ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม  2017
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา
บทอ่าน มลค 3:13-20ข / ลก 11:5-13
          “จงขอเถิดแล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูให้ท่าน” หลังจากพระเยซูเจ้าทรงสอนให้ผู้ติดตามพระองค์ ได้สวดบทข้าแต่พระบิดา พระองค์ยังได้เล่านิทานเปรียบเทียบให้พวกเขาฟัง เพื่อให้พวกเขาสวดภาวนาอย่างไม่หยุดหย่อน ในนิทานเปรียบเทียบนี้ ได้ชี้ให้เห็นถึงการสวดภาวนาที่พระองค์ทรงสอนว่า “โปรดประทานอาหารแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้” (ลก 11:13)

         ในเรื่องนี้ ชายคนหนึ่งได้มาขออาหารจากเพื่อนบ้าน ในเวลากลางคืน เพื่อจะเลี้ยงเพื่อนที่พึ่งจะเดินทางมาเยี่ยมเขา แม้ว่าสมาชิกในครอบครัว ของเพื่อนบ้านคนนั้นจะนอนหลับ แต่ก็ยินดีมอบขนมปังให้เพื่อนคนนั้น ที่ได้ร้องขอด้วยความอุตสาหะ พระเยซูเจ้าได้ทรงชี้ให้เห็นว่า ถ้าเพื่อนคนนั้นยังต้องตอบสนองตามคำร้องขอของเพื่อนบ้าน เช่นเดียวกัน พระบิดาเจ้าสวรรค์ ก็จะประทานสิ่งที่ลูกๆของพระองค์ต้องการ บิดามารดาจะให้สิ่งของที่ทำลายลูกของตัวเองได้หรือ ถ้าลูกขออาหารรับประทาน? แม้พวกเขาที่เป็นคนบาป ยังมอบสิ่งดีๆให้แก่ลูกของตัว พระบิดาเจ้าซึ่งเป็นองค์ความดี จะใจดีมากกว่าเท่าไรเล่า? นักบุญลูกาได้เปลี่ยน “พระพรพิเศษที่ดี”(มธ 7:11) เป็นองค์พระจิตเจ้า (ลก 11:13)...ท่านวางใจในพระบิดาเจ้าสวรรค์ ที่จะประทานสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ท่านหรือไม่?...ข้าแต่พระเยซูเจ้า โปรดช่วยให้ลูกวิงวอนขอ แสวงหา และเคาะประตู ที่พระหฤทัยของพระองค์ โดยไม่มีความท้อถอยแต่อย่างใด.

        “มนุษย์มีงานที่ประเสริฐ คือ การสวดภาวนา และความรัก การสวดภาวนาและความรัก จึงเป็นความสุขอของมนุษย์บนโลกนี้ ไ (นักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์)...การสวดภาวนา คือ สถานที่หลบภัยของคนที่วิตกกังวล เป็นท่อธาร เพื่อได้รับความชื่นชมยินดี เป็นแหล่งของความสุข และเป็นที่ป้องกันความเศร้าโศกไ (นักบุญยอห์น คริสโซสโตม)..ความเชื่อมีการสวดภาวนาเป็นเหมือนปีก ถ้าไม่มีวิญญาณก็ขึ้นสวรรค์ไม่ได้ (นักบุญยอห์น คลีมากูส)..มีคนมากมายร้องหาพระเป็นเจ้า ไม่ใช่เสียงจากวิญญาณ แต่เป็นเสียงจากร่างกาย มีแต่เสียงร้องของหัวใจ และของวิญญาณเท่านั้น ที่จะถึงพระเป็นเจ้าได้ (นักบุญออกัสติน)