“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน 2015
สัปดาห์ที่สิบสอง เทศกาลธรรมดา
มธ 7:1-5…

1“อย่าตัดสินเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน 2ท่านตัดสินเขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงตัดสินท่านอย่างนั้น ท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าจะทรงใช้ทะนานนั้นตวงให้ท่าน 3ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย 4ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า ‘ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด’ ขณะที่มีท่อนซุงอยู่ในดวงตาของท่าน 5ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด แล้วจะได้เห็นชัดก่อนไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• วันนี้เราได้เห็นคำสอนของพระเยซูเจ้าตรงๆ ตรงไปตรงมา และน่าจะไม่ต้องอธิบายอะไรมากเลย และพ่อเชื่อว่าในประสบการณ์ของพวกเรา พี่น้องที่รัก เราคงได้พบประสบความเป็นจริงของการตัดสินกันบ่อยๆ ความคิด จินตนาการ และการตัดสินที่บ่อยครั้งก็ทำให้เราต้องยอมรับความจริงว่า ไม่น่าเลย ไม่น่าไปตัดสินแบบนั้นเลย ไม่น่าไปกระทำแบบที่เราคิดหรือคิดแบบที่เรากระทำนั้นเลย

• เรื่อง “การตัดสิน” คนเรามีสติปัญญา และปัญญา ความคิด สมองของเราเก่งในเรื่องการประมวลประสบการณ์เชิงประจักษ์ที่เราได้ประจักษ์ ทางสายตา ผัสสะทั้งหลายของเรา ความคิดของเราจะประมวลจากประสบการณ์ของเราในอดีต และเราก็เริ่มกระบวนการ “ตัดสิน” พ่อชอบภาษาไทยมากกว่าในเรื่อง “ตัดสิน” เพราะภาษาไทยของเราเอาทั้งหมดในประสบการณ์และความคิดนำไปสู่กระบวนการของ “ใจ” ดังนั้น ภาษาไทยของเราจึงสรุปลงท้ายของกระบวนการนั้นที่หัวใจ คือ “ตัดสินใจ” เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ “น่าสน“ใจ”” จริงๆ เพราะใจเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับเราคนไทยครับ...

• คนไทย คนเอเชีย เราใช้ ใจคิด ใช้ใจตัดสิน มากกว่า “สมอง” ก็ว่าได้ ในเชิงของกระบวนการทางความคิด จิตใจของคนเราสำคัญ... และการใช้ใจนั้นอันที่จริงพ่อต้องยอมรับสำคัญและแรงกว่าสมองมากนัก... การพูด การจัดการ ก็ใช้ใจ พูดไป ก็ไม่ได้บาดสมอง แต่ “บาดใจ” เวลาที่คนเราเจ็บจากการกระทำและคำพูด เราก็ “เจ็บใจ แทงใจ” บางทีเราก็ลงไปถึง “แทงใจดำ” และถ้ามาในประเภทการกระทำที่ไม่น่าเลยทำกันได้อย่างไร... ภาษาของเราก็บอกว่า “แทงข้างหลัง ทะลุถึงหัวใจ” ซึ่งแสดงอาการของการถูกทรยศรุนแรง ตัวก็เดินได้ตรงดีไม่ต้องเขาเฝือก แต่ก็โดนหักหลังกันบ่อยๆ เป็นอาการหักที่เฝือกดามไม่ได้... หักหลัง หักอก หรืออกหัก ล้วนเป็นอาการที่โดทนทรยศหรือทำร้าย “จิตใจ” ทั้งสิ้น

• ในประคัมภีร์เราพบกว่า หัวใจเป็นที่ของความคิด “seat of thoughts” (มธ 9:4; 24:48) หรือของความเข้าใจ (13:15) เป็นที่มาของการแสดงความคิด ศูนย์กลางของปัญญา และความตั้งใจ อารมณ์ความรู้สึก เป็นแหล่งที่มาของพฤติกรรมทุกสิ่ง และเป็นที่เกิดของความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างหรือความสัมพันธ์ใดๆ กับพระเจ้าและกับเพื่อนมนุษย์ และเป็นที่เกิดของพฤติกรรม การแตกแยก ความดีความเลว กิจการกระทำนั้นๆ มาจากใจเสมอ

• ดังนั้นประเด็นสำคัญของพ่อวันนี้คือ “การตัดสินใจ” หรือ “การตัดสิน” เราควรทำอย่างไรดี คนเราก็ช่างชอบตัดสินและบ่อยครั้ง ก็ประมวลความคิดประสบการณ์และก็ตัดสิน ซึ่ง เชื่อมั่นในการตัดสินของตนเอง ตัดสิน “ผิดหรือถูก” ก็มั่นใจ (เพราะไม่รู้ว่าผิด) และก็ “ยืนยัน” การตัดสิน” นั้นๆ พูด กระทำ สรุป แสดงพฤติกรรมออกมา.... ก็ดีนะครับ แต่ก็มีอีกประเภทที่ตัดสินจนเป็นนิสัย นิสัยตัดสิน วิจารณ์ เห็นสิ่งที่เป็นเชิงประจักษ์(แก่ตาตน)ก็อัตโนมัต ตัดสิน สรุป จัดการ วิภาษณ์จัดทำเสียเลย จบกระบวนการ จริงไม่จริงไม่ต้องคิด เพราะคิดว่าจริงและที่ซ้ำร้ายกลายเป็นนิสัยที่เราเรียก “มั่นใจ”... และบางทีเราก็ตัดสินผิดพลาดนะ พ่อเองก็ยอมรับว่า ประสบการณ์ของพ่อมีการตัดสินใจเสมอ ใช้ใจตัดสินเยอะเหมือนกัน และบ่อยครั้งก็เจอกับความผิดพลาดด้วยสิ... ยอมรับว่า บางทีเราก็โง่คาใจไปเลย ใจมืดบอดไปเหมือนกัน... เมื่อได้คิด ก็ได้แต่คิดว่า ไม่น่าเลย...

• แต่บางที การตัดสินที่ชอบตัดสิน ตัดสินเรา สรุปเร็ว และคิดแทนคนอื่นไปหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะคนเราที่ความ “หลง” หรือ “รัก” แยกไม่ออก ถ้ามันเข้าตาครอบใจไปแล้ว การตัดสินก็จะเต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึก แบบขาดสติแม้จะมีสตางค์มากก็ตาม... เฮ้อ...ไม่น่ารักเลย ต้องแก้ไข ต้องแก้นิสัย ต้องฝึกปฏิบัติในการตัดสินกันให้มากๆ

• คำสอนพระเยซูเจ้า วันนี้ “เอาอยู่” ครับ อ่านแล้วหยุดการตัดสินเบาความ หยุดคิดไปเองและสรุปเอง และก็จัดการเอง จนอาจทำร้าย “จิตใจ” คนรอบข้างจะดีไหมครับ ทำร้ายจิตใจคนอื่นประจำจนที่สุดหารู้ไม่ว่า “ทำร้ายตัวเอง ทำร้ายจิตใจตนเอง ให้เป็นคนจิตใจเขลาและความเขลาก็ทำสิ่งที่โง่เขลา เสียโอกาสดีๆ ไปเปล่า สิ่งที่ดีๆ คนที่ดีๆ เพื่อนพี่น้องที่ดีๆ ก็เสียใจไปกันหมด” ประเภทที่เขาว่า “ดีชั่วตัวกำหนด” ไม่เอาน่าลูก พ่อด้วย เราหันมารักคำสอนแสนเรียบง่าย และตัดสิน (ใจ) เลือกเดินตามคำสอนของพระองค์กันดีกว่าครับ... 

o อย่าตัดสินเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน 

o ท่านตัดสินเขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงตัดสินท่านอย่างนั้น

o ท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าจะทรงใช้ทะนานนั้นตวงให้ท่าน 

o ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า ‘ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด’ ขณะที่มีท่อนซุงอยู่ในดวงตาของท่าน 

o ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด แล้วจะได้เห็นชัดก่อนไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง

• พระวาจาของพระเยซูวันนี้ เป็นพระวาจาที่รู้ใจ เข้าใจ และเห็นหัวใจของมนุษย์เรา พวกเราทุกคน พ่อด้วย ชัดจริงๆ เรียกว่า “เป๊ะเวอร์อ่ะ” ปฏิบัติได้เลย ไม่ต้องคิดมากเลย อ่านและย้อนมองดูอ่านใจตนเอง และลงมือแก้ไข ปฏิบัติ การตัดสินของพวกเรา และอะไรๆที่ตัดสินใจไปแล้ว ถ้าไม่น่ารัก ไม่แฟร์ ก็เริ่มใหม่...

• ไม่พอ ไม่พอ คนเราเวลาตัดสินก็ประกาศกับทุกคนรอบข้าง พูด ที่ว่า “พูดความจริง” อันที่จริงบ่อยครั้ง คือ “นินทา ใส่ความ” หรือ ถ้าพูดต่อหน้าก็อารมณ์ พอรู้ตัว ก็กลับมานั่งไตร่ตรองมองดูตนเอง... ก็ตัดสินอีกและเอาตนเองเป็นมาตรการอันนี้แย่เลย แต่วันนี้ เราได้บรรทัดฐานคำสอนของพระเยซูเจ้าเอง ปฏิบัติตามพระองค์เถอะครับ... “ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย”

• จำไว้นะครับ “คนเรามองไม่เห็นดวงตาของตนเอง” ไม่มีทาง “คนเราไม่เห็นสมองของตนเอง” (ถ้าจะเป็นไปผ่าตัด เวลาผ่าก็วางยาสลบอีก) “คนเราไม่เคยเห็นไส้เห็นพุงตนเอง” (แต่ชอบเห็นใจตนเอง ทั้งๆที่ไม่เคยได้เห็นจริงๆ)

• อยากเห็นตาตนเองก็ไปดูกระจก..ก็พอได้ แต่ แต่ แต่ กระจกมันก็หลอกในเป็นนอก นอกเป็นใน เวลาเขี่ยผงเข้าตา มันง่ายที่ไหนถ้าดูกระจกเงานั้น... ยากนะครับ

• มีกระจบบานใหญ่ 360 องศา รอบตัวเรา คือ “เพื่อนพี่นอง” ฟังพวกเขาบ้าง “เปิดใจ” รับฟัง และรับรู้ความรู้สึก ความเจ็บปวด ฟังเสียงร้องโอดครวญของคนร้องข้างที่เราได้กระทำ เอาอาจจะได้ตัดสินย่ำยีพวกเขาจนน่าสงสาร (ไม่รู้ตัว ไม่ใช่ไม่รู้ตัวที่ตัดสินเขาและแสดงอาการกับเขาไปนะครับ แต่ทำไปจนเคยตัว จนชาด้านและมิรู้ตัว ถึงซุงทั้งท่อนที่อยู่ในตาตน) เปิดใจเราเองและมองดูคนอื่นด้วย “ความรักจากหัวใจ” ดีกว่ามากครับ... “เมตตาในการตัดสิน” ดีกว่ามากครับ และ “อภัยในการตัดสินเข้าใจความอ่อนแอและผิดพลาดของคนอื่นดีกว่าไหมครับ” ไม่เช่นนั้น พระเยซูเจ้าตรัส “ถ้าท่านไม่อภัยความผิดของพี่น้อง พระเจ้าก็จะไม่ให้อภัยความผิดของท่านเช่นกัน” (มธ 6)

• พี่น้องที่รักครับ... ตัดสินใจที่จะรักเมตตา และกระทำดีในความเมตตานั้น... ดีกว่านั่งพิพากษา ตัดสิน ทั้งวันเมามันส์เม้าท์มอยสอยร่วงหล่นไปเสียทุกคนรอบข้างสนุกหรือครับ... จำการนินทาตัดสินในใจนำความขุ่นมัวมาสู่ใจตน และนำความแตกแยกมาสู่สังคมมากกว่า... เอาละ ง่ายๆ ตรงๆ “ดัดนิสัยถาวรของการช่างตัดสินและติฉินนินทาดีกว่า” “จงยินดีกับผู้ที่ยินดี ร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห” พระวาจาก็สอนไว้

• ไป...พอแล้ว ไปทำตัวเองให้น่ารัก ปรับปรุงใจให้เที่ยงตรงและอ่อนโยน และที่สำคัญ ทำใจให้บริสุทธิ์กันดีกว่าครับ...

o สรุปก็คือ “หัวใจ” ซึ่งแหล่งที่มา บ่อเกิดหรือศูนย์กลางของความตั้งใจจากภายในนั้น ต้องบริสุทธิ์เสมอและความหมายของคำว่า “บริสุทธิ์” นั้นสรุปได้เพียงสั้นๆ คือ ไม่เป็นมลทิน หรือไม่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับอะไรก็ตามที่เป็นมลทิน แล้วอะไรเล่าที่เป็นมลทิน คือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับพระเจ้าทั้งหลาย

o ผู้บริสุทธิ์แท้จริงมีแต่พระเจ้าเท่านั้น

o ดังนั้น ผู้มีใจบริสุทธิ์ คือ คนที่มีสภาพของจิตใจ ความนึกคิด และทุกสิ่งในจิตใจนั้นสอดคล้องกับพระวาจาของพระเจ้า เพราะพระวาจาของพระเจ้าแสดงออกซึ่งเจตนาหรือพระประสงค์ของพระเจ้า 

o ดังนั้น ใจบริสุทธิ์ คือ หัวใจที่อิสระ ปราศจากความปรารถนาหรือแรงความโน้มเอียงใดๆ ที่ผลักดัน หรือดึงให้คนๆ นั้นประพฤติ คิด ขัดแย้งกับพระประสงค์ของพระเจ้า

o ผู้มีใจบริสุทธิ์ คือ ผู้ที่มีความเที่ยงตรงในจิตใจซึ่งรวมถึง ความรู้ ความคิดอ่าน และความตั้งใจ อารมณ์ ซึ่งเป็นที่มาของความสัมพันธ์กับพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์

o ลองสังเกตคำตำหนิของพระเยซูเจ้าต่อฟาริสี “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านล้างถ้วยชามด้านนอก ด้านในมีแต่ความสกปรกคือการข่มขู่แย่งชิง และราคะตัณหา ฟาริสีตาบอดเอ๋ย จงล้างด้านในของถ้วยชามให้สะอาดเสียก่อน แล้วด้านนอกก็จะสะอาดด้วย” (23:25-26)

o ลักษณะที่เป็นการปฏิบัติของการมีใจบริสุทธิ์ พระประสงค์ของพระเจ้าคือ บรรทัดฐานสำคัญของชีวิต ที่ต้องแสวงหาและติดตาม

• ไปเถอะครับ ให้เราไปชำระล้างดวงตา และทำความสะอาดหัวใจให้บริสุทธิ์ด้วยพระวาจาของพระเจ้ากันดีกว่า “ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ”

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก