"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำเงินทั้งหมด
นำทุกอย่างที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตมาทำทาน”

66. พระเยซูเจ้าทรงประณามบรรดาธรรมาจารย์ เศษเงินของหญิงม่าย (2)
b) ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
         1. ข้อความนี้บรรยายภาพตรงกันข้าม 2 ภาพเพื่อเสนอว่า เราต้องระวังบรรดาธรรมาจารย์ผู้สอนเท็จและต้องจับตามองหญิงม่ายผู้เป็นอาจารย์แท้จริงของเรา บรรดาธรรมาจารย์บูชาภาพลักษณ์ตนเองคือ รักตัวเองสุดจิตใจ ใช้ทุกสิ่ง ทุกคน รวมทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระวาจาของพระองค์เพื่อเป็นเอก เขาเป็นต้นแบบของบาปพื้นฐานที่อยู่ในใจมนุษย์ทุกคน ปรารถนาที่จะเป็นจุดศูนย์กลางความสนใจของมนุษย์ทุกคนอยู่เสมอ (เทียบ มก 9:34; 10:37) และตั้งตนเองแทนพระเจ้า ส่วนหญิงม่ายผู้ยากจนอยู่โดเดี่ยว ถ่อมตน ไม่มีผู้ใดสนใจ แต่เขามอบชีวิตทั้งหมดของตน เป็นเหมือนพระเยซูเจ้าผู้ทรงถ่อมพระองค์ลงเป็นคนสุดท้าย และทรงมอบพระชนมชีพเพื่อรับใช้มนุษย์ทุกคน



         2. บางทีพระเยซูเจ้าพระองค์เท่านั้นทรงสังเกตเห็นเงินเล็กน้อยที่หญิงม่ายได้ถวาย แล้วทรงเรียกบรรดาศิษย์เป็นครั้งที่ 4 ที่บันทึกในพระวรสารของนักบุญมาระโก (8:1, 34; 10:42) ให้มาไตร่ตรองถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่ออบรมเขาทั้งหลายให้รู้จักติดตามพระองค์อย่างแท้จริง แม้ในเรื่องวิธีการตัดสินผู้อื่น ถ้าบังเอิญบรรดาศิษย์ประหลาดใจในเงินที่คนร่ำรวยถวาย บัดนี้ เขาต้องคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง พระวาจาของพระเยซูเจ้าเฉียบแหลมมาก มีความแตกต่างอย่างถึงรากถึงโคนระหว่างผู้นำเงินที่เหลือใช้มาทำทาน กับผู้นำทุกอย่างที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตมาทำทาน สิ่งที่จำเป็นเพื่อการดำรงชีวิตสำคัญมากแม้จะมูลค่าน้อย แต่มีคุณค่ามากกว่าสิ่งที่เหลือใช้ พระเยซูเจ้าทรงตัดสินคุณค่าการถวายของสิ่งจากสถานการณ์ของผู้ถวาย พระองค์ไม่ทรงสนพระทัยสิ่งของที่นำถวาย แต่ทรงสนพระทัยผู้ถวาย เป็นบุคคลผู้ให้คุณค่าแก่ของที่ตนนำมาถวาย ในวันนั้นหญิงม่ายผู้ยากจนต้องการแบ่งปันทุกสิ่งแก่ผู้อื่น เขาต้องการให้สิ่งเล็กน้อยที่มีอยู่เป็นของถวายเพื่อผู้อื่นและพระเจ้าเขาประพฤติตนเหมือนผู้ที่กระโดดเข้าไปในความมืด ละทิ้งทุกสิ่งที่อาจเป็นความปลอดภัยของมนุษย์สำหรับอนาคต เขาทำเพื่อมอบตนทั้งครบแด่พระเจ้าด้วยความไว้วางใจ และเพื่อแบ่งปันสิ่งที่มีแก่ผู้อื่น เขามีความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง และเราล่ะ มีความกล้าหาญเช่นนี้หรือไม่

        3. บทเรียนนี้บังคับให้เราทบทวนวิธีคิดทั้งหมดของตน เพราะแม้หญิงม่ายยากจนผู้นี้ อาจคิดว่าตนไม่ได้ช่วยเหลือพระวิหารมากนัก คงจะรู้สึกอับอายเมื่อเปรียบเทียบตนเองกับคนร่ำรวยที่ถวายเงินจำนนมาก เหมือนกับว่าต้องขอโทษที่ไม่สามารถถวายได้มากกว่านี้ คนจนมักประพฤติตนเช่นนี้คือ ให้สิ่งเล็กน้อยที่มีและขอโทษที่ไม่สามารถให้ได้มากกว่านั้น แต่พระเจ้าทรงตัดสินว่า พฤติกรรมของหญิงม่ายยิ่งใหญ่เป็นแบบอย่างการปฏิบัติตนของคริสตชนอย่างชัดเจน เราย่อมเป็นสุขเมื่อ ไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวย เราสามารถแบ่งปันกับผู้อื่นด้วยใจกว้างเช่นเดียวกับหญิงม่าย พระเยซูเจ้าทรงเน้นว่า “หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำเงินทั้งหมด นำทุกอย่างที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตมาทำทาน” การให้ทานภายนอกจึงมีความสำคัญเมื่อความรักภายในเร่งเร้าให้รู้จักมอบชีวิตเป็นทาน คือเมื่อเราสามารถให้ทุกอย่าง เราก็เข้าใจว่าพระเจ้าผู้เสด็จมาเป็นมนุษย์เพื่อทรงถวายทุกสิ่งแก่เรา ทรงยกย่องความยิ่งใหญ่ของความเมตตากรุณานี้ พระองค์ทรงเห็นว่าหญิงม่ายยากจนผู้นี้พร้อมที่จะสละชีวิตเช่นเดียวกับพระทัยกว้างและความรักของพระเจ้า
         ดังนั้น เราจึงต้องค้นหาสถานการณ์บางอย่างในชีวิตที่ทำให้เราพูดได้ว่า เรากำลังให้ทุกอย่างที่มี ไม่ว่าจะเป็นเงิน ความช่วยเหลือ คำพูด การฟัง มิตรภาพ หมายถึงโอกาสที่เราไม่ประพฤติตนเหมือนคนร่ำรวย ซึ่งเมื่อให้ทานแล้วก็ร่ำรวยเหมือนเดิม เราจะปฏิบัติตามพระแบบฉบับของพระคริสตเจ้าอย่างแท้จริง เมื่อเราเลือกความยากจนเช่นเดียวกับพระองค์ผู้ทรงมอบทุกอย่างเพื่อทำให้เราผู้ยากจนเฉพาะพระพักตร์พระองค์ จะได้กลายเป็นผู้ร่ำรวย

         4. เราควรถามตนเองว่า เราเป็นเหมือนคนร่ำรวยที่นำสิ่งของเหลือใช้ไปให้ทาน หรือเป็นเหมือนหญิงม่ายยากจนผู้นี้ ซึ่งให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีเพื่อเป็นทาน ถ้าเราพบว่า เราเป็นเหมือนหญิงม่ายก็จงขอบพระคุณพระเจ้า และพยายามทำตนให้ละม้ายคล้ายกับนางมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เพราะวิธีนี้เราจะเข้าสู่ความรุ่งโรจน์ด้วยความยินดีที่จะละม้ายคล้ายกับพระเจ้า ผู้ประทานทุกอย่างโดยไม่เสียพระทัย การพิจารณามโมธรรมเช่นนี้จะช่วยเราให้ทบทวนชีวิตเพื่อจะได้มีลักษณะชีวิตคริสตชนที่ดี

         5. หญิงม่ายไม่รู้ว่าพระเยซูเจ้าทรงยกย่องนางให้เป็นอาจารย์แทนพระองค์ เพื่อเป็นแบบอย่างตลอดไป เราอาจนำพระวาจาที่พระองค์ตรัสหญิงที่จะเทน้ำมันหอมลงบนพระเศียรของพระองค์มาใช้กับหญิงม่ายว่า "ที่ใดในโลกที่มีการประกาศข่าวดี จะมีการกล่าวถึงสิ่งที่นางได้ทำเพื่อเป็นการระลึกถึงนาง” (มก 14:9) ไม่มีข้อความใดในพระวรสารที่บรรยายความเชื่อและความรักอย่างงดงามเช่นนี้ รวมทั้งการเรียกร้องที่เข้มงวดนี้เพื่อเป็นคริสตชน หญิงม่ายที่เราไม่รู้จักชื่อว่าเป็นใครผู้นี้ เป็นภาพลักษณ์ของผู้มีความเชื่อแท้จริงและเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า และเราที่เรียกตนเองว่าเป็นศิษย์ของพระองค์ ดำเนินชีวิตเช่นเดียวกับหญิงม่ายอย่างแท้จริงหรือไม่