เชื้อพระวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดa

11 1หน่อหนึ่งจะแตกออกจากตอของเจสซีb

                    กิ่งหนึ่งจะงอกขึ้นจากรากของเขา

          2พระจิตของพระยาห์เวห์cจะพำนักอยู่เหนือเขา

                    คือจิตแห่งปรีชาญาณและความเข้าใจ

          จิตแห่งความคิดอ่านและอานุภาพ

                    จิตแห่งความรู้และความยำเกรงพระยาห์เวห์

          3เขาจะพอใจยำเกรงพระยาห์เวห์d

                    จะไม่พิพากษาตามที่ตาเห็น

          จะไม่ตัดสินตามที่หูได้ยิน

          4แต่จะพิพากษาคนยากจนด้วยความชอบธรรม

                    จะตัดสินอย่างเที่ยงธรรมเพื่อผู้ถูกข่มเหงในแผ่นดิน

          คำพูดของเขาจะเป็นเหมือนไม้เรียวที่เฆี่ยนตีผู้คนบนแผ่นดิน

                    ลมปากของเขาจะประหารชีวิตคนอธรรม

          5ความชอบธรรมจะเป็นดังผ้าคาดสะเอว

                    ความซื่อสัตย์จะเป็นเหมือนเข็มขัดคาดบั้นเอวของเขา

          6สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะe

                    เสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ

          ลูกโคและลูกสิงโตจะหากินอยู่ด้วยกัน

                    เด็กคนหนึ่งก็ยังนำมันไปได้

          7แม่โคกับหมีจะหากินด้วยกัน

                    ลูกของมันจะนอนอยู่ด้วยกัน

          สิงโตจะกินฟางเหมือนโคเพศผู้

          8ทารกที่ยังไม่หย่านมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า

                    เด็กที่หย่านมแล้วจะเอามือวางที่รังของงูพิษ

          9จะไม่มีผู้ใดทำร้ายหรือทำลาย

                    ทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา

          เพราะแผ่นดินจะรู้จักพระยาห์เวห์อย่างสมบูรณ์

                    ดั่งน้ำปกคลุมทะเล

การกลับจากแดนเนรเทศf

          10วันนั้น รากของเจสซีจะตั้งขึ้นเป็นเครื่องหมายสำหรับประชาชนทั้งหลาย

                    จะเป็นที่แสวงหาของนานาชาติ และจะมีที่พำนักอย่างรุ่งโรจน์

          11วันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเหยียดพระหัตถ์ออกไปอีกครั้งหนึ่ง

                    เพื่อไถ่ประชากรส่วนที่เหลือของพระองค์

          คือผู้ที่รอดชีวิตจากอัสซีเรีย จากอียิปต์

                    จากเมืองปัทโรส จากเอธิโอเปีย จากเอลาม จากชินาร์

          จากเมืองคามัท จากเมืองชายทะเลและเกาะต่างๆg

          12พระองค์จะทรงยกเครื่องหมายให้นานาชาติได้เห็น

                    จะทรงรวบรวมอิสราเอลที่ถูกเนรเทศ

          และรวบรวมยูดาห์ที่กระจัดกระจาย

จากแผ่นดินทั้งสี่ทิศ

13ความอิจฉาของเอฟราอิมจะหมดไป

บรรดาศัตรูของยูดาห์จะถูกทำลายล้าง

เอฟราอิมจะไม่อิจฉายูดาห์อีกต่อไป

และยูดาห์จะไม่เป็นศัตรูกับเอฟราอิมอีกh

14แต่อาณาจักรทั้งสองจะโฉบลงเหนือไหล่เขาของชาวฟีลิสเตียทางทิศตะวันตก

จะร่วมกันปล้นประชาชนทางทิศตะวันออก

จะยื่นมือออกต่อสู้กับเอโดมและโมอับ

ชาวอัมโมนจะตกอยู่ในปกครองของเขา

15พระยาห์เวห์จะทรงทำให้อ่าวของทะเลแห่งอียิปต์แห้งไปi

จะทรงยกพระหัตถ์นำลมร้อนมาทำให้แม่น้ำยูเฟรติสเป็นลำธารเจ็ดสาย

ที่คนสวมรองเท้าจะเดินข้ามไปได้

16พระองค์จะทรงเปิดทางหลวงสำหรับประชากรที่เหลือของพระองค์

คือผู้ที่รอดชีวิตจากอัสซีเรีย

ดังที่เคยทรงเปิดทางสำหรับชาวอิสราเอล

เมื่อเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์j

 

11 a บทประพันธ์บทนี้กล่าวถึงพระเมสสิยาห์ ให้รายละเอียดถึงคุณลักษณะสำคัญของพระเมสสิยาห์ซึ่งจะเสด็จมาจากราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด (ข้อ 1) เขาจะได้รับจิตของประกาศกอย่างเต็มเปี่ยม (ข้อ 2) จะสถาปนาให้สังคมมี “ความดีบริบูรณ์” ซึ่งสะท้อนความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าบนแผ่นดินนี้ (ข้อ 3ฯ ดู 1:26 เชิงอรรถ n; 5:16 เชิงอรรถ f) เขาจะรื้อฟื้นสันติภาพแห่งสวนเอเดนขึ้นมาอีก (ข้อ 6-8) ซึ่งเป็นผลจากการรู้จักพระเจ้า (ข้อ 9)

b “เจสซี” เป็นบิดาของกษัตริย์ดาวิด (1 ซมอ 16:1ฯ; ดู นรธ 4:22) เป็นบรรพบุรุษของกษัตริย์ทุกพระองค์ของอาณาจักรยูดาห์ และของพระเมสสิยาห์ (เทียบ มธ 1:6-16)

c “พระจิตของพระยาห์เวห์” (42:1; 61:1ฯ; 63:10-13; สดด 51:12; ปชญ 1:5; 9:17) หรือ “พระปราณของพระองค์” (ทั้งคำ “จิต” และ “(ลม)ปราณ” เป็นคำแปลของคำภาษาฮีบรู “ru’ah”) พบได้ทั่วไปว่าทรงพลังทำงานอยู่ทั่วไปในประวัติศาสตร์ที่พระคัมภีร์เล่าไว้ ก่อนจะทรงเนรมิตสร้างโลก “ลม”นี้อยู่เหนือห้วงน้ำลึก (ปฐก 1:2) สิ่งสร้างทั้งหลายล้วนได้รับชีวิตจาก “ลมปราณ” นี้ (ปฐก 2:7; สดด 33:6; 104:29-30; เทียบ อสค 37:5-6,9-10) “พระจิต” นี้ประทานพลังให้บรรดาผู้วินิจฉัย (วนฉ 3:10; 6:34; 11:29) ประทานพลังแก่กษัตริย์ซาอูล (1 ซมอ 11:6) ประทานความเชี่ยวชาญให้นายช่าง (อพย 31:3; 35:31) ช่วยผู้พิพากษาในการพิจารณาตัดสินคดีความ (กดว 11:17) ประทานปรีชาญาณแก่โยเซฟ (ปฐก 41:38) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดลใจบรรดาประกาศกเป็นพิเศษ (อสย 48:16; 61:1; กดว 11:17 (โมเสส), 25-26; 24:2; 1 ซมอ 10:6-10; 19:20; 2 ซมอ 23:2 (ดาวิด); 2 พกษ 2:9 (เอลียาห์); 2 พศด 15:1; 20:14; 24:20; มคา 3:8; ศคย 7:12 ขณะที่ประกาศกเทียมพยากรณ์ตามความคิดของตนเอง (อสค 13:3 ดู ดนล 4:5, 15; 5:11-12, 14 ด้วย) ข้อความตอนนี้สอนว่าพระเมสสิยาห์จะได้รับ “พระจิต” เช่นเดียวกับบรรดาประกาศก ต่อมาในภายหลัง ประกาศกโยเอล (ยอล 3:1-2) จะกล่าวล่วงหน้าว่าพระเจ้าจะทรงหลั่งพระจิตเหนือประชาชนทุกคน (ดู กจ 2:16-17) เช่นเดียวกับคำสอนเรื่อง “ปรีชาญาณ” (ดู สภษ 8:22 เชิงอรรถ e; ปชญ 7:22 เชิงอรรถ i) คำสอนเรื่อง “พระจิตเจ้า” จะชัดเจนสมบูรณ์ในพันธสัญญาใหม่ (ดู ยน 1:33 เชิงอรรถ x; 14:16 เชิงอรรถ i, 26 เชิงอรรถ r; กจ 1:8 เชิงอรรถ j; 2:4, 24 เชิงอรรถ u; รม 5:5 เชิงอรรถ d)

d จิตเหมือนกับที่บรรดาประกาศกได้รับทำให้พระเมสสิยาห์มีคุณธรรมเด่นชัดเหมือนบรรดาบรรพบุรุษ คือมีปรีชาญาณและความเข้าใจเหมือนกษัตริย์ซาโลมอน มีความกล้าหาญและความรอบคอบเหมือนกษัตริย์ดาวิด มีความรู้และความยำเกรงพระเจ้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบรรพบุรุษและประกาศก เช่น โมเสส ยาโคบ และอับราฮัม (เทียบ 9:5) รายชื่อคุณสมบัติเหล่านี้ ตามที่มีในฉบับ LXX และ Vg ซ้ำคำ “ความยำเกรงพระยาห์เวห์” อีกครั้งหนึ่ง ที่เรามักจะแปลว่า “ความศรัทธา” รายชื่อเช่นนี้จึงกลายเป็นรายชื่อ “พระพรเจ็ดประการของพระจิตเจ้า” ในคำสอนของคริสตชน

e การที่มนุษย์เป็นกบฏต่อพระเจ้า (ปฐก 3) ทำให้ความสมดุลของมนุษย์กับธรรมชาติถูกทำลายไป (ปฐก 3:17-19) ความปรองดองกันของมนุษย์กับมนุษย์ก็ถูกทำลายด้วย (ปฐก 4) บรรดาประกาศกมักกล่าวพยากรณ์ถึงสงครามและการกดขี่ข่มเหงว่าเป็นการลงโทษบาปของอิสราเอล แต่ในสมัยของพระเมสสิยาห์ เมื่อบาปจะได้รับการอภัย และมนุษย์จะคืนดีกับพระเจ้าแล้ว พระอาณาจักรแห่งความยุติธรรมจะสถาปนาสันติภาพ ซึ่งเป็นผลของการคืนดีนี้ขึ้นมาอีก การทำไร่ไถนาจะบังเกิดผล (ฮชย 2:20,23-24; อมส 9:13-14) เครื่องอาวุธจะถูกโยนทิ้งไป (อสย 2:4; 9:4; มคา 4:3-4; 5:9-10; ศคย 9:10) จะมีสันติภาพถาวร (อสย 9:6; 32:17; 60:17-18; ยอล 4:17; ศฟย 3:13; ศคย 3:10) พันธสัญญาใหม่จะเป็นพันธสัญญาแห่งสันติภาพ (อสค 34:25; 37:26) พระอาณาจักรของพระเมสสิยาห์เป็นอาณาจักรแห่งสันติภาพ (สดด 72:3, 7; ศคย 9:8-10) และสันติภาพนี้จะแผ่ขยายไปถึงอาณาจักรของบรรดาสัตว์ด้วย แม้กระทั่งกับ “งู” ซึ่งเป็นต้นเหตุของบาปแรกของมนุษย์ ที่ตรงนี้บรรยายถึงยุคของพระเมสสิยาห์โดยใช้สัญลักษณ์เหมือนกับการกลับไปหาสันติภาพดั้งเดิมในสวนอุทยานเอเดนอีก

f บทประพันธ์บทนี้ ซึ่งแต่งขึ้นตอนปลายของการเนรเทศที่กรุงบาบิโลนถูกนำมาแทรกไว้ที่นี่ เพราะกล่าวถึง “รากของเจสซี” ในข้อ 10 (ดูข้อ 1)

g รายชื่อดินแดนต่างๆ ที่ชาวยิวถูกแยกกันไปอยู่ในช่วงเวลาเนรเทศ คือเมืองปัทโรสในอียิปต์สูง เอธิโอเปีย (คูช) เปอร์เซีย (เอลาม) บาบิโลน (ชินนาร์) เมืองคามัทในซีเรีย “เมืองต่างๆ ตามชายทะเล” ได้แก่ประเทศกรีซและเมืองที่ไกลออกไปรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

h ในบริบทเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ บรรดาประกาศกมักจะกล่าวพยากรณ์ถึงการยุติความแตกแยกระหว่างอาณาจักรอิสราเอลและยูดาห์ และกล่าวถึงการคืนดีกันของทั้งสองอาณาจักรนี้ (ยรม 3:18; 23:5-6; 31:1; อสค 37:15-27; ฮชย 2:2; มคา 2:12; ศคย 9:10)

i “ทรงทำให้...แห้งไป” แปลตามสำนวนแปลโบราณต่างๆ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “จะถูกทำลายล้าง” “แม่น้ำยูเฟรติส” ในภาษาฮีบรูใช้เพียง “แม่น้ำ” (ดูข้อ 16)

j อัศจรรย์ที่ประกาศกทำนายถึงนี้เป็นการกล่าวซ้ำถึงอัศจรรย์ที่เคยเกิดขึ้นในสมัยโมเสสและโยชูวา คือการข้ามทะเลต้นกกและข้ามแม่น้ำจอร์แดน การกลับจากแดนเนรเทศได้รับการบรรยายให้เป็นเหมือนการอพยพออกจากอียิปต์อีกครั้งหนึ่ง (ดู 40:3 เชิงอรรถ d)