(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

โหราจารย์มาเฝ้าพระกุมารa

2 1ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรดb พระเยซูเจ้าประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวันออกcเดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม 2สืบถามว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์” 3เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัย ชาวกรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วุ่นวายใจไปด้วย 4พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์d ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์จะประสูติที่ใด” 5เขาจึงทูลตอบว่า “ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย เพราะประกาศกเขียนไว้ว่า

6เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์

เจ้ามิใช่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์

เพราะผู้นำคนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า

จะเป็นผู้เลี้ยงดูอิสราเอล ประชากรของเรา

 

7ดังนั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลาที่ดาวปรากฏ 8แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปที่เมืองเบธเลเฮม ทรงกำชับว่า “จงไปสืบถามเรื่องพระกุมารอย่างละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาบอกให้เรารู้ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” 9เมื่อบรรดาโหราจารย์ได้ฟังพระดำรัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวที่เขาเห็นทางทิศตะวันออกปรากฏอีกครั้งหนึ่งนำทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมารe 10เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งบรรดาโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก 11เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัติ นำทองคำ กำยาน และมดยอบfออกมาถวายพระองค์ 12แต่พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น

พระกุมารเสด็จหนีไปอียิปต์ ทารกผู้บริสุทธิ์ถูกประหารชีวิต

13เมื่อบรรดาโหราจารย์กลับไปแล้ว ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟ กล่าวว่า “จงลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมารดาหนีไปอียิปต์ และจงอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกท่าน เพราะกษัตริย์เฮโรดกำลังสืบหาพระกุมารเพื่อจะประหารชีวิต” 14โยเซฟจึงลุกขึ้นพาพระกุมารและพระมารดาออกเดินทางไปอียิปต์ในคืนนั้น 15และอยู่ที่นั่นจนกระทั่งกษัตริย์เฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เพื่อให้พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสทางประกาศกเป็นความจริงว่า

เราเรียกบุตรgของเรามาจากอียิปต์

16เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงเห็นว่าพระองค์ถูกบรรดาโหราจารย์hหลอกลวง ก็กริ้วยิ่งนัก จึงทรงสั่งให้ประหารชีวิตเด็กชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมาในเมืองเบธเลเฮมและบริเวณใกล้เคียง ตามเวลาที่ทรงทราบมาจากบรรดาโหราจารย์ 17ดังนี้ พระดำรัสที่ตรัสไว้โดยประกาศกเยเรมีย์iก็เป็นความจริงว่า

18มีผู้ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาห์

เป็นเสียงร้องไห้และคร่ำครวญอย่างขมขื่น

นางราเคลร้องไห้อาลัยถึงบรรดาบุตร

นางไม่ยอมรับคำปลอบโยนใดๆ

เพราะบุตรเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว

พระกุมารเสด็จกลับจากอียิปต์ไปเมืองนาซาเร็ธ

19หลังจากกษัตริย์เฮโรดสิ้นพระชนม์ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟในอียิปต์ 20กล่าวว่า “จงลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมารดากลับไปแผ่นดินอิสราเอล เพราะผู้ที่ต้องการฆ่าพระกุมารตายแล้ว” 21โยเซฟจึงลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมารดากลับไปแผ่นดินอิสราเอล 22แต่เมื่อรู้ว่าอารเคลาอัสjขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ในแคว้นยูเดีย สืบต่อจากกษัตริย์เฮโรดพระบิดา โยเซฟก็กลัวที่จะไปที่นั่น และเมื่อพระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝัน เขาจึงกลับไปยังแคว้นกาลิลีk 23ไปอาศัยอยู่ในเมืองหนึ่งชื่อนาซาเร็ธ ทั้งนี้ เพื่อให้พระดำรัสที่ตรัสทางประกาศกเป็นความจริงว่า

“พระองค์จะได้รับพระนามว่าชาวนาซาเร็ธ”

 

2 a ในบทที่หนึ่ง มัทธิวนำเสนอพระเยซูเจ้าในฐานะพระโอรสของกษัตริย์ดาวิด และพระบุตรของพระเจ้า ในบทที่สองนี้ ท่านเกริ่นให้เราทราบถึงพระภารกิจของพระองค์ในการช่วยกู้คนต่างชาติให้รอดพ้น บรรดาโหราจารย์ผู้แทนคนต่างชาติเหล่านี้ได้รับเรียกมาหาแสงสว่างของพระองค์ (ข้อ 1-12) พระเยซูเจ้าจะต้องรับทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับประชากรของพระองค์ คือต้องหนีไปอียิปต์ (ข้อ 13-15) ต้องเป็นเชลยอีกครั้งหนึ่ง (ข้อ 16-18) ชนที่เหลือส่วนน้อยจะกลับมาอย่างต่ำต้อย (ข้อ 19-23; ดู 23 เชิงอรรถ l) มัทธิวนำเรื่องราวจากพระคัมภีร์เหล่านี้ (midrash) เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปฐมวัยของพระเยซูเจ้า สะท้อนให้คิดถึงปฐมวัยของโมเสส เพื่อสอนความจริงเดียวกันกับที่ลูกาสอน โดยใช้คำทำนายของสิเมโอน (ลก 2:34 เชิงอรรถ l)

b “ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด” ราวปีที่ 5 หรือ 4 ก่อนคริสตศักราช เฮโรดเป็นกษัตริย์ปกครองแคว้นยูเดีย อิดูเมอา และแคว้นสะมาเรีย ตั้งแต่ปี 37-4 ก่อนคริสตศักราช (ดู ลก 2:2 เชิงอรรถ b)

c เรื่องเล่าทำนองนี้มักจะใช้ถ้อยคำกว้างๆ ไม่เจาะจง ทิศตะวันออกมักจะถูกใช้เป็นแหล่งที่มาของนักดาราศาสตร์ เช่น โหราจารย์เหล่านี้

d “ธรรมาจารย์” เรียกอีกอย่างว่า “อาจารย์กฎหมาย” (ลก 5:7; กจ 5:34) หรือ “นักกฎหมาย” (ลก 7:30; 10:25 ฯลฯ) บทบาทของธรรมาจารย์คืออธิบายความหมายของพระคัมภีร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธรรมบัญญัติของโมเสสเพื่อกำหนดข้อปฏิบัติสำหรับชีวิตประจำวันของชาวยิว (ดู อสร 7:6 เชิงอรรถ c; บสร 39:2 เชิงอรรถ b) บทบาทนี้ทำให้พวกธรรมาจารย์ได้รับเกียรติและมีอิทธิพลในหมู่ประชาชน ธรรมาจารย์ส่วนใหญ่มาจากชาวฟาริสี แต่ไม่ใช่ทุกคน (3:7 เชิงอรรถ f) ธรรมาจารย์พร้อมกับบรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสร่วมเป็นสภาสูงสุดของชาวยิว หรือ “สภาซันเฮดริน”

e แน่นอนว่าผู้นิพนธ์พระวรสารคิดว่าดาวนี้ขึ้นอย่างอัศจรรย์ เราไม่จำเป็นต้องหาหลักฐานทางวิชาการมาอธิบายปรากฏการณ์นี้ (เทียบ กดว 24:17) มีการบันทึกว่าเมื่อบุคคลสำคัญอื่นๆ บังเกิดมาก็มีดาวปรากฏขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

f “ทองคำ กำยานและมดยอบ” เป็นของมีค่าและเครื่องหอมจากประเทศอาราเบีย (ยรม 6:20; อสค 27:22) บรรดาปิตาจารย์เข้าใจว่า ทองคำเป็นสัญลักษณ์หมายถึงการเป็นกษัตริย์ กำยานหมายถึงการเป็นพระเจ้า และมดยอบหมายถึงการรับทรมานของพระเยซูเจ้า การถวายบังคมของบรรดาโหราจารย์ทำให้ถ้อยคำของประกาศกที่ว่า ประชาชาติจะมานมัสการพระเจ้าแห่งอิสราเอลเป็นความจริง (เทียบ กดว 24:17; สดด 72:10-15; อสย 49:23; 60:5ฯ) ข้อความเหล่านี้ถือว่าเป็นพระเมสสิยาห์ การที่คนต่างชาติยอมรับว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระเมสสิยาห์ จึงตรงกันข้ามกับการที่ชาวยิวซึ่งมีกษัตริย์เฮโรดเป็นผู้แทน ได้ปฏิเสธไม่ยอมรับพระองค์

g “บุตร” ตามความหมายของประกาศกโฮเชยาหมายถึงประชากรอิสราเอล แต่ มธ ใช้คำว่า “บุตร” ในที่นี้ หมายถึงพระเมสสิยาห์

h ในข้อเขียนของบรรดารับบียังเล่าเกี่ยวกับโมเสสที่คล้ายกับเรื่องนี้ว่า เมื่อกษัตริย์ฟาโรห์ได้ทรงทราบข่าวโดยนิมิตจากโหรว่า มีเด็กชายคนหนึ่งเกิดมา ได้ทรงสั่งให้ประหารชีวิตทารกแรกเกิดเพศชายทุกคน

i ในความหมายดั้งเดิม ข้อความตอนนี้หมายความว่านางราเคลซึ่งเป็นบรรพชน ได้ร้องไห้ถึงประชาชนจากตระกูลเอฟราอิม มนัสเสห์ และเบนยามินซึ่งถูกชาวอัสซีเรียประหารชีวิตหรือจับเป็นเชลย มัทธิวประยุกต์เหตุการณ์นี้กับทารกชาวเบธเลเฮม อาจเป็นเพราะว่าธรรมประเพณีสายหนึ่งคิดว่า หลุมฝังศพของนางราเคลตั้งอยู่ใกล้เมืองเบธเลเฮม (ปฐก 35:19ฯ)

j อารเคลาอัสเป็นพระโอรสของกษัตริย์เฮโรดจากนาง Maltace (เช่นเดียวกับเฮโรดอันทิปาส) เป็นผู้ปกครองแคว้นยูเดียตั้งแต่ 4 ก่อน ค.ศ. ถึง ค.ศ.6

k แคว้นกาลิลีอยู่ในปกครองของกษัตริย์เฮโรดอันทิปาส (ดู ลก 3:1 เชิงอรรถ c)