พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ที่ภูเขาซีนายg
16รุ่งเช้าวันที่สาม มีเสียงฟ้าร้องคำรามฟ้าแลบแปลบปลาบ เมฆหนาทึบปกคลุมภูเขา เสียงเป่าเขาสัตว์ดังก้องไปทั่ว ประชากรในค่ายตัวสั่นด้วยความกลัว 17โมเสสนำประชากรออกมานอกค่ายเพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้า เขาทั้งหลายยืนอยู่ที่เชิงเขา 18ทั่วภูเขาซีนายมีควันปกคลุมเนื่องจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จลงมาบนภูเขานั้น ควันไฟพลุ่งขึ้นเหมือนควันจากเตาไฟใหญ่ ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง 19เสียงเป่าเขาสัตว์ดังยิ่งขึ้นทุกที โมเสสทูลพระเจ้า พระเจ้าก็ตรัสตอบเป็นเสียงฟ้าร้องh 20องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จลงมาบนยอดภูเขาซีนาย ทรงเรียกโมเสสให้ขึ้นไปบนยอดภูเขา โมเสสก็ขึ้นไป 21องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสว่าi "จงลงไปและเตือนประชากรอย่าให้ข้ามเขตมาดูองค์พระผู้เป็นเจ้า มิฉะนั้นเขาหลายคนจะตาย 22แม้แต่สมณะที่เข้าพบองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จะต้องชำระตนให้บริสุทธิ์เสียก่อน มิฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลงโทษเขา" 23โมเสสทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า "ประชากรขึ้นบนภูเขาไม่ได้ เพราะพระองค์ทรงเตือนพวกเราไว้แล้วว่า จงกำหนดเขตรอบภูเขา กันไว้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์" 24องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เขาว่า "บัดนี้ จงลงไปพาอาโรนขึ้นมากับท่านด้วย แต่อย่าให้สมณะและประชากรข้ามเขตขึ้นมาพบองค์พระผู้เป็นเจ้า มิฉะนั้น พระองค์จะทรงลงโทษเขา" 25โมเสสก็ลงไปบอกประชากรj
g พระคัมภีร์บรรยายถึงการที่พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ที่ภูเขาซีนาย เป็นภาพภูเขาไฟระเบิดในตำนานยาห์วิสต์ (19:18) ตำนานสงฆ์ (24:15ข-17) และตำนานเฉลยธรรมบัญญัติ (ฉธบ 4:11ข-12ก; 5:23-24; 9:15) ส่วนตำนานเอโลฮิสต์ใช้ภาพของพายุ (19:16 ดู ข้อ 19) ภาพทั้งสองนี้ สะท้อนปรากฏการณ์น่าประทับใจจากการระเบิดของภูเขาไฟกับปรากฏการณ์ที่ชาวอิสราเอลอาจได้ยินได้ฟังจากคนต่างด้าวที่มาจากอาราเบียเหนือ หรือเป็นปรากฏการณ์ที่เขาได้เห็นในสมัยของกษัตริย์ซาโลมอน (เมื่อทรงส่งคนไปยังดินแดนโอฟีร์) ชาวอิสราเอลยังคงได้เห็นพายุบนภูเขาในแคว้นกาลิลีหรือที่ภูเขาเฮอร์โมน ภาพภูเขาไฟระเบิดอาจมาจากผู้เขียนตำนานยาห์วิสต์ ซึ่งเป็นคนใต้ ส่วนภาพพายุบนภูเขาอาจมาจากผู้เขียนตำนานเอโลฮิสต์ ซึ่งเป็นคนเหนือโดยกำเนิด ภาพทั้งสองนี้ใช้แสดงพระเดชานุภาพ และพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า (ดู 24:16 เชิงอรรถ f) และแสดงว่าพระองค์ทรงอยู่เหนือสิ่งสร้างทั้งมวล ทำให้มนุษย์มีความยำเกรงต่อพระองค์ (ดู วนฉ 5:4ฯ; สดด 29; 68:8; 77:17-18; 97:3-5; ฮบก 3:3-15)
h แปลตามตัวอักษรว่า "เป็นเสียง" ในภาษาฮีบรูคำว่า "เสียง" ถ้าใช้พหูพจน์หมายถึงเสียงฟ้าร้องเสมอ (ดู ข้อ 16) แต่ถ้าเป็นเอกพจน์เหมือนในข้อนี้อาจหมายถึงฟ้าร้องก็ได้ หรืออาจหมายถึงเสียงตรัสที่โมเสสเข้าใจได้ด้วย
i ข้อ 21-24 เป็นข้อความที่เพิ่มเติมในภายหลัง กล่าวพาดพิงถึงข้อ 12-13 การพูดถึงสมณะในที่นี้ เป็นรายละเอียดที่เป็นไปไม่ได้ในสมัยนั้น เพราะชาวอิสราเอลยังไม่มีสมณะ
j ประโยคนี้ดูเหมือนไม่สมบูรณ์ เพราะเรื่องเล่าจะดำเนินต่อไปใน 20:18 มีบทบัญญัติสิบประการแทรกเข้ามา