“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“เราสงสารประชาชน ”

36.อัศจรรย์การทวีขนมปังครั้งที่สอง (มก 8:1-10)

         8 1ครั้งนั้น ประชาชนจำนวนมากชุมนุมกันอีก และไม่มีอะไรกิน พระองค์จึงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัสกับเขาว่า 2”เราสงสารประชาชนเพราะเขาอยู่กับเรามาสามวันแล้ว และเวลานี้ไม่มีอะไรกิน 3ถ้าเราให้เขากลับบ้านโดยไม่ได้กินอะไร เขาจะหมดเรี่ยวแรงขณะเดินทาง เพราะมีหลายคนเดินทางมาจากที่ไกล” 4บรรดาศิษย์จึงทูลตอบว่า “ใครจะหาอาหารในที่เปลี่ยวเช่นนี้มาให้คนเหล่านี้กินจนอิ่มได้” 5พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านมีขนมปังกี่ก้อน” เขาทูลว่า “เจ็ดก้อน”

6พระองค์ทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงบนพื้นดิน ทรงหยิบขนมปังเจ็ดก้อนนั้น ตรัสขอบพระคุณพระเจ้า แล้วทรงบิขนมปัง ประทานให้บรรดาศิษย์ไปแจกจ่าย เขาก็แจกจ่ายขนมปังให้ประชาชน 7เขายังมีปลาตัวเล็กๆ อยู่บ้าง พระองค์ทรงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า ทรงสั่งให้แจกจ่ายปลาเช่นเดียวกัน 8ทุกคนกินจนอิ่ม และยังเก็บเศษที่เหลือได้อีกเจ็ดตะกร้า 9ผู้ที่กินขนมปังและปลามีประมาณสี่พันคน พระองค์ทรงส่งเขากลับไป 10แล้วพระองค์เสด็จลงเรือพร้อมกับบรรดาศิษย์ไปยังบริเวณเมืองดาลมานูธาทันที


a)    อธิบายความหมาย
ข้อความนี้เล่าเรื่องพระเยซูเจ้าทรงทวีขนมปังอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้เล่าเรื่องคล้ายกันนี้ใน 6:34-44 แล้ว ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ถกเถียงกันว่า พระเยซูเจ้าทรงทวีขนมปัง 2 ครั้งเป็นเหตุการณ์แท้จริงทางประวัติศาสตร์ หรือทรงทำอัศจรรย์นี้เพียงครั้งเดียวแต่นักบุญมาระโกนำมาเล่า 2 ครั้งเพราะได้พบเอกสาร 2 ฉบับเป็นแหล่งข้อมูลที่เล่าเรื่องเดียวกัน
ข้อความทั้งสองนี้มีโครงสร้างเดียวกันและมีรายละเอียดคล้ายคลึงกันมาก เช่น กล่าวถึงความสงสารต่อประชาชน การสนทนาระหว่างพระเยซูเจ้ากับบรรดาศิษย์ ขนมปังและปลา การกินจนอิ่ม ตะกร้าและเศษที่เหลือ ประชาชนจำนวนมากมายแม้ไม่เท่ากันทีเดียว  แต่สถานที่ทรงทำอัศจรรย์ต่างกันคือ การทวีขนมปังครั้งเกิดขึ้นในดินแดนของชาวอิสราเอล ส่วนการทวีขนมปังครั้งที่สองเกิดขึ้นที่ฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบกาลิลี ซึ่งเป็นดินแดนของคนต่างศาสนา อย่างไรก็ตาม นักบุญมาระโกคิดว่า อัศจรรย์นี้เกิดขึ้นสองครั้งอย่างแน่นอน เพราะพระเยซูเจ้าจะตรัสกับบรรดาศิษย์ต่อไปว่า "'เมื่อเราบิขนมปังห้าก้อนเลี้ยงคนห้าพันคน ท่านเก็บเศษที่เหลือได้เต็มกี่กระบุง' เขาตอบว่า 'สิบสองกระบุง' 'เมื่อเราบิขนมปังเจ็ดก้อนเลี้ยงคนสี่พันคน ท่านเก็บเศษที่เหลือได้เต็มกี่ตะกร้า' เขาทูลตอบว่า 'เจ็ดตะกร้า'” (8:19-20)  นักบุญมาระโกจึงต้องการเน้นว่า พระเยซูเจ้าทรงเอาพระทัยใส่ดูแล ทุกคนไม่ว่าชาวยิวหรือคนต่างศาสนา

- ครั้งนั้น เป็นวลีที่ใช้บ่อย ๆ เพื่อเชื่อมโยงเหตุการณ์สองเรื่องทั่ว ๆ ไป โดยไม่เน้นกาลเวลาเฉพาะเจาะจง ในข้อ 10 ผู้อ่านจะรู้ว่าอัศจรรย์นี้เกิดขึ้นในแคว้นทศบุรี ดังนั้น วลีนี้ต้องการบอกว่าพระเยซูเจ้าทรงกระทำอัศจรรย์นี้ในช่วงเวลาที่ทรงพำนักในแคว้นดังกล่าว

- ประชาชนจำนวนมากชุมนุมกันอีก และไม่มีอะไรกิน ครั้งสุดท้ายที่นักบุญมาระโกได้เล่าว่ามีประชาชนจำนวนมากมาชุมนุมกันก็คือ โอกาสที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนใบ้หูหนวก (7:33)  เวลานี้เขาต้องการให้ผู้อ่านคำนึงถึงประชาชนจำนวนมากที่พระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงเมื่อทรงทวีขนมปังครั้งแรก (6:34) 
 

- พระองค์จึงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัสกับเขาว่า ครั้งนี้เป็นพระเยซูเจ้าผู้ทรงสังเกตว่าประชาชนต้องการกินอาหารและทรงเชิญชวนบรรดาศิษย์ให้จัดการ ส่วนครั้งก่อนเป็นบรรดาศิษย์เข้ามาทูลพระองค์ขอให้ทรงปล่อยประชาชนกลับบ้าน

- "เราสงสารประชาชน" พระเยซูเจ้าทรงแสดงความรู้สึกเดียวกันกับเหตุการณ์ในครั้งแรก แต่แรงบันดาลใจนั้นแตกต่างกัน ในครั้งแรกพระองค์ทรงสงสารประชาชนที่มีความสับสน วุ่นวาย ขาดผู้นำ เป็นเหมือนฝูงแกะปราศจากผู้เลี้ยง แต่ในครั้งนี้เป็นสถานการณ์ด้ายกายภาพ

- เพราะเขาอยู่กับเรามาสามวันแล้ว และเวลานี้ไม่มีอะไรกิน เราไม่รู้ว่าพระเยซูเจ้าทรงกระทำสิ่งใดในเวลาสามวันดังกล่าว ส่วนในการทวีขนมปังครั้งแรกเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในวันเดียว

- ถ้าเราให้เขากลับบ้านโดยไม่ได้กินอะไร เขาจะหมดเรี่ยวแรงขณะเดินทาง พระเยซูเจ้าทรงสำนึกว่าพระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะ ซึ่งมีภารกิจที่จะต้องหาอาหารเลี้ยงแกะของตน พระองค์ทรงเข้าใจดีว่าบ้านของประชาชนอยู่ห่างไกลจากสถานที่นั้น

- เพราะมีหลายคนเดินทางมาจากที่ไกล” คำว่า “ที่ไกล” ในที่นี้ไม่หมายถึงเพียงระยะทางที่ต้องเดินทางเป็นเวลานาน แต่ยังอาจจะหมายถึง ผู้ที่อยู่ห่างไกลจากชาวยิวอีกด้วย นั่นคือคนต่างศาสนา

บรรดาศิษย์จึงทูลตอบว่า “ใครจะหาอาหารในที่เปลี่ยวเช่นนี้มาให้คนเหล่านี้กินจนอิ่มได้” พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยพระเมตตากรุณาของพระองค์ผู้พอพระทัยจะทรงช่วยเหลือประชาชนในที่เปลี่ยว และยังทรงพระประสงค์ให้บรรดาศิษย์รับรู้ความรู้สึกดังกล่าวของพระองค์ และยอมร่วมมือช่วยเหลือประชาชน แต่บรรดาศิษย์ตอบว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ความช่วยเหลือ เขาดูเหมือนได้ลืมไปว่าพระเยซูเจ้าทรงเคยแก้ไขสถานการณ์เช่นนี้มาแล้ว เมื่อทรงทวีขนมปังครั้งแรก นักพระคัมภีร์ที่คิดว่า พระเยซูเจ้าทรงทวีขนมปังเพียงครั้งเดียวจึงอ้างเหตุผลข้อนี้คือ คำตอบของบรรดาศิษย์ไม่สามารถเข้าใจได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบคำตอบของบรรดาศิษย์ก่อนที่พระเยซูเจ้าทรงทำอัศจรรย์ทวีขนมปัง จะเห็นได้ว่าคำตอบของเขาใน 6:35-37 เป็นการปฏิเสธอย่างเด็ดขาดมากกว่าคำตอบในครั้งนี้ ซึ่งอาจจะเป็นการเชิญชวนทางอ้อมให้พระองค์ทรงทำอัศจรรย์ ถ้าทรงเห็นสมควร

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก