“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2015
สัปดาห์ที่ยี่สิบห้า เทศกาลธรรมดา

ลก 9:43ข-45
…
ขณะที่ทุกคนกำลังพิศวงในทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำอยู่นั้น พระองค์ตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า 44“ท่านทั้งหลายจงฟังถ้อยคำเหล่านี้ไว้ให้ดีเถิด บุตรแห่งมนุษย์กำลังจะถูกมอบในมือของคนทั้งหลาย” 45แต่บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจพระวาจานี้ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ถูกปิดบังไว้มิให้ เข้าใจความหมาย แต่เขาทั้งหลายก็ไม่กล้าทูลถามเรื่องนี้


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
 
• ความสุขเราเข้าใจ เราอยากได้เสมอ แต่ความทุกข์ เรามักจะไม่ค่อยเข้าใจ หรือหลีกเลี่ยง หรือไม่แม้แต่จะแตะต้อง นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์จริงๆ และวันนี้พระวรสารโดยท่านนักบุญลูกา เราพบว่าพระเยซูเจ้าทรงประกาศสอนบรรดาศิษย์ถึงพระทรมาน การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพ ที่เราเรียกว่า “พระธรรมล้ำลึกปัสกา” ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สุด เรื่องสำคัญสุด และเกี่ยวข้องกับความตายของพระเยซูเจ้า เท่าที่พ่อได้ศึกษาจากพระวรสารนักบุญมาระโกด้วย พบกว่าพระองค์ประกาศแก่บรรดาศิษย์อย่างเปิดเผย... ให้พวกเขาได้รู้ถึงอนาคตหรือหนทางที่พระองค์ต้องเดินไปสู่กรุงเยรูซาเล็ม แต่บรรดาศิษย์เคยยอมเข้าใจ และไม่อยาก ไม่กล้าที่จะทูกถามพระองค์ถึงเรื่องนี้

• ลูกาก็บันทึกเช่นเดียวกัน “แต่บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจพระวาจานี้ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ถูกปิดบังไว้มิให้ เข้าใจความหมาย แต่เขาทั้งหลายก็ไม่กล้าทูลถามเรื่องนี้” ทั้งๆที่พระองค์สั่งพวกเขาว่า “พวกท่านจงตั้งใจฟังให้ดี” ประหนึ่งพระองค์กำชับและย้ำแก่พวกเขาให้รู้อย่างดีๆถึงพระทรมานของพระองค์ ให้รู้อย่างชัดแจ้งถึงสิ่งที่จะเกิดกับพระองค์ แต่แน่ๆคือพวกเขาไม่เข้าใจ ไม่ฟังให้เข้าใจ และแม้ไม่เข้าใจก็ไม่กล้าทูลถามพระองค์...

• พี่น้องที่รัก เรื่องความทุกข์ เรื่องความทรมาน คงไม่มีใครอยากได้ยิน หรืออยากที่จะพูดถึง ไม่อยากให้มาถึงตนเองหรือมาถึงคนที่ตนเองรัก ไม่มีใครเลยอยากจะให้เรื่องความทรมานนั้นกล้ำกรายเข้ามาหาแต่อย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนเรื่องนี้ แม้เราไม่อยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่ในที่สุดก็ขาดไปไม่ได้อย่างแน่นอน... คำพูดที่คนเราพูดกันเสมอคือ “ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย” จริงๆครับ ไม่มีใครอยากให้ความเจ็บป่วย เจ็บปวดหรือความตายมาถึงตนเองแน่นอน แต่ก็นะ ไม่มีใครไม่ผ่านทางนี้สักคนนี่นา... พ่อเขียนไปก็ไม่อยากทำใจ แต่ก็เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี


• แล้วเราจะทำอย่างไร จะเผชิญกับความจริงที่จะมาถึงเราสักวันนี้ด้วยใจสงบได้อย่างไรกัน ใช่ครับ ขณะที่พระเยซูกำลังทำให้ประชาชนพิศวงในพระพลังและความสามารถของพระองค์ จนทุกคนต่างก็รู้ได้เลยว่า พระองค์ทรงอำนาจและทรงเป็นพระแมสซียาห์ ทรงเป็นพระเจ้าด้วยแน่นอน แต่ แต่ แต่ ที่แปลก ขณะที่บรรดาศิษย์และประชาชนกำลังพิศวงกับพระองค์ พระองค์กลับบอกกับพวกเขาให้ตั้งใจฟัง และประกาศถึงปลายทางของพระองค์ที่จะต้องทรงสิ้นพระชนม์ ถ้าจะว่าไปแล้วก็ต้องบอกว่า พระองค์ประกาศอย่างนี้ได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้จะเกิดกับพระองค์ได้อย่างไร จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่พระองค์จะต้องสิ้นพระชนม์เช่นนั้น... ไม่ ไม่ ไม่ ไม่น่าเป็นไปได้ แต่พระองค์ก็เลือกที่จะให้ทุกอย่างเป็นเช่นนั้นจริงๆ ทรงประกาศอย่างเปิดเลย และยืนยันกับบรรดาศิษย์ว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้น จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย

• พี่น้องที่รัก พ่อเคยคิด และเคยมีคนถามพ่อจริงๆว่า ทำไมพระองค์ต้องเลือกหนทางนี้ ทำไมพระองค์ต้องเลือกที่จะรับความทรมานและการสิ้นพระชนม์... พ่อก็สงสัย และพี่น้องที่ถามๆพ่อก็สงสัยจริงๆ “พ่อครับ พระองค์ไม่มีทางอื่นหรือ ทำไมพระองค์ไม่เสกทีเดียวให้เรารอดกันให้หมด ให้เราได้ชีวิตนิรันดรกันไปเลย ทรงเป็นพระเจ้า.. สั่งคำเดียว เสกทีเดียว พวกเราก็รอดได้ ทำไมต้องมาตายเช่นนี้ด้วย”..

• ครับ คำถามแบบนี้ตอบยากจริงๆ เกินความเข้าใจ เกินคำบรรยาย และไม่สามารถบรรยายได้ทุกอย่าง... แต่พ่อก็บรรจงตอบไปว่า...

o “มนุษย์มีความตายติดธรรมชาติของมนุษย์เรามา และพระเจ้าก็ได้ส่งพระบุตรมาหาเรา พระองค์ทำได้อย่างที่บอกและก็น่าจะทำได้ แต่พระองค์เลือกที่จะเข้าใจเรา รักเรา โอบกอดเราในสภาพความจริงที่เราเป็น ไม่ได้เพียงพระเจ้าที่เป็นเจ้านายชี้สั่ง และทรงลงมาเคียงบ่าเคียงไหล่กับเรา โอบกอดชีวิตแบบเรามนุษย์อย่างที่สุดจน ยอมโอบกอดความตายของเรา และแบบเราด้วย เพื่อชี้ให้เห็นว่า ทรงรักเราจริงๆ”

o “เวลาเราเป็นเด็กๆ และเราก็วิ่งเล่น บางทีเราก็ล้มลงไม่เป็นท่าเอาเสียเลย เจ็บตัวลุกไม่ขึ้นเลย เจ็บมาก นอนร้องไห้อยู่กับพื้น... เราลุกขึ้นเองไม่ไหว ถ้าพ่อแม่เพียงแต่สั่งเราให้เราลุกขึ้น หรือดุเราให้เราดิ้นรนออกแรงเอง นั่นก็เป็นประเด็ดหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าเราไม่สามารถจะลุกได้ พ่อแม่ก็เดินมากหาเรา ก้มลงมาหาเรา และช้อนเราขึ้น อุ้มเราขึ้นด้วยอ้อมแขนและคำปลอบโยน นั่นก็อีกประเด็นหนึ่ง... และสิ่งที่เรารู้จริง คือ ในชีวิตเรามนุษย์มีความตายที่เราก้าวผ่านไปไม่ได้ จบสิ้น หมดหวัง และไม่มีทางที่จะผ่านไปสู่ชีวิตที่เป็นชีวิตนิรันดรได้เลย.. และพระเจ้าได้ทรงยอมลงมาหาเรา มาเป็นมนุษย์เหมือนเรา ยอมรับแม้ความตายร่วมกับเรา เจ็บจนตายเหมือนกันเราเพื่อสัมผัส โอบกอด รักเรา และเข้าใจเราให้มากที่สุด เรียกว่า “จุ่มตัวกับชีวิตเรา จมลงมาในชีวิตมนุษย์จนหมดสิ้นและสิ้นชีวิต แต่เพราะทรงรักที่จะเคียงบ่าเคียงไหล่กับเราเช่นนั้น พระองค์จึงได้รับการปลุกให้ฟื้นคืนชีพด้วยอำนาจยิ่งใหญ่ของพระเจ้า... ดังนั้น การโอกอดเราจนแน่นขนัดในความตายเช่นนี้ จึงทำให้เราได้มีความหวังในพระองค์ ได้มีโอกาสที่จะได้กลับคืนชีพเหมือนกับพระองค์ของเพียงเราเชื่อในความรัก และที่สำคัญ คำที่เราใช้บ่อยมากที่สุดคือ “ทั้งนี้ขอพึ่งพระบารมีพระคริสตเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งหลาย”

• พี่น้งอที่รัก จะมีความหวังในความรักหรือความเชื่ออะไรที่จะงดงามและเปี่ยมด้วยความหวังไปกว่านี้ ถ้าเราได้รับความรักขนาดนี้ 

o พ่อมั่นใจ ชีวิตเราคงอิมใจที่สุดและคงสามารถผ่านไปทางเดียวกับพระองค์ที่พระองค์เลือก จะผ่านเพื่อเรา ให้เราได้สามารถยอมรับ อดทน และก้าวเดินไปสู่ชีวิตนิรันดรแม้ต้องผ่านความตายตามธรรมชาติของเรามนุษย์ ก็ตาม แต่โชคดีและมีพระพรเต็มเปี่ยม เป็นพระพรเหนือพระพรใดๆที่เราได้รับจากพระบารมีของพระเยซู จากความรักของพระองค์ผู้ทรงรักเราเหลือเกิน... 

o เราต้องเข้าใจเรื่องนี้ เราต้องกล้าถามความเข้าใจเรื่องนี้ให้ลึกซึ้ง ใช่ๆๆๆ เราไม่ได้เข้าใจทั้งหมดหรอกครับ แต่เราต้องเชื่อศรัทธาในเรื่องนี้ นี่คือประเด็นของเราเลยครับ... พ่อขอให้เราได้เชื่อมากขึ้นด้วยพระพรแห่งความเชื่อ เติบโตในความเชื่อและในพระพรแห่งความรักของพระเยซูคริสตเจ้าเสมอนะครับ..

• พ่อรู้ว่าไม่ง่าย ไม่ง่ายเลยจริงๆครับ และความทรมานหรือความตายสำหรับเรามนุษย์เป็นทางตันที่เราต้องเดินไปจนสุดทาง ด้วยกันทุกคน มนุษย์ทุกคนก็ต้องไปถึงจุดนี้ เพราะเราไม่มีทางเบียงให้ไปต่อเมื่อถึงเวลา ไม่มีทางด่วนหรือสะพานให้ข้ามโดยไม่ต้องตาย...

o พระเจ้าทรงทราบธรรมชาติมนุษย์ของเรา ความตายคือธรรมชาติของมนุษย์ตั้งแต่มนุษย์คนแรกคืออาดัม “อาดัมแปลว่ามนุษย์ และเราก็รู้ว่าธรรมชาติของมนุษย์สิ้นสุดก็กลายเป็นดิน” ไม่มีทางเลี่ยงครับ แต่มีทางเลือกให้ “ไปต่อ” คือ ไม่ได้จบที่ความตาย แต่ไปต่อ “หลังผ่านความตาย” เพราะพระองค์ได้ผ่านให้เราเห็นประจักษ์ ให้เราได้เชื่อและมั่นใจ “ทรงสิ้นพระชนม์ และทรงกลับคืนพระชนม์และทรงชีวิตนิรันดร...”

o ดังนั้น เราจึงต้องเชื่อมั่นในคำสอนของพระองค์ ดังที่ทรงสั่งสอนบรรดาศิษย์ให้ฟังให้ดีๆ และเราต้องแสวงหาความเข้าใจ ความรัก ความหวังและความเชื่อในคำสอนของพระองค์เสมอ เพราะ “เราเป็นศิษย์ของพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา”

• พ่อาภาวนา “พระเจ้าข้า ลูกเชื่อในพระองค์ โปรดทรงทวีความเชื่ออันเล็กน้อยของลูกด้วยเทอญ ขอทรงทวีความเชื่อให้แก่พวกลูกคริสตชนเพื่อนๆ เฟสบุคทุกคน ให้ได้เติบโตในความเชื่อ และกล้าหาญในความเชื่อที่จะน้อมรับพระบัญชาของพระองค์ด้วยเทอญ... ทั้งนี้ อาศัยพระบารมีแห่งพระมหาทรมานแห่งความรักที่ทรงรักพวกลูกทั้งหลาย... อาแมน”


• ขอพระเจ้าอวยพรที่น้องทุกท่านครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก