“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

กรุงเยรูซาเล็มถูกล้อม

25 1ปีที่เก้าในรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์a วันที่สิบเดือนสิบ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนทรงยกทัพมาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม ทรงตั้งค่ายอยู่หน้าเมือง และทรงสร้างเนินดินขึ้นโดยรอบเพื่อปีนกำแพงเมือง 2เมืองถูกล้อมอยู่จนถึงปีที่สิบเอ็ดในรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์ 3ปีนั้นเกิดความอดอยากอย่างสาหัสในเมืองจนไม่มีอาหารสำหรับประชาชนของแผ่นดิน วันที่เก้าเดือนสี่b 4ชาวบาบิโลนพังกำแพงเมืองลงส่วนหนึ่ง ในคืนนั้นทหารทุกคนcต่างหลบหนีผ่านทางประตูระหว่างกำแพงใกล้พระราชอุทยาน ทั้งๆ ที่ชาวเคลเดียกำลังล้อมเมืองอยู่ กษัตริย์เสด็จไปทางลุ่มแม่น้ำจอร์แดนd 5กองทัพชาวเคลเดียไล่ตามกษัตริย์ไปทันที่บริเวณที่ราบใกล้เมืองเยรีโค ทหารของพระองค์ต่างละทิ้งพระองค์ไว้แล้วหลบหนีไป 6ชาวเคลเดียจับกุมพระองค์เป็นเชลยและนำไปเฝ้ากษัตริย์แห่งบาบิโลนที่เมืองริบลาห์ พระองค์ทรงถูกพิพากษาที่นั่นe

7พระโอรสของกษัตริย์เศเดคียาห์ถูกประหารชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระบิดา กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงสั่งให้ควักพระเนตรของกษัตริย์เศเดคียาห์ แล้วทรงพันธนาการนำไปยังกรุงบาบิโลน

 

กรุงเยรูซาเล็มถูกทำลาย ประชาชนถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยครั้งที่สอง

8วันที่เจ็ดเดือนห้า ปีที่สิบเก้าfในรัชกาลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารองครักษ์ เป็นผู้แทนกษัตริย์แห่งบาบิโลน ยกพลเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม 9เขาเผาพระวิหารของพระยาห์เวห์ พระราชวังและบ้านเรือนทั้งหมดในกรุงเยรูซาเล็ม อาคารใหญ่ทุกหลังถูกเผาไฟg 10กองทหารชาวเคลเดียซึ่งอยู่กับผู้บัญชาการทหารองครักษ์ทำลายกำแพงรอบกรุงเยรูซาเล็ม 11เนบูซาระดาน ผู้บัญชาการทหารองครักษ์กวาดต้อนผู้คนที่เหลืออยู่ในเมือง รวมทั้งทุกคนที่หนีไปอยู่กับกษัตริย์แห่งบาบิโลนและประชาชนที่เหลือไปเป็นเชลย 12แต่ผู้บัญชาการทหารองครักษ์ปล่อยคนยากจนของแผ่นดินไว้บางส่วน เพื่อทำงานในสวนองุ่น และทำไร่ไถนา

13ชาวเคลเดียทุบเสาทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ในพระวิหารของพระยาห์เวห์ รื้อฐานติดล้อและอ่างทะเลทองสัมฤทธิ์ ซึ่งอยู่ในพระวิหารของพระยาห์เวห์ นำทองสัมฤทธิ์ไปกรุงบาบิโลน 14เขายังนำอ่างใส่เถ้า ทัพพี กรรไกรตัดไส้ตะเกียง ชามและภาชนะทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดที่ใช้ในพิธีกรรมไปด้วย 15ผู้บัญชาการทหารองครักษ์ขนที่เผากำยาน อ่างใส่เลือดประพรม และทุกสิ่งที่ทำด้วยทองคำและเงินไป 16เสาสองต้น อ่างทะเลและฐานติดล้อ ซึ่งกษัตริย์ซาโลมอนทรงสร้างไว้สำหรับพระวิหารของพระยาห์เวห์นั้นล้วนเป็นทองสัมฤทธิ์ มีน้ำหนักมากจนชั่งไม่ได้

17เสาสองต้นนี้เหมือนกัน แต่ละต้นสูงเก้าเมตร หัวเสาเป็นทองสัมฤทธิ์ สูงหนึ่งเมตรครึ่งh รอบหัวเสามีลวดลายผลทับทิมประดับ ทั้งหมดทำด้วยทองสัมฤทธิ์

18ผู้บัญชาการทหารองครักษ์จับเสไรยาห์หัวหน้าสมณะ เศฟันยาห์สมณะผู้ช่วย และสมณะผู้เฝ้าประตูพระวิหารอีกสามองค์ไปเป็นเชลย 19เขายังจับนายทหารคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทหาร รวมทั้งเลขานุการแม่ทัพ ซึ่งรับผิดชอบการเกณฑ์ทหาร และคนสำคัญอีกหกสิบคนที่ยังอยู่ในเมือง 20เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารองครักษ์ นำคนเหล่านี้ไปเฝ้ากษัตริย์แห่งบาบิโลนที่เมืองริบลาห์ 21กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงสั่งให้ประหารชีวิตคนเหล่านี้ที่เมืองริบลาห์ในดินแดนคามัท ชาวยูดาห์จึงถูกกวาดต้อนจากแผ่นดินของตนไปเป็นเชลย

 

เกดาลิยาห์เป็นผู้ว่าราชการปกครองอาณาจักรยูดาห์i

22กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนทรงแต่งตั้งเกดาลิยาห์บุตรของอาคิคัม บุตรของชาฟาน เป็นผู้ว่าราชการ ให้ปกครองประชาชนที่ยังเหลืออยู่ในอาณาจักรยูดาห์ 23เมื่อนายทหารและทหารที่ยังอยู่ในแผ่นดินรู้ว่ากษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงแต่งตั้งเกดาลิยาห์เป็นผู้ว่าราชการ ก็ไปพบเขาที่เมืองมิสปาห์ คนเหล่านี้คืออิชมาเอลบุตรของเนธานิยาห์ โยคานันบุตรของคาเรอาห์ เสรายาห์บุตรของทันหุเมท ชาวเมืองเนโทฟาห์ ยาอาซันยาห์บุตรของชาวมาอาคาห์ พร้อมกับทหารของตน 24เกดาลิยาห์สาบานกับคนเหล่านี้และทหารของเขาว่า “อย่ากลัวเจ้าหน้าที่jชาวเคลเดียเลย จงอยู่ต่อไปในแผ่นดินและรับใช้กษัตริย์แห่งบาบิโลน แล้วท่านจะอยู่อย่างเป็นสุข”

25เดือนที่เจ็ดของปีนั้น อิชมาเอลบุตรของเนธานิยาห์ บุตรของเอลีชามา ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ พาพวกสิบคนไปที่เมืองมิสปาห์ ลอบฆ่าเกดาลิยาห์ชาวยูดาห์และชาวเคลเดียที่อยู่กับเขาที่นั่น 26ประชาชนทุกคน ทั้งที่มั่งมีและยากจน พร้อมกับบรรดาทหารหลบหนีไปอียิปต์เพราะกลัวชาวเคลเดีย

 

กษัตริย์เยโฮยาคีนทรงรับอภัยโทษ

27ปีที่สามสิบเจ็ด หลังจากที่กษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์ทรงถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย เอวิลเมโรดัคkทรงเป็นกษัตริย์ปกครองกรุงบาบิโลน วันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนสิบสอง ปีนั้น กษัตริย์เอวิลเมโรดัคทรงพระกรุณาlปล่อยกษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์ออกจากที่คุมขัง 28กษัตริย์เอวิลเมโรดัคมีพระกรุณาต่อพระองค์ ทรงยกย่องให้กษัตริย์เยโฮยาคีนมีเกียรติกว่ากษัตริย์อื่นๆ ที่เป็นเชลยอยู่กับพระองค์ที่กรุงบาบิโลน 29กษัตริย์เยโฮยาคีนทรงถอดชุดนักโทษ ร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารกับกษัตริย์เอวิลเมโรดัค 30พระองค์ทรงรับสิ่งต่างๆ ตามความจำเป็นจากกษัตริย์แห่งบาบิโลนทุกวันจนสิ้นพระชนม์

 

25 a ตรงกับปลายเดือนธันวาคม ปี 589 ก่อน ค.ศ.

b “เดือนสี่” แปลตาม ยรม 52:6 ไม่มีในต้นฉบับภาษาฮีบรู ตรงกับเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 587 ก่อน ค.ศ.

c “ทหารทุกคน...” สำนวนแปลภาษากรีกฉบับคัดลอกของลูเซียนเสริมว่า “กษัตริย์และทหารทุกคน

d “ลุ่มแม่น้ำจอร์แดน” แปลตามตัวอักษรว่า “อาราบาห์”

e “ทรงถูกพิพากษาที่นั่น” ในฐานะประเทศราชที่ก่อการกบฏ

f ตรงกับปี 587 ก่อน ค.ศ. หรือปีที่สิบเอ็ดในรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์ (ข้อ 2) * ยรม 52:59 กล่าวถึง “ปีที่สิบแปด” ดู 2 พกษ 24:12 เชิงอรรถ e

g “อาคารใหญ่ทุกหลังถูกเผาไฟ” บางคนคิดว่าประโยคนี้เป็นข้อความเพิ่มเติมของผู้คัดลอก

h “หนึ่งเมตรครึ่ง” ยรม 52:22 และ 1 พกษ 7:16 ว่า “สองเมตรครึ่ง”

i เรื่องราวในข้อ 22-26 และ 27-30 ถูกต่อเติมในสมัยเนรเทศ

j “เจ้าหน้าที่” ต้นฉบับภาษากรีกฉบับคัดลอกของลูเซียน และซีเรียคละวลีนี้

k เอวิลเมโรดัคเป็นพระโอรสและผู้สืบตำแหน่งต่อจากกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ทรงครองราชย์ในปี 562 ก่อน ค.ศ. ตรงกับปีที่สามสิบเจ็ดที่กษัตริย์เยโฮยาคีนถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย

l “ทรงพระกรุณา...” แปลตาม ยรม 52:31 ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ทรงยกศีรษะ...”

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก