล่อยให้มีก้อนหินซ้อนกันอยู่ในเจ้าอีก เพราะเจ้าไม่รู้จักเวลาที่พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเจ้า”



อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
  

• ตรงข้ามนครเยรูซาเล็ม จุดที่มองเห็นพระวิหารและกำแพงนคร คือ มองจากภูเขามะกอกแม้วันนี้ จุดที่เราจะเห็นนครเยรูซาเล็ม แม้ว่าปัจจุบันไม่มีพระวิหารแล้ว แต่ยังคงเห็นที่ตั้งพระวิหารและกำแพงกรุงเยรูซาเล็มแสนสวยงามจริงๆ ปัจจุบันมองไปเราก็เห็นภูเขาที่เคยตั้งพระวิหาร ที่ปัจจุบันเรียก Temple Mount ณ จุดที่ปัจจุบันเราเห็นโดมสีทองที่เรียกกันว่า Dome of the Rock ดังนั้น จากภูเขามะกอกเราจะมีจุดที่มองเห็นนครเยรูซาเล็มได้สวยงามที่สุดจริงๆ แม้ ณ วันนี้ก็เป็นเช่นนั้น...

• พ่ออยากจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนครเยรูซาเล็มก็เพราะ ณ จุดที่มองเห็นพระวิหาร หรือที่ตั้งพระวิหารนี่แหละครับ เพราะในสมัยพระเยซูเจ้าพระองค์ก็เคยทอดพระเนตรนครเยรูซาเล็มและที่สำคัญ ตามที่พระวรสารได้บันทึกในวันนี้ พระองค์ไม่ใช่เพียงแต่มองดูเยรูซาเล็มเท่านั้น แต่พระองค์ทรง “พระกันแสง” (ร้องไห้) ซึ่งพ่อถามตนเองจริงๆว่า ทำไมพระองค์ทรงพระกันแสง พระองค์ร้องไห้เมื่อทอดพระเนตรพระวิหารและนครเยรูซาเล็ม... อ่านพระวรสารวันนี้แล้วจะได้เห็นถึงความสะเทือนใจขอพระองค์จริงๆ
o ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทอดพระเนตรเมืองนั้นแล้วทรงกันแสง ตรัสว่า “ถ้าในวันนี้เจ้าเพียงแต่รู้จักทางนำไปสู่สันติก็จะเป็นการดี แต่ทางนั้นถูกซ่อนไว้จากดวงตาของเจ้าเสียแล้ว

• พระเยซูเจ้าทรงพระกันแสงเมื่อทอดพระเนตรนครเยรูซาเล็ม พ่อยากเล่าเรื่องเยรูซาเล็มปัจจุบันที่พ่อไปและได้เห็นต่อครับ.. จากจุดที่พ่อบอก คือ บนภูเขามะกอก สภาพทางภูมิศาสตร์เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้เยรูซาเล็ม ครั้งที่พระองค์เดินทางมาจากเมืองเยรีโค... พระองค์ต้องข้ามภูเขามะกอกและลงไปที่ห้วยคิดโรนและขึ้นไปเยรูซาเล็ม...ดังนั้น ณ ภูเขามะกอกสามารถมองเห็นเยรูซาเล็มได้ถนัดตา งดงามและดูสง่างามยิ่งใหญ่จริงๆ

• พี่น้องที่รัก ณ จุดจากภูเขามะกอก ปัจจุบันเมื่อเรากำลังเดินลงไปที่ห้วยคิดโรน เราจะเห็นมีจุดที่มองเห็นเยรูซาเล็มสวยมากๆ และ ณ ตรงนั้น มีวัดเล็กๆวัดหนึ่งเล็กมากๆจากภายในวัดก็เห็นนครเยรูซาเล็ม วัดนี้ชื่อ “พระเยซูเจ้ากันแสง” (Dominus Flevit) วัดนี้ประทับใจพ่อมาก และเป็นวัดเล็กๆที่อยู่ในจุดที่เราเห็นเยรูซาเล็มได้ชัด พ่อไปที่นี่บ่อยๆและทุกครั้งพ่อก็นั่งมองดูเยรูซาเล็มที่สวยงาม และพ่อก็มองดูด้วยความรู้สึกที่พ่ออยากเข้าไปนั่งในพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า พ่ออยากรู้จริงๆว่าทำไมหนอพระองค์จึงทรงพระกันแสงเช่นนั้น

• พระวรสารนักบุญลูกาเน้นให้เราเห็นว่า พระองค์ทรงทำนายและปรารถนาที่สุดที่จะให้เยรูซาเล็ม ประชากรของนครเยรูซาเล็มได้มีตระหนักกลับใจ และให้นครแห่งนี้ได้สำนึกผิดที่ไม่ได้ใยดีหรือใส่ใจกับเสียงเตือนของประกาศก หรือการตักเตือนมากมายที่ปรารถนาให้ประชากรได้ดำเนินชีวิตไม่ไหลไปกับกระแสโลกหรือฝักใฝ่สิ่งอื่นๆ มากกว่าพระเจ้าจนทิ้งหนทางของพระเจ้าไป และจะนำไปสู่ความพินาศในที่สุด และที่เราทราบความจริง นครเยรูซาเล็ม พระวิหาร ถูกทำลายในปี ค.ศ. 70 โดยจักรวรรดิโรมันหลังสมัยพระเยซูเจ้า นครนี้ถูกทำลายเหมือนในอดีตที่เคยถูกทำลายโดยจักรวรรดิ์บาบิโลน ปี 587 ก่อน ค.ศ. สรุปได้ว่า พระเยซูเจ้าเคยทรงพระกันแสงเพราะอาลัยถึงนครแห่งนี้...เพราะไม่ได้เดินในหนทางแห่งสันติและความจริง

• พระเยซูเจ้าปรารถนาให้ชาวเยรูซาเล็มและแน่นอนหมายถึงเราผู้อ่านพระวรสารด้วย พระองค์ปรารถนาให้ตระหนักสำนึกอย่างแท้จริงในความรักของพระเจ้า และที่สำคัญเพื่อกลับใจ และดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นนครแห่งสันติและนครแห่งประชากรของพระเจ้าจริงนั่นเอง

• พี่น้องที่รัก Amor Omnia Vicit อ่าน (อามอร์ ออมนี่อา วินชิต) แปลว่า “ความรักชนะทุกสิ่ง” พ่อเห็นอะไรจากพระวรสารที่พระเยซูเจ้าทรงพระกันแสน ขณะเมื่อทรงทอดพระเนตรเยรูซาเล็มจากฝั่งภูเขามะกอกดังที่พ่อเขียนมาข้างต้น พ่อยอมรับความ “น้ำตา” โดยปกติในบริบทของพระคัมภีร์มีเหตุมาจากความเศร้าใจ... แต่สิ่งที่อยู่เบื้องลึกของน้ำตาและความเศร้า คือ “ความรัก” (Amor)
o ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นและเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์กำลังจะไปเพื่อ “รัก” คือเพื่อประกาศความรักของพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าองค์ความรัก และกำลังจะทรงรักมนุษย์จนถึงที่สุดคือการที่จะทรงรับทรมานสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
o เมื่อทรงทอดพระเนตรเยรูซาเล็ม พระองค์ร้องไห้...ตรงนี้ทำให้พ่อต้องคิดถึงวัดน้อยๆ หลังนั้น Dominus Flevit (ดอมีนูส เฟลวิต) พระเยซูเจ้าทรงพระกันแสง (ร้องไห้) เพราะ “รัก” เยรูซาเล็ม คือ รักนครแห่งสันติสุข นครแห่งความรักของพระเจ้า คือ ทรงรักมนุษย์ทุกคนจริงๆ
o “การร้องไห้ของพระเยซู คือ ความรัก” เป็นความรักที่อัดแน่นที่สุด.. ความรักของพระเจ้าผู้ทรงรักมนุษย์ทั้งมวล

• สำหรับพ่อ “การร้องไห้คือความรักใช่” และถ้าเป็น “พระเยซูพระเจ้าจากพระบิดาทรงพระกันแสง” ทรงร้องไห้ก็เป็นการสรุปให้เห็นชัดเจนว่า.. การร้องไห้เมื่อทอดพระเนตรเยรูซาเล็มนั้นเป็นเครื่องหมายชัดเจนว่า “พระเยซูเจ้าทรงรักมนุษย์เพียงใด” และไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อพระองค์ทรงรับทรมานสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน “ทรงรักเราถึงเพียงนี้”

• ดังนั้น “ความรักชนะทุกสิ่ง” พ่ออยากจะบอกว่า “ความรักชนะบาปทุกประการของเรา” ครับ เชื่อพ่อเถอะ แม้บาปของเราจะหนักหนานัก โดยเฉพาะ..เชื่อพ่อนะ บาปที่เกิดจากความบกพร่องในความรักแท้.. ในความโลภ ความหลง ความรักแต่ตนเอง ความรักที่ถูกละเมิด การประพฤตินอกใจกันที่ดาดดื่นเหลือเกินในปัจจุบัน การให้ค่าผิดในการขาดความรักว่าเป็นความรัก แท้จริงคือความหลง... การปล่อยตัวในความหลง ในราคะการค้ามนุษย์อย่างน่าเวทนาแต่ไร้ความรู้สึกผิด ไม่ดีเลยครับ... ล้วนเป็นบาปที่จากการขาดความรักทั้งสิ้น.... พ่อยิ่งมั่นใจ “ความรัก(แท้)ชนะทุกสิ่ง” ขอให้เราคริสตชนประกาศ “รักแท้” ของพระเจ้านะครับ และหยุดเถอะครับความเสเพล การปล่อยตัวในความโลภ โกรธ หลง และการประพฤตินอกใจในทุกรูปแบบ หรือการประพฤติปล่อยตัวในความรักเทียมในทุกรูปแบบ... เราคริสตชนโปรดให้เกียรติ “ความรักแท้” นะครับ ความรักที่ซื่อสัตย์จริงๆ นะครับ ถ้ามิเช่นนั้น พ่อเชื่อว่าถ้าจะตีความแบบความรู้สึกมนุษย์หน่อย..การกระทำของเรา กำลังทำให้พระเจ้าองค์ความรักต้อง “ร้องไป” Deus, Dominus Flevit คือ “พระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระกันแสง(ร้องไห้)” เพราะความรักต่อเราจริงๆ

• พี่น้องที่รัก ตระหนัก สำนึก รักแท้ และกลับใจอย่างต่อเนื่องในชีวิต คือ
o จงรักอย่างต่อเนื่อง รักแท้ รักพระเจ้า รักพี่น้องด้วยบัญญัติแห่งความรักนะครับ
o ขอพระเจ้าองค์ความรัก ทรงประทับเปี่ยมล้นในวิญญาณของเรา ทำให้เราสามารถละเลิก ความเท็จเทียมในความรัก ความเท็จเทียมที่ทำให้เราหลงไปให้จงได้นะครับ...
o ขอความรักแท้ จงชนะความรักเทียมที่เป็นความหลง ความโลภ ความไม่รู้พอและละเมิดความรักทั้งหลายในชีวิตของเรานะครับ... ไปให้พ้นเจ้าซาตานที่ขาดความรักที่สุดคือความเท็จเทียมของความรักที่จ้องแย่ง จ้องทำลาย และกระหายจะแย่งและแยกความรักแท้ไปจากเรามนุษย์... ไปให้พ้นจากเรามนุษย์และอย่าได้กลับเข้ามาอีกเลย...
o ขอพระเจ้าองค์ความรักแท้ทรงรักเราโอบกอดเรา จนเราเต็มไปด้วยความรักแท้และเป็นภูมิคุ้มกันแห่งความรักตลอดไป...อาแมน

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก