“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

เพลงบทแรกของผู้รับใช้พระยาห์เวห์a

42 1พระยาห์เวห์ตรัสว่า

                    “นี่คือผู้รับใช้ของเรา ซึ่งเราเชิดชู

          เราเลือกเขาเพราะเราพอใจเขา

                    เราให้จิตของเราแก่เขาb

          เขาจะนำความยุติธรรมไปให้แก่นานาชาติ

          2เขาจะไม่ร้องตะโกนหรือเปล่งเสียงดัง

                    จะไม่ทำให้ใครได้ยินเสียงของเขาตามถนน

          3ไม้อ้อที่ช้ำแล้ว เขาจะไม่หัก

                    และไส้ตะเกียงที่ริบหรี่อยู่ เขาจะไม่ดับ

          เขาจะประกาศความยุติธรรมด้วยความสัตย์จริง

          4เขาจะไม่หมดหวังหรือท้อใจc

จนกว่าจะได้สถาปนาความยุติธรรมไว้บนแผ่นดิน

ดินแดนชายทะเลจะรอคอยคำสอนของเขา”

5พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงสร้างท้องฟ้ากว้างใหญ่

ทรงคลี่แผ่นดินและทุกสิ่งที่เกิดจากที่นั่น

ประทานชีวิตแก่ประชากรบนแผ่นดิน

และประทานลมหายใจแก่ผู้ที่ดำเนินอยู่ที่นั่น ตรัสว่า

6“เราคือพระยาห์เวห์ เราเรียกท่านมาด้วยความชอบธรรม

เราจับมือของท่านและรักษาท่านไว้d

เราให้ท่านเป็นพันธสัญญาของประชากร

และเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ

7เพื่อเปิดตาคนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกจองจำจากคุก

ปลดปล่อยผู้ที่อยู่ในความมืดจากที่คุมขัง

8เราคือพระยาห์เวห์ นี่เป็นนามของเราe

เราจะไม่ให้สิริรุ่งโรจน์ของเราแก่ผู้อื่น

และจะไม่ให้รูปเคารพได้รับคำสรรเสริญที่เป็นของเรา

9ดูซิ สิ่งที่เราเคยประกาศล่วงหน้าไว้ก็เป็นจริงแล้ว

บัดนี้ เราแจ้งสิ่งใหม่

เราประกาศให้ท่านรู้ก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้น

เพลงฉลองชัย

            10จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระยาห์เวห์f

                    จงสรรเสริญพระองค์จนสุดปลายแผ่นดิน

          ท่านทั้งหลายผู้เดินทะเลและสิ่งทั้งหลายที่อยู่ในทะเล

                    ชนชาติทั้งหลายที่อาศัยตามชายทะเล จงสรรเสริญพระองค์เถิด

                11เมืองทั้งหลายในถิ่นทุรกันดาร

                    และหมู่บ้านต่างๆ ที่ชนเผ่าเคดาร์อาศัยอยู่ จงโห่ร้อง

          ชาวเส-ลาgจงร้องเพลงด้วยความชื่นบาน

                    และโห่ร้องจากยอดภูเขา

                12คนเหล่านี้จงถวายพระสิริรุ่งโรจน์แด่พระยาห์เวห์

                    และผู้อาศัยตามชายทะเล จงประกาศคำสรรเสริญพระองค์เถิด

                13พระยาห์เวห์เสด็จออกไปอย่างผู้กล้าหาญ

                    พระองค์ทรงปลุกความห้าวหาญเหมือนนักรบ

          ทรงร้องตะโกนให้กองกำลังเข้าประจัญบาน

                    พระองค์ทรงแผลงพระอานุภาพต่อสู้บรรดาศัตรู

                14พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เรานิ่งอยู่นานแล้ว

                    เราเงียบอยู่และอดกลั้นไว้

          บัดนี้เราจะร้องตะโกนเหมือนหญิงกำลังคลอดบุตร

                    เราจะหายใจถี่และหอบ

                15เราจะทำลายภูเขาและเนินเขาให้รกร้าง

                    ทำให้หญ้าทั้งหมดบนนั้นแห้ง

          เราจะทำให้แม่น้ำกลายเป็นดินแห้งh

                    และทำให้บึงแห้งไป

                16เราจะจูงคนตาบอดให้เดินไปตามหนทางที่เขาไม่รู้

                    จะนำเขาไปตามทางเดินที่เขาไม่รู้จัก

          เราจะเปลี่ยนความมืดให้เป็นความสว่างต่อหน้าเขา

                    จะเปลี่ยนที่ขรุขระให้เป็นที่ราบเรียบ

          เราจะทำเช่นนี้โดยไม่ละเว้นสิ่งใดเลย”

                17ทุกคนที่วางใจในรูปเคารพ

                    ทุกคนที่พูดกับรูปที่หลอมจากโลหะว่า “ท่านเป็นพระเจ้าของเรา”

          จะต้องหันกลับและอับอายอย่างที่สุด”

อิสราเอลเป็นเสมือนคนตาบอดi

          18ท่านทั้งหลายที่หูหนวกเอ๋ย จงฟังเถิด

                    ท่านทั้งหลายที่ตาบอดเอ๋ย จงมองเพื่อจะได้เห็น

                19ใครเป็นคนตาบอด ถ้าไม่ใช่ผู้รับใช้ของเรา

                    ใครเป็นคนหูหนวกเหมือนผู้ถือสารที่เราส่งไป

          ใครตาบอดเหมือนผู้ที่เราเลือกสรร

                    ใครหูหนวกเหมือนผู้รับใช้พระยาห์เวห์j

                20ท่านได้เห็นหลายสิ่ง แต่มิได้สังเกต

                    ท่านเปิดหู แต่ไม่ได้ยินk

                21พระยาห์เวห์พอพระทัยประทานธรรมบัญญัติยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์

                    เพราะเห็นแก่ความเที่ยงธรรมของพระองค์

                22แต่นี่เป็นประชากรที่ถูกขโมยและถูกปล้น

                    เขาทุกคนถูกกักขังอยู่ในถ้ำ

          ถูกจองจำอยู่ในคุก

                    เขาถูกปล้น แต่ไม่มีผู้ใดช่วยให้เป็นอิสระ

          เขาเป็นเหมือนของถูกขโมยซึ่งไม่มีผู้ใดพูดว่า “จงส่งคืนมา”

                23ผู้ใดในหมู่ท่านจะเงี่ยหูฟังเรื่องนี้

                    ใครจะตั้งใจฟังในอนาคต

                24ใครทิ้งยาโคบให้ถูกปล้น

                    ใครทิ้งอิสราเอลให้แก่โจร

          เป็นพระยาห์เวห์มิใช่หรือที่เราได้ทำบาปต่อพระองค์

                    ที่เขาไม่ยอมดำเนินตามทางของพระองค์

          ที่เขาไม่ยอมปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระองค์

                25ดังนั้น พระองค์จึงทรงบันดาลให้เขาสัมผัสพลังแห่งพระพิโรธ

                    และหลั่งความรุนแรงของสงคราม

          พระพิโรธเป็นเหมือนเพลิงที่ห้อมล้อมเขา แต่เขาไม่เข้าใจ

                    เป็นไฟไหม้เขา แต่เขามิได้สนใจ

 

42 a เพลงบทนี้เป็นบทแรกของเพลง 4 บทที่เรียกว่า “เพลงของผู้รับใช้พระยาห์เวห์” (อสย 42:1-4, [5-9]; 49:1-6; 50:4-9, [10-11]; 52:13–53:12 ดูข้อ 9 ใน “ความรู้เรื่องประกาศก) นักวิชาการบางคนคิดว่าบทเพลงบทแรกนี้จบที่ข้อ 7 บางคนคิดว่าจบที่ข้อ 4 เพลงบทนี้กล่าวถึง “ผู้รับใช้พระยาห์เวห์” ในฐานะที่เป็นประกาศก ผู้ได้รับภารกิจและชะตากรรมจากพระยาห์เวห์ (ข้อ 6, เทียบข้อ 4; ยรม 1:5) ได้รับพลังจากพระจิตเจ้า (อสย 42:1) เพื่อสั่งสอนมนุษย์ทั่วโลก (ข้อ 1 และ 3) อย่างสงบเสงี่ยม แต่ด้วยความมั่นคง (ข้อ 2-4) แม้จะต้องได้รับการต่อต้าน แต่ภารกิจของเขามีบทบาทมากกว่าภารกิจของประกาศกอื่นๆ เพราะเขาจะเป็นทั้ง “พันธสัญญา” และเป็น “แสงสว่าง” (ข้อ 6) และจะประกอบภารกิจช่วยผู้อื่นให้รอดพ้นเป็นอิสระด้วย (ข้อ 7)

b เมื่อพระเจ้าทรงเรียกผู้ใดให้มารับใช้ พระองค์ก็ประทานพระจิตเจ้าให้เขาด้วย ดังเช่นที่ได้ประทานแก่ผู้นำชาวอิสราเอลในสมัยโบราณ เช่น ผู้วินิจฉัย (ดู วนฉ 3:10) และกษัตริย์ดังเช่นกษัตริย์ซาอูล (1 ซมอ 9:17; ดู อสย 10:9-10) และกษัตริย์ดาวิด (1 ซมอ 16:12-13; ดู อสย 11:1-2)

c “จะไม่หมดหวังหรือท้อใจ” แปลตามต้นฉบับภาษากรีกและ Targum ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “จะไม่วิ่ง”

d “รักษาท่านไว้” ใน ปฐก 2:7 คำกริยาคำนี้ในภาษาฮีบรูยังมีความหมายว่า “ปั้น” อีกด้วย คือเมื่อพระยาห์เวห์ทรงปั้นมนุษย์คนแรก

e “เราคือพระยาห์เวห์ นี่เป็นนามของเรา” พระเจ้าทรงเปิดเผยพระนาม “ยาห์เวห์” แก่โมเสส (อพย 3:13 เชิงอรรถ g,14) เป็นพระนามของพระเจ้าซึ่งมีอยู่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก (เทียบ 40:25; 43:10-12; 44:6-8; 45:3,5-6,14-15,18,20-22; 46:5,9; 48:11; เทียบ 41:21-29) พระองค์คือพระผู้เนรมิตสร้างสรรพสิ่ง (40:12ฯ,21ฯ,28; 42:5; 43:1; 44:24; 45:9-12; 48:13; 51:13; 54:5) ทรงจำเริญอยู่ตลอดนิรันดร (41:4; 44:6; 48:12) พระองค์ “จะไม่ยอมให้พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์แก่ผู้อื่น” ในข้อนี้ และใน 48:11 *** คำสอนน่ายินดีเรื่อง “เอกเทวนิยม” ของ “หนังสือบันทึกคำปลอบโยน” เช่นนี้จึงรวมความคิดก่อนหน้านั้นเรื่อง “พระยาห์เวห์ไม่ทรงยอมให้มีคู่แข่ง” (ฉธบ 4:24 เชิงอรรถ f; เทียบ อพย 20:3) และย้ำอย่างชัดเจนถึงการที่พระเจ้าทรงอยู่เหนือทุกสิ่ง

f “เพลงบทใหม่” (เทียบ สดด 96:1; 98:1; 149:1) เป็นบทประพันธ์เฉลิมฉลองชัยชนะของพระยาห์เวห์ โดยเชิญชวนมนุษย์และธรรมชาติในโลกให้มาฉลองชัยพร้อมกัน

g “เส-ลา” หมายถึง “หิน” เคยเป็นเมืองหนึ่งในถิ่นทุรกันดารที่ชาวเอโดมอาศัยอยู่ (เทียบ 16:1; 2 พกษ 14:7) ในปัจจุบันซากเมืองโบราณนี้คือเมือง “เปตรา” (Petra) ในประเทศจอร์แดน ส่วน “เคดาร์” เป็นชนเผ่าเร่ร่อนเผ่าหนึ่ง (เทียบ 21:16-17)

h “ดินแห้ง” แปลโดยคาดคะเน แปลตามตัวอักษรว่า “เกาะ”

i พระเจ้าทรงทำให้อิสราเอลต้องประสบภัยพิบัติ ไม่ใช่เพราะพระองค์ไม่ทรงได้ยินและไม่ทรงเห็นสถานภาพของอิสราเอล แต่เป็นเพราะอิสราเอลเองที่หูหนวกและตาบอด ไม่เข้าใจว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตน และทำไมจึงเกิดขึ้น คำประกาศพระวาจานี้คล้ายกับคำแนะนำที่พระเจ้าประทานแก่ประกาศกอิสยาห์เมื่อทรงเรียกเขา (ดู 6:10 เชิงอรรถ k) *** ข้อ 22 และ 24ข อาจถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลัง

j “ใครตาบอดเหมือนผู้ที่เราเลือกสรร ใครหูหนวกเหมือนผู้รับใช้พระยาห์เวห์” แปลโดยคาดคะเน ข้อความนี้อาจเป็นข้อความเสริมเข้ามาในภายหลัง

k “ท่าน...ไม่ได้ยิน” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เขา....ไม่ได้ยิน”

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก