“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

บทเพลงเรื่องสวนองุ่นa

5 1ข้าพเจ้าอยากร้องเพลงถึงเพื่อนรักของข้าพเจ้า

                    เป็นเพลงเกี่ยวกับเพื่อนรักและสวนองุ่นของเขา

          เพื่อนรักของข้าพเจ้าเคยมีสวนองุ่นแปลงหนึ่ง

                    อยู่บนเนินเขาที่อุดมสมบูรณ์

          2เขาขุดดิน เก็บก้อนหินออกจนหมด

                    แล้วจึงปลูกองุ่นชนิดดีbไว้

          เขาสร้างหอเฝ้าไว้กลางสวน

                    สกัดบ่อย่ำองุ่นไว้ที่นั่นด้วย

          เขารอคอยให้สวนผลิตผลองุ่น

                    แต่สวนนั้นผลิตผลองุ่นเปรี้ยว

          3เพื่อนรักของข้าพเจ้าพูดว่า

                    “บัดนี้ ชาวกรุงเยรูซาเล็มและชาวยูดาห์เอ๋ย

          จงตัดสินระหว่างฉันกับสวนองุ่นของฉันเถิด

          4มีอะไรอีกที่ฉันจะทำได้เพื่อสวนองุ่นของฉัน

                    แต่ยังไม่ได้ทำ

          ขณะที่ฉันรอคอยให้สวนผลิตผลองุ่น

                    ทำไมสวนจึงผลิตผลองุ่นเปรี้ยว

            5บัดนี้ ฉันอยากบอกให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า

                    ฉันจะทำอะไรกับสวนองุ่นของฉัน

          ฉันจะรื้อรั้วหนามออก

                    แล้วสวนจะกลับเป็นทุ่งหญ้า

          ฉันจะพังกำแพงที่ล้อมลง

                    แล้วสวนจะถูกเหยียบย่ำ

          6ฉันจะปล่อยให้สวนรกร้าง

                    จะไม่มีใครลิดกิ่งหรือพรวนดิน

          ต้นหนามและกอหนามจะงอกขึ้น

                    ฉันจะสั่งเมฆไม่ให้โปรยฝนรดสวนนั้น”

          7ฟังเถิด สวนองุ่นของพระยาห์เวห์จอมจักรวาล คือพงศ์พันธุ์อิสราเอล

                    ชาวยูดาห์เป็นสวนที่พระองค์โปรดปราน

          พระองค์ทรงหวังความยุติธรรม กลับทรงพบแต่การนองเลือด

                    ทรงหวังความชอบธรรม กลับทรงพบเสียงร้องให้ช่วย

คำสาปแช่งยูดาห์หกประการc

          8วิบัติจงเกิดแก่ท่านทั้งหลายที่มีบ้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

                    ซื้อที่นาเพิ่มขึ้นอยู่เสมอ

          จนไม่มีที่เหลือให้ผู้อื่น

                    แล้วท่านทั้งหลายจะต้องอยู่ตามลำพังในแผ่นดิน

          9ข้าพเจ้าได้ยินพระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสว่า

                    “แน่นอน บ้านหลายหลังจะต้องร้างอยู่

          ทั้งบ้านใหญ่และบ้านสวยงามจะไม่มีผู้อาศัย

          10สวนองุ่นยี่สิบไร่จะได้เหล้าองุ่นเพียงสี่สิบห้าลิตร

                    เมล็ดพืชสิบถังจะให้ผลเพียงถังเดียว”d

          11วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่ลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ไปหาสุราเมรัย

                    และเถลไถลอยู่ถึงค่ำ ดื่มเหล้าองุ่นจนเมามาย

          12เขามีพิณเขาคู่และพิณใหญ่

                    รำมะนา ขลุ่ย และเหล้าองุ่นสำหรับงานเลี้ยงของเขา     

แต่เขาไม่เอาใจใส่ต่อการกระทำของพระยาห์เวห์

                    ไม่เห็นพระหัตถกิจของพระองค์

          13เพราะฉะนั้น ประชากรของเราจะถูกจับไปเป็นเชลยในแดนเนรเทศเพราะขาดความรู้

                    ผู้มีเกียรติของเขาจะหิวตาย

          และสามัญชนของเขาจะแห้งผากเพราะกระหายน้ำ

          14eแดนผู้ตายจะขยายคอให้กว้างขึ้น

                    จะอ้าปากออกกว้างที่สุด

          กลืนบรรดาเจ้านายและประชาชน

                    พร้อมกับความเอิกเกริกและความยินดีของเมือง      

          15มนุษย์จะต้องกราบลงที่พื้น ชายจะต้องตกต่ำ

                    นัยน์ตาของคนหยิ่งผยองจะต้องถูกกดลง

          16พระยาห์เวห์จอมจักรวาลจะได้รับการเทิดทูนไว้เพราะความยุติธรรม

                    พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์จะทรงสำแดงความศักดิ์สิทธิ์เพราะความเที่ยงธรรมf

          17เวลานั้น ลูกแกะจะหากินที่นั่นเหมือนอยู่ในทุ่งหญ้า

                    ลูกแพะจะหากินอยู่ในซากปรักหักพังg

          18วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่ใช้ความเท็จนำความผิดมาสู่ตน

                    และทำบาปเหมือนใช้เชือกลากเกวียนผูกมัดตนไว้

          19ผู้กล่าวว่า “ขอพระองค์ทรงรีบเร่งพระราชกิจของพระองค์ให้เราเห็นh

                    ขอให้แผนการของพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลเข้ามาใกล้

และสำเร็จไป เพื่อเราจะได้รู้”

20วิบัติจงเกิดแก่คนที่เรียกความชั่วร้ายว่าเป็นความดี

และเรียกความดีว่าเป็นความชั่วร้าย

วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่คิดว่าความมืดเป็นแสงสว่าง

และแสงสว่างเป็นความมืด

ผู้ที่คิดว่าสิ่งขมมีรสหวาน และสิ่งหวานมีรสขม

21วิบัติจงเกิดแก่คนที่คิดว่าตนมีปรีชา

และเชื่อว่าตนเป็นคนฉลาด

22วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่เป็นวีรบุรุษในการดื่มเหล้าองุ่น

เป็นผู้แกล้วกล้าในการผสมเหล้า

23วิบัติจงเกิดแก่ผู้รับสินบนแล้วปล่อยคนผิดให้พ้นโทษ

ทำให้ผู้บริสุทธิ์iไม่ได้รับความยุติธรรม

24ดังนั้น เปลวเพลิงกลืนตอข้าว และเพลิงกินหญ้าแห้งฉันใด

รากเหง้าของคนเหล่านั้นก็จะเป็นเหมือนสิ่งเน่าเปื่อย

และความเจริญรุ่งเรืองของเขาจะกระจายไปเหมือนฝุ่นดินฉันนั้น

เพราะเขาปฏิเสธไม่ยอมรับธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์จอมจักรวาล

และดูหมิ่นพระวาจาของพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล

พระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธj

          25เพราะเหตุนี้ พระพิโรธของพระยาห์เวห์จึงพลุ่งขึ้นต่อประชากรของพระองค์

                    พระองค์ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นทุบตีเขา

          และภูเขาทั้งหลายก็สั่นสะเทือน

                    ซากศพของเขาเป็นเหมือนขยะกลางถนน

          ถึงกระนั้น พระพิโรธของพระองค์ก็ยังไม่สงบลง

                    พระองค์ยังคงยกพระหัตถ์อยู่

พระยาห์เวห์ทรงเรียกศัตรูให้มารุกรานk

          26พระองค์จะทรงให้สัญญาณแก่ชนต่างชาติlที่อยู่ห่างไกล

                    จะทรงผิวพระโอษฐ์เรียกเขามาจากสุดปลายแผ่นดิน

          แล้วเขาเหล่านั้นจะรีบเร่งมาอย่างรวดเร็ว

          27ในหมู่เขาไม่มีผู้ใดอ่อนเปลี้ยหรือสะดุดล้ม

                    ไม่มีผู้ใดง่วงหรือหลับ

          ไม่มีผู้ใดที่ผ้าคาดเอวหลุดลุ่ย

                    ไม่มีผู้ใดที่สายรัดรองเท้าขาด

          28ลูกธนูของเขาแหลมคม

                    คันธนูของเขาก็โก่งอยู่

          กีบม้าของเขาเป็นเหมือนก้อนหิน

                    ล้อรถศึกของเขาเป็นเหมือนลมหมุน

          29เสียงคำรามของเขาเป็นเหมือนเสียงสิงโต

                    เขาร้องคำรามเหมือนสิงห์หนุ่ม

          เขาร้องขู่และตะครุบเหยื่อ

                    เขาจะขนเหยื่อไป และไม่มีผู้ใดจะแย่งไปจากเขา

          30วันนั้นเขาทั้งหลายจะร้องขู่หวงเหยื่อนั้นm

                    เหมือนเสียงคะนองของทะเล

          และถ้าผู้ใดมองดูแผ่นดินก็จะเห็นแต่ความมืดnและความทุกข์

                    แสงสว่างถูกเมฆบดบังไว้

 

5 a เป็นบทประพันธ์ที่อิสยาห์แต่งขึ้นเมื่อเริ่มปฏิบัติภารกิจ บทเพลงบทนี้อาจได้รับอิทธิพลจากบทเพลงที่ขับร้องกันในฤดูเก็บผลองุ่น ความคิดที่ว่าอิสราเอลเป็นเหมือน “สวนองุ่น” ที่เลือกสรรแล้ว แต่ต่อมากลับถูกทอดทิ้ง เคยถูกประกาศกโฮเชยาใช้มาก่อนแล้ว (ฮชย 10:1) และต่อมาจะถูกนำมาใช้อีกโดยประกาศกเยเรมีย์ (2:21; 5:10; 6:9; 12:10) และเอเสเคียล (15:1-8; 17:3-10; 19:10-14 เทียบ สดด 80:8-18; อสย 27:2-5) ในภายหลัง พระเยซูเจ้าจะทรงดัดแปลงใหม่ให้เป็นอุปมาเรื่องชาวสวนชั่วร้าย (มธ 21:33-44// ดูเรื่องต้นมะเดื่อเทศไร้ผลใน มธ 21:18-19// ด้วย) ใน ยน 15:1-2 พระองค์ทรงอธิบายธรรมล้ำลึกเรื่องเถาองุ่น “แท้จริง” ความคิดอื่นๆ เกี่ยวกับ “สวนองุ่น” ยังพบได้อีกใน ฉธบ 32:32-33 และ บสร 24:17

b “องุ่นชนิดดี” ภาษาฮีบรูว่า “soreq” ซึ่งเป็นชื่อองุ่นพันธุ์ดี (16:8; ยรม 2:21 เทียบ ปฐก 49:11) ที่กล่าวถึงเหล้าองุ่นสีแดงจากเถาองุ่นชนิดนี้ บางคนจึงแปลว่า “องุ่นผลแดง”

c คำสาปแช่งเหล่านี้มาจากสมัยเริ่มการปฏิบัติภารกิจของอิสยาห์ด้วย แต่ประกาศกอาจไม่ได้กล่าวในโอกาสเดียวกัน บางคนคิดว่า หลังจากคำสาปแช่งหกประการใน 5:2-24 นี้แล้ว น่าจะเสริมคำสาปแช่งประการที่เจ็ดใน 10:1-4 เข้าไปด้วย เพราะคำสาปแช่งนี้อาจถูกจัดไว้ผิดที่ “คำสาปแช่ง” เป็นแบบวรรณกรรมแบบหนึ่งในการเทศน์สอนของประกาศก (เทียบ ยรม 22:13-19; อสค 7:5-26; อมส 6:1-7; มคา 2:1-5; ฮบก 2:6-20; มธ 23; ลก 6:24-26) คำสาปแช่งที่นี่ของอิสยาห์คล้ายกันมากกับคำสาปแช่งของประกาศกอาโมส

d “สี่สิบห้าลิตร... ถังเดียว” เราเปรียบเทียบปริมาณของเหล้าและข้าวให้เข้ากับมาตรวัดของเราในปัจจุบัน

e ข้อ 14-16 ดูเหมือนจะอยู่นอกบริบท อาจเป็นส่วนหนึ่งของบทประพันธ์ใน 2:6-22 ซึ่งมีข้อความตอบรับใน 2:9 และ 11 และข้อ 15 ของบทที่ 5 นี้ด้วย

f “ความศักดิ์สิทธิ์” ของพระเจ้า (ดู 6:3 เชิงอรรถ g) “แยก” พระองค์ออกจากสิ่งสร้างทั้งมวล เพราะพระองค์ทรงอยู่เหนือทุกสิ่ง ไม่มีสิ่งใดทำให้พระองค์ทรงมีมลทินได้ แต่ความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทำให้พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกสิ่งนี้ปรากฏในวิธีการที่ทรงติดต่อกับมนุษย์ในรูปแบบของ “ความยุติธรรม” (1:26 เชิงอรรถ n) ดังนั้นจึงเน้นถึงแนวทางการปฏิบัติและศีลธรรม พระเจ้าทรงให้บำเหน็จรางวัลความดี และทรงลงโทษความชั่ว นี่คือ “การพิพากษา” ของพระเจ้า ความรักมั่นคงของพระเจ้าไม่ขัดกับ “ความยุติธรรม” ของพระองค์ ตรงกันข้าม เป็นส่วนหนึ่งของ “ความยุติธรรม” นี้ เพราะพระทัยดีของพระเจ้าที่ทรงให้อภัยความผิดของอิสราเอล และคนบาปที่เป็นทุกข์กลับใจล้วนมาจากความซื่อสัตย์ของพระองค์ต่อสิ่งที่ทรงสัญญาไว้ (สดด 51:14; มคา 7:9) ความยุติธรรมจะต้องเป็นคุณลักษณะเด่นชัดของอาณาจักรของพระเมสสิยาห์ เมื่อพระเจ้าจะทรงถ่ายทอดความศักดิ์สิทธิ์บางส่วนแก่ประชากรของพระองค์ (1:26; 4:3; เทียบ มธ 5:48)

g ตัวบทภาษาฮีบรูของข้อนี้ไม่สมบูรณ์ จึงแปลโดยคาดคะเน “ลูกแพะ” แปลตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ชนต่างด้าว”

h “ทรงรีบเร่งพระราชกิจ...ให้เราเห็น” เป็นการกล่าวพาดพิงถึง “วันของพระยาห์เวห์” ที่ท่านประกาศกกล่าวถึงใน 2:12 และผู้ที่คิดว่าไม่มีความจริงอะไรแน่นอน (skeptics) ชวนให้ลงมาถึงตนเพราะความดื้อด้าน

i “ผู้บริสุทธิ์” ในภาษากรีกอยู่ในรูปเอกพจน์ แต่ในภาษาฮีบรูอยู่ในรูปพหูพจน์

j ข้อความในข้อ 25-30 อาจเป็นส่วนของบทประพันธ์ใน 9:7-20 ซึ่งมีข้อความตอบรับอยู่ที่นี่

k บทประพันธ์บทนี้ อาจกล่าวพาดพิงถึงการที่ชาวอัสซีเรียยกทัพใหญ่มาบุกรุกดินแดนปาเลสไตน์หลายครั้งในช่วงชีวิตของประกาศกอิสยาห์ เช่น กษัตริย์ทิกลักปิเลเสอร์ที่ 3 ในปี 735 กษัตริย์ซัลมาเนเสอร์ที่ 5 ในปี 722 กษัตริย์ซาร์กอนที่ 2 ในปี 711 หรือกษัตริย์เซนนาเคริบในปี 701 แต่ที่นี่ไม่ได้ออกชื่อศัตรูผู้รุกราน และความคิดนี้อาจใช้ได้ในทุกกรณี พระเจ้าทรงเรียกชนชาติที่ทรงพลังอำนาจมาเป็นเครื่องมือลงโทษประชากรของพระองค์ (ดู 10:5 เชิงอรรถ a; ฉธบ 28:49-52)

l “ชนต่างชาติ” แปลโดยคาดคะเนจากบริบท ในต้นฉบับภาษาฮีบรู คำนี้อยู่ในรูปพหูพจน์

m “เหยื่อนั้น” หมายถึงอาณาจักรยูดาห์ ดูข้อความต่อไปในข้อนี้

n ความมืดนี้หมายถึงความมืดใน “วันของพระยาห์เวห์” (เทียบ อมส 5:18, 20)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก