"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“ตกใจกลัวเช่นนี้ทำไม ท่านยังไม่มีความเชื่อหรือ ”

22. พระเยซูเจ้าทรงทำให้พายุสงบ ( 2 )
- พระองค์บรรทมหลับหนุนหมอนอยู่ที่ท้ายเรือ  แม้มีพายุแรง พระเยซูเจ้ายังทรงบรรทมหลับ รายละเอียดนี้ชวนให้คิดถึงอุปมาที่พระเยซูเจ้าทรงเล่าว่า เมื่อเมล็ดพืชถูกหว่านแล้ว ผู้หว่านก็หลับได้อย่างสบายไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเมล็ดนั้นจะงอกขึ้นด้วยพลังของตนเอง การที่พระเยซูเจ้าทรงบรรทมหลับแสดงว่า เมื่อทรงเทศนาสั่งแล้ว ก็ทรงมีความไว้วางใจในพระเจ้า ทรงปฏิบัติตามคำสั่งสอนในอุปมาเรื่องเมล็ดพืช แน่นอน ถ้ามองในด้ายกายภาพพระเยซูเจ้าทรงเหน็ดเหนื่อยเพราะทรงประกาศข่าวดี ตลอดทั้งวัน เราจึงเข้าใจว่าเหตุใดพระองค์จึงทรงบรรทมหลับเรื่องนี้ยังชวนเราให้คิดถึงเรื่องของประกาศกโยนาห์ที่หลับอยู่ในท้องเรือ ขณะที่มีพายุแรงกล้าจนเรือแทบอับปาง(เทียบ ยนา 1:5-15)


- บรรดาศิษย์จึงปลุกพระองค์ บรรดาศิษย์ตกใจกลัวจนสิ้นหวังที่จะเอาตัวรอด เหตุการณ์นี้ชวนเราให้คิดถึงข้อความในเพลงสุดดีที่ว่า"ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตื่นเถิด ไฉนพระองค์จึงยังบรรทมหลับอยู่ขอทรงตื่นเถิด อย่าทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าทั้งหลายตลอดไปเลยเหตุใดพระองค์จึงทรงเบือนพระพักตร์ไปทางอื่นไม่เอาพระทัยใส่ความทุกข์ยากของข้าพเจ้าทั้งหลายที่กำลังถูกรังควาน" (สดด44:23-24)ความกลัวจึงเป็นประสบการณ์ของมนุษย์เมื่อต้องประสบอันตราย

- ทูลถามว่า “พระอาจารย์ พระองค์ไม่สนพระทัยที่พวกเรากำลังจะตายอยู่แล้วหรือ”  น่าสังเกต บรรดาศิษย์ไม่เรียกพระเยซูเจ้า "พระเจ้าข้า" แต่เรียกพระองค์เป็น "พระอาจารย์"พระเยซูเจ้ายังไม่ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าที่มนุษย์เรียกขานและวอนขอความช่วยเหลือแต่เป็นเพียงธรรมาจารย์คนหนึ่งที่กำลังหลับเมื่อศิษย์อยู่ในอันตราย

- พระองค์จึงทรงลุกขึ้น บังคับลม ตรัสสั่งทะเลว่า “เงียบซิ  จงสงบลงเถิด” ลมก็หยุด ท้องทะเลราบเรียบอย่างยิ่ง  พระวาจานี้ชวนให้คิดถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนถูกปีศาจสิงในศาลาธรรมที่เมืองคาเปอรนาอุมเวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงดุปีศาจและตรัสสั่งว่า “จงเงียบ  ออกไปจากผู้นี้”  (มก 1:25) เราคงไม่รู้สึกแปลกที่เห็นว่านักบุญมาระโกเล่าเรื่องอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงทำให้พายุสงบเหมือนกับว่าทรงขับไล่ปีศาจ เพราะพายุเป็นสัญลักษณ์ความชั่วร้ายของพลังที่เป็นศัตรูกับมนุษย์ ข้อความนี้ทำให้เราคิดถึงเพลงสดุดีที่ว่า "พระองค์ทรงควบคุมความผยองของมหาสมุทรทรงปราบคลื่นใหญ่ที่ปั่นป่วนให้สงบลง" (สดด 89:9)"เมื่อต้องลำบาก เขาร้องหาพระยาห์เวห์พระองค์ก็ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้นพระองค์ทรงทำให้พายุสงบกลายเป็นลมอ่อนทรงทำให้คลื่นเงียบเสียงเขาทั้งหลายยินดีเพราะพายุสงบพระองค์ทรงนำเขาไปถึงท่าเรือที่เขาต้องการ" (สดด107:28-30)เราจะเห็นว่าเพียงพระเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่ทรงทำให้พายุสงบ เป็นการยืนยันทางอ้อมว่าพระเยซูเจ้าทรงมีพระอานุภาพเช่นเดียวกับพระเจ้า

- แล้วพระองค์ตรัสถามเขาว่า  “ตกใจกลัวเช่นนี้ทำไม ท่านยังไม่มีความเชื่อหรือ” นี่เป็นครั้งแรกในพระวรารที่เราพบว่า พระเยซูเจ้าทรงตำหนิบรรดาศิษย์ และจะพบต่อไปอีกหลายครั้งในพระวรสารตามคำบอกเล่านักบุญมาระโก ดูเหมือนว่าพระเยซูเจ้าทรงคาดหวังให้บรรดาศิษย์ที่ได้เห็นเครื่องหมายอัศจรรย์หลายประการแล้วจะมีความไว้วางใจในอำนาจของพระองค์ทุกกรณีและรู้สึกมีความปลอดภัยเมื่ออยู่กับพระองค์ 

- เขาเหล่านั้นกลัวมาก พูดกันว่า  “ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ ลมและทะเลจึงยอมเชื่อฟังเช่นนี้” แทนที่บรรดาอัครศิษย์จะตอบคำถามของพระเยซูเจ้า เขากลับอุทานแสดงความพิศวงงงงวย เหตุการณ์นี้ยังชวนให้คิดถึงอัศจรรย์ที่เมืองคาเปอรนาอุมเมื่อพระเยซูเจ้าทรงขับไล่ปีศาจในคนที่ถูกปีศาจสิง ปฏิกริยาของประชาชนคือทุกคนต่างประหลาดใจจึงถามกันว่า “นี่มันเรื่องอะไร เป็นคำสั่งสอนแบบใหม่ที่มีอำนาจ เขาสั่งแม้กระทั่งปีศาจและมันก็เชื่อฟัง”(มก 1:27)

 สรุปแล้ว ข้อความนี้จบลงด้วยคำถามของพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับความเชื่อของบรรดาศิษย์ และคำถามเรื่องอัตลักษณ์ของพระเยซูเจ้า