“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“ทำไมจึงทำให้น้ำมันหอมเสียไปเปล่าๆ”

72. การวางแผนกำจัดพระเยซูเจ้า การเจิมที่เบธานี ยูดาสทรยศต่อพระเยซูเจ้า (3)
b) ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
           1. เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี คำว่า “เบธานี” หมายถึง "บ้านของผู้ยากจน" คือบ้านของเราทั้งหลายผู้เป็นคนยากจน ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งชีวิตเสด็จมาเยี่ยมเยียน เป็นบ้านของซีโมนที่เคยเป็นโรคเรื้อน พระองค์จึงเสด็จเข้ามาในบ้านของผู้ป่วยโรคเรื้อนคือคนบาปทั้งหลาย โรคเรื้อนเป็นเครื่องหมายแสดงล่วงหน้าอย่างชัดเจนถึงความตาย เพราะเนื้อหนังที่เน่าเปื่อยแสดงล่วงหน้าถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายเมื่อเราตาย ดังนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาเสวยพระกระยาหารพร้อมกับเรา และในเวลานั่นเอง สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น สตรีผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตก็เข้ามาด้วย


      
        2. สตรีผู้นี้ที่เราไม่รู้จักชื่อและไม่พูดอะไรสักคำ มีอากัปกิริยาที่เข้าใจยาก เป็นอากัปกิริยาเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน พระองค์ทรงทุบขวดหินขาวแตก คือทรงมอบพระวรกายและชนมชีพเพื่อมนุษยชาติซึ่งเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของความรัก ได้แก่การสิ้นพระชนม์ การประทับแห่งความรักของพระองค์ยิ่งใหญ่กว่าชีวิตและความตาย ในพระชนมชีพที่ทรงมอบเพื่อเราและจากพระวรกายที่ถูกหักมีกลิ่นหอมฟุ้ง ทำให้เราได้เห็นการประทับอยู่ของพระเจ้า สตรีผู้นี้แสดงความเคารพและความรักต่อพระเยซูเจ้าโดยอาจเทน้ำมันหอมเพียงไม่กี่หยดก็ได้ หรือเปิดขวดหินขาวและเทน้ำมันหอมสักสองสามหยดด้วยความประณีต แต่นางทำเหมือนพระเยซูเจ้า นางทุบขวดหินและเทน้ำหอมสมุนไพรราคาแพงทั้งหมด นี่คือตำนานแห่งความรักที่เกินเลยขอบเขต

           3. เมื่อบรรดาศิษย์เห็นเช่นนี้ก็ไม่พอใจ บางคนพูดกันว่า “ทำไมทำให้น้ำมันหอมเสียไปเปล่า ๆ ” ถ้าผู้อ่านอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้จะทำอย่างไร โดยแท้จริงแล้ว ผู้ที่ไม่เข้าใจการสิ้นเปลืองดังกล่าว ก็ไม่เข้าใจข่าวดีที่พระเยซูเจ้าทรงประกาศ เพราะการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขนดูเหมือนเป็นการกระทำที่สิ้นเปลือง เราอาจตั้งคำถามว่า ถ้าพระเจ้าทรงออกกฤษฎีกาทางพระคริสตเจ้าว่า “มนุษย์ทุกคนได้รับความรอดพ้นแล้ว” ยังไม่เป็นการเพียงพออีกหรือ ทำไมจึงต้องมีการสิ้นเปลืองเช่นนี้ คำตอบคือการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนเท่านั้น เป็นการสิ้นเปลืองที่เปิดเผยให้มนุษย์รู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ใดและมนุษย์เป็นผู้ใด ถ้าไม่มีการสิ้นเปลืองนี้มนุษย์ก็จะไม่ได้รับความรอดพ้นเลย จะมีเพียงการคิดคำนวณมูลค่า ความตายและโรคเรื้อนเท่านั้น ความรักของพระเจ้ามีกฎเกณฑ์ของความรักทั่วไป คือไม่มีมาตรการ เป็นสิ่งที่ดูเหมือนเกินเลยขอบเขต ถ้าเราไม่เข้าใจการการสิ้นเปลืองนี้ เราก็จะไม่เข้าใจความหมายของชีวิต เพราะชีวิตคือการสิ้นเปลืองนั่นเอง บางคนคิดว่าจะมีประโยชน์ใดในการให้ชีวิต จะมีประโยชน์ใดในการรักผู้อื่น แต่นี่เป็นจุดมุ่งหมายของทุกสิ่ง ไม่ใช่ผลประโยชน์ การให้อย่างสิ้นเปลืองทำให้ชีวิตงดงาม ส่วนการคำนวณมูลค่าผลประโยชน์จะนำไปสู่ความตาย วิถีชีวิตคือกลิ่นหอมนี้ เป็นการสิ้นเปลืองที่เราจะเห็นได้บนไม้กางเขนเมื่อพระเจ้าทรงมอบพระองค์เองอย่างไร้ขอบเขต ถ้าพระองค์ทรงคำนวณผลประโยชน์ก็จะทรงเป็นเหมือนเรา เราจะเป็นตัวของตนเองอย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อเราจะกลายเป็นเหมือนสตรีผู้ซึ่งยอมให้ทุกอย่างโดยไม่กลัวสิ้นเปลือง

          4. ตามความคิดของนักบุญลูกา การประกาศข่าวดีคือการระลึกถึงพระวาจาที่พระเยซูเจ้าตรัสและกิจการที่ทรงกระทำ แต่พระเยซูเจ้าตรัสในเหตุการณ์นี้ว่า การประกาศข่าวดีคือ “การกล่าวถึงสิ่งที่นางได้ทำเพื่อเป็นการระลึกถึงนาง” พระเยซูเจ้าทรงแสดงว่าเป็นหนึ่งเดียวกับสตรีผู้นี้ เพราะนางเป็นการประกาศข่าวดีที่มีชีวิต สิ่งที่นางเป็นคือกลิ่นหอมของพระเจ้าและการประทับอยู่ของพระองค์ การระลึกถึงนางเป็นข่าวดีที่ว่า ในที่สุด มนุษย์สามารถรักผู้อื่นได้ ดังที่พระเจ้าทรงรักทุกคน

         5. เรื่องเล่านี้จบลงโดยบอกว่า ยูดาส อิสคาริโอท หนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคนไปพบบรรดาหัวหน้าสมณะเพื่อจะมอบพระเยซูเจ้า "เมื่อเขาเหล่านั้นได้ยินดังนี้ก็ดีใจและสัญญาจะให้เงินแก่ยูดาส" นักบุญมาระโกได้เล่าเรื่องนี้ของยูดาสทันทีหลังจากเรื่องสตรีนำน้ำมันหอมมาชโลมพระบาทของพระเยซูเจ้า เพื่อบอกว่า ยูดาสไม่ได้ทำเช่นเดียวกับสตรี ผู้ที่ไม่เข้าใจวิธีการแห่งความรัก ก็เข้าใจเพียงวิธีการแห่งความเห็นแก่ตัว ผู้ที่ไม่เข้าใจการสิ้นเปลืองของน้ำมันหอมราคาสามร้อยเหรียญ ก็จะขายพระองค์ในราคาสามสิบเหรียญซึ่งเท่ากับราคาของทาสหนึ่งคน ดังนั้น การนำเหตุการณ์ทั้งสองนี้มาพิจารณาพร้อม ๆ กัน ก็ช่วยให้เข้าใจความหมายเหตุการณ์และเห็นวิธีการของรูปแบบทั้งสองอย่างชัดเจน คือวิธีการของสตรีและวิธีการของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ เพื่อนหรือศัตรูก็ตาม ในสถานการณ์นี้มีบุคคลสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือบรรดาหัวหน้าสมณะ ธรรมาจารย์ ยูดาสและผู้อื่น อีกกลุ่มหนึ่งมีเพียงสองคนคือพระเยซูเจ้ากับสตรีผู้นั้น ในทำนองเดียวกัน เราอาจจัดคำที่ใช้เป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มหนึ่งใช้คำว่า คิดหาอุบาย จับกุม ฆ่าเสีย ก่อการจลาจล พูดอย่างไม่พอใจ ขาย เงิน บ่นว่า ทำให้ยุ่งยากใจ อีกกลุ่มหนึ่งใช้คำว่า ขวดหินขาว น้ำมันหอม สมุนไพรบริสุทธิ์ ทุบ แตก เสียไปเปล่า ๆ ให้ กิจการดี ทำดี ข่าวดี เราอาจใช้คำในกลุ่มแรกเพื่อเขียนประวัติศาสตร์ของมนุษย์ แต่จะใช้คำในกลุ่มที่สองเพื่อเขียนประวัติของพระเจ้าในพระเยซูเจ้า กลุ่มบุคคลทั้งสองและคำดังกล่าวแสดงวิธีการของชีวิตตรงกันข้าม ด้านหนึ่งคือวิธีการชีวิตของผู้เห็นแก่ตัวซึ่งคิดหาอุบาย จับกุม ซื้อ ขาย คิดคำนวณ ฆ่าเสีย พูดอย่างไม่พอใจ บ่นว่า ทำให้ยุ่งยากใจ นี่เป็นวิธีการของมนุษย์ ส่วนอีกด้านหนึ่งคือวิธีการแห่งความรักซึ่งยอมมอบตนทั้งหมดโดยไม่หวังผลตอบแทน ยอมสิ้นเปลืองอย่างบ้าคลั่ง นี่คือวิธีการของพระเจ้า ดังนั้น ท่านล่ะ จะเลือกวิธีการของมนุษย์หรือของพระเจ้า

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก