(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)
V.พระทรมานและการกลับคืนพระชนมชีพ
การวางแผนกำจัดพระเยซูเจ้า
14 1สองวันก่อนจะถึงวันปัสกาและเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ บรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์คิดหาอุบายเพื่อจับกุมพระเยซูเจ้า จะได้ฆ่าเสีย 2เขาพูดกันว่า “อย่าทำในวันฉลองเลย มิฉะนั้น ประชาชนจะก่อการจลาจล”
การเจิมที่เบธานี
3พระองค์ประทับอยู่ที่หมู่บ้านเบธานี ในบ้านของซีโมนที่เคยเป็นโรคเรื้อน ขณะที่กำลังประทับที่โต๊ะอาหาร หญิงคนหนึ่งถือขวดหินขาวบรรจุน้ำมันหอมสมุนไพรบริสุทธิ์aราคาแพงเข้ามา นางทุบขวดหินขาวแตก และเทน้ำมันหอมลงบนพระเศียรของพระองค์ 4บางคนพูดกันอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมจึงทำให้น้ำมันหอมเสียไปเปล่า ๆ 5น้ำมันหอมนี้อาจจะขายได้เงินมากกว่าสามร้อยเหรียญ แล้วเอาเงินไปให้คนยากจน” เขาเหล่านั้นบ่นว่านาง 6พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ปล่อยนางเถิด ทำให้นางยุ่งยากใจทำไม นางได้ทำกิจการดีต่อเราb 7ท่านจะมีคนยากจนอยู่กับท่านเสมอ ท่านจะทำดีต่อเขาเมื่อไรก็ได้ แต่ท่านจะไม่มีเราอยู่กับท่านเสมอไป 8นางได้ทำสิ่งที่นางทำได้แล้ว นางชโลมกายของเราล่วงหน้าก่อนจะถึงเวลาฝังศพ 9เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ที่ใดในโลกที่มีการประกาศข่าวดี จะมีการกล่าวถึงสิ่งที่นางได้ทำเพื่อเป็นการระลึกถึงนาง”
ยูดาสทรยศต่อพระเยซูเจ้า
10ยูดาส อิสคาริโอท หนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน ไปพบบรรดาหัวหน้าสมณะเพื่อจะมอบพระเยซูเจ้า 11เมื่อเขาเหล่านั้นได้ยินดังนี้ก็ดีใจและสัญญาจะให้เงินแก่ยูดาส ยูดาสจึงหาโอกาสที่จะมอบพระองค์
การเตรียมงานเลี้ยงปัสกา
12วันแรกของเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เมื่อเขาฆ่าลูกแกะปัสกา บรรดาศิษย์ทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “พระองค์มีพระประสงค์ให้เราจัดเตรียมcการเลี้ยงปัสกาที่ไหน” 13พระองค์จึงทรงใช้ศิษย์สองคนไป สั่งเขาว่า “จงเข้าไปในกรุง แล้วจะพบชายคนหนึ่งกำลังเดินแบกหม้อน้ำอยู่ จงตามเขาไป 14เขาเข้าไปที่ไหน จงถามเจ้าของบ้านว่า “พระอาจารย์ถามว่า ห้องที่เราจะกินปัสกากับบรรดาศิษย์นั้นอยู่ที่ไหน” 15เขาจะชี้ให้ท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบนปูพรมไว้เรียบร้อย จงจัดเตรียมปัสกาไว้สำหรับพวกเราที่นั่นแหละ” 16ศิษย์ทั้งสองคนออกเดินทางเข้าไปในกรุง พบสิ่งต่าง ๆ ดังที่พระองค์ทรงบอกไว้ จึงจัดเตรียมปัสกา
พระเยซูเจ้าทรงทำนายถึงการทรยศของยูดาส
17ครั้นถึงเวลาค่ำ พระองค์เสด็จมาพร้อมกับบรรดาอัครสาวกสิบสองคน 18ขณะที่ทุกคนนั่งที่โต๊ะและกินอาหารพร้อมกับพระเยซูเจ้าอยู่นั้น พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในที่นี้จะทรยศต่อเรา คนทรยศกำลังกินอาหารกับเรา” 19บรรดาอัครสาวกรู้สึกเศร้าใจ ทูลถามพระองค์ทีละคนว่า “ใช่ข้าพเจ้าหรือไม่” 20พระองค์ตรัสว่า “เป็นคนหนึ่งในสิบสองคนนี้ คือคนที่กำลังจิ้มอาหารในชามเดียวกันกับเรา 21เพราะบุตรแห่งมนุษย์กำลังจะจากไปตามที่เขียนเกี่ยวกับพระองค์ไว้ในพระคัมภีร์ วิบัติจงเกิดแก่คนที่ทรยศต่อบุตรแห่งมนุษย์ ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาจะดีกว่า”
พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิท
22ขณะที่ทุกคนกำลังกินอาหารอยู่นั้น พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ตรัสถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ประทานให้เขาเหล่านั้น ตรัสว่า “จงรับเถิด นี่เป็นกายของเรา” 23แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย ตรัสขอบพระคุณ ประทานให้เขาและทุกคนดื่มจากถ้วยนั้น 24พระองค์ตรัสกับเขาว่า “นี่เป็นโลหิตของเรา โลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก 25เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลองุ่นใด จนกว่าจะถึงวันที่เราจะดื่มเหล้าองุ่นใหม่ในพระอาณาจักรของพระเจ้า”
พระเยซูเจ้าทรงทำนายว่าเปโตรจะปฏิเสธพระองค์
26เมื่อขับร้องเพลงสดุดีแล้ว ทุกคนออกจากห้องเพื่อไปยังภูเขามะกอกเทศ 27พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ท่านทุกคนจะทอดทิ้งเรา เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่าเราจะตีผู้เลี้ยงแกะและแกะจะกระจัดกระจายไป 28แต่เมื่อเรากลับคืนชีพแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนหน้าท่าน” 29เปโตรทูลว่า “แม้ว่าทุกคนจะทอดทิ้งพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ทอดทิ้งพระองค์เลย” 30พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า คืนนี้ก่อนไก่จะขันสองครั้ง ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” 31แต่เปโตรทูลย้ำว่า “ถึงแม้ข้าพเจ้าจะต้องตายพร้อมกับพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย” อัครสาวกทุกคนก็พูดเหมือนกัน
ในสวนเกทเสมนี
32พระเยซูเจ้าเสด็จมาพร้อมกับบรรดาศิษย์ถึงสถานที่แห่งหนึ่งชื่อ “เกทเสมนี” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงนั่งอยู่ที่นี่ ขณะที่เราไปอธิษฐานภาวนา” 33แล้วทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปกับพระองค์ 34พระองค์ทรงเริ่มรู้สึกหวาดกลัวและเศร้าพระทัยอย่างยิ่ง จึงตรัสกับเขาทั้งสามว่า “ใจเราเป็นทุกข์แทบสิ้นชีวิต จงอยู่ที่นี่และตื่นเฝ้าเถิด” 35แล้วทรงพระดำเนินไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย ทรงเอนพระวรกายลงกับพื้นดิน ทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อให้เวลานั้นผ่านพ้นพระองค์ไป ถ้าเป็นไปได้ 36พระองค์ทูลว่า “อับบา พระบิดาเจ้าข้าd พระองค์ทรงทำทุกสิ่งได้ โปรดทรงเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด” 37พระองค์เสด็จกลับมา พบศิษย์ทั้งสามกำลังหลับ จึงตรัสกับเปโตรว่า “ซีโมน ท่านหลับหรือ ท่านตื่นเฝ้าสักหนึ่งชั่วโมงไม่ได้หรือ 38จงตื่นเฝ้าและอธิษฐานภาวนาเพื่อจะไม่เข้าสู่การทดลอง จิตใจพร้อมแล้วก็จริง แต่เนื้อหนังอ่อนกำลัง” 39แล้วพระองค์เสด็จไปอธิษฐานภาวนาอีกครั้งหนึ่ง ทรงกล่าวถ้อยคำเดียวกัน 40ครั้นเสด็จกลับมาก็ทรงพบเขาหลับอยู่อีก เพราะลืมตาไม่ขึ้น และเขาไม่รู้จะทูลตอบพระองค์อย่างไร 41เมื่อเสด็จกลับมาครั้งที่สาม พระองค์ตรัสกับเขาว่า “บัดนี้ท่านหลับต่อไปและพักผ่อนได้ พอเถอะ เวลาที่บุตรแห่งมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในเงื้อมมือของคนบาปมาถึงแล้ว 42จงลุกขึ้น ไปกันเถิด ผู้ทรยศมาแล้ว”
พระเยซูเจ้าทรงถูกจับกุม
43ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังตรัสอยู่นั้น ยูดาส หนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน มาถึงพร้อมกับคนจำนวนหนึ่ง ถือดาบและไม้ตะบองเป็นอาวุธ บรรดาหัวหน้าสมณะ ธรรมาจารย์และผู้อาวุโสส่งคนเหล่านี้มา 44ผู้ทรยศให้สัญญาณกับคนเหล่านี้ว่า “เราจูบผู้ใด ก็เป็นคนนั้นแหละ จงจับกุมเขาไว้แล้วคุมตัวเขาไปอย่างแน่นหนาเถิด” 45เมื่อยูดาสมาถึง ก็ตรงเข้าไปหาพระองค์ ทูลว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า” แล้วจูบพระองค์ 46คนเหล่านั้นต่างกรูกันเข้ามาจับกุมพระองค์ 47คนที่ยืนอยู่ที่นั่นคนหนึ่งชักดาบฟันผู้รับใช้คนหนึ่งของมหาสมณะ ใบหูขาด
48พระเยซูเจ้าตรัสถามคนเหล่านั้นว่า “ท่านทั้งหลายถือดาบ ถือตะบองมาจับเราราวกับเราเป็นโจรเทียวหรือ 49เราอยู่กับท่านทุกวัน สั่งสอนในบริเวณพระวิหาร ท่านก็ไม่ได้มาจับเรา แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อให้พระคัมภีร์เป็นความจริง” 50ศิษย์ทุกคนทิ้งพระองค์ แล้วหนีไป 51ชายหนุ่มคนหนึ่งห่มผ้าป่านผืนเดียวตามพระองค์ไป คนเหล่านั้นพยายามจับเขา 52แต่เขาสลัดผ้าป่านนั้นทิ้ง แล้ววิ่งหนีไปแต่ตัวเท่านั้นe
พระเยซูเจ้าทรงถูกพิจารณาคดีในสภาสูงของชาวยิว
53บรรดาผู้ที่จับกุมพระเยซูเจ้านำพระองค์ไปยังบ้านของมหาสมณะ บรรดาหัวหน้าสมณะ ผู้อาวุโสและธรรมาจารย์ทุกคนชุมนุมกันที่นั่น 54ส่วนเปโตรติดตามพระองค์ไปห่าง ๆ จนเข้าถึงภายในลานบ้านของมหาสมณะ และนั่งผิงไฟอยู่กับบรรดาผู้รับใช้ 55บรรดาหัวหน้าสมณะและสมาชิกสภาสูงทุกคนพยายามหาพยานเพื่อกล่าวหาพระเยซูเจ้า และประหารชีวิตพระองค์ แต่เขาหาพยานไม่ได้ 56พยานเท็จหลายคนปรักปรำพระองค์ แต่คำให้การของเขาไม่ตรงกัน 57บางคนลุกขึ้นให้การเท็จปรักปรำพระองค์ว่า 58“เราได้ยินเขาพูดว่า “ฉันจะทำลายวิหารที่สร้างด้วยมือมนุษย์นี้ และภายในสามวัน จะสร้างขึ้นใหม่อีกหลังหนึ่ง ซึ่งไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์”“ 59แม้กระทั่งเรื่องนี้ คำให้การของพยานก็ไม่ตรงกัน 60มหาสมณะจึงลุกขึ้นยืนท่ามกลางที่ชุมนุม ถามพระเยซูเจ้าว่า “ท่านไม่ตอบอะไรหรือ พยานเหล่านี้ตั้งข้อกล่าวหาอะไรปรักปรำท่าน”f 61แต่พระองค์ทรงนิ่ง มิได้ตรัสตอบแต่ประการใด มหาสมณะจึงถามพระองค์อีกว่า “ท่านเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระผู้ควรรับการถวายพระพรหรือ”g 62พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราเป็น และท่านทั้งหลายจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์ประทับนั่ง ณ เบื้องขวาของพระผู้ทรงอานุภาพ และจะเสด็จมาพร้อมกับหมู่เมฆบนท้องฟ้า” 63มหาสมณะจึงฉีกเสื้อของตน แล้วกล่าวว่า “เราจะต้องการพยานอะไรอีกเล่า 64ท่านทั้งหลายต่างได้ยินเขาพูดดูหมิ่นพระเจ้าแล้ว ท่านคิดเห็นอย่างไร” เขาทุกคนตัดสินว่า พระองค์ควรรับโทษถึงตาย 65บางคนถ่มน้ำลายรดพระองค์ ใช้ผ้าปิดพระพักตร์ ชกต่อยพระองค์ และพูดว่า “จงทายซิ”h บรรดาผู้รับใช้ก็ตบตีพระองค์ด้วย
เปโตรปฏิเสธพระเยซูเจ้า
66ขณะที่เปโตรอยู่ที่ลานข้างล่าง หญิงรับใช้คนหนึ่งของมหาสมณะมาที่นั่น 67เมื่อเห็นเปโตรกำลังนั่งผิงไฟอยู่ ก็จ้องมองเขาและพูดว่า “ท่านอยู่กับเยซู ชาวนาซาเร็ธด้วย” 68แต่เปโตรปฏิเสธว่า “ฉันไม่รู้ และไม่เข้าใจว่าท่านพูดเรื่องอะไร” แล้วจึงเดินไปที่ทางเข้าออกไก่ก็ขันi 69หญิงรับใช้ยังคงเห็นเปโตรจึงบอกคนที่ยืนอยู่ที่นั่นว่า “คนนี้เป็นคนหนึ่งในพวกของเขาด้วย” 70แต่เปโตรปฏิเสธอีก ต่อมาไม่นาน คนที่ยืนอยู่ที่นั่นกล่าวกับเปโตรว่า “ท่านเป็นคนหนึ่งในพวกเขาแน่ ๆ เพราะท่านเป็นชาวกาลิลี” 71แต่เปโตรเริ่มสบถสาบานอย่างแข็งขันว่า “ข้าพเจ้าไม่รู้จักคนที่ท่านกำลังพูดถึง” 72ทันใดนั้นไก่ก็ขันเป็นครั้งที่สอง เปโตรจึงระลึกถึงคำที่พระเยซูเจ้าตรัสไว้แก่ตนว่า “ก่อนไก่จะขันสองครั้ง ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” แล้วเขาก็ร้องไห้
14 a เช่นเดียวกับ ยน 12:3; มก บอกชนิดของน้ำมันหอม ภาษากรีกว่า “nardos” (โกฐิชฎามังสี) ซึ่งเป็นสารสกัดจากสมุนไพรชนิดหนึ่ง มก แต่ผู้เดียวให้ข้อสังเกตว่า หญิงคนนั้นบิขวดหินขาวแตกเพื่อเทน้ำมันหอมได้สะดวกและรวดเร็ว แสดงถึงความใจกว้างของนาง
b “กิจการดี” อาจเป็นศัพท์เฉพาะตามธรรมประเพณีของชาวยิว หมายถึงเมตตากิจซึ่งคิดกันว่าดีกว่าการทำบุญให้ทาน แต่อาจจะหมายถึง “กิจการดีงาม” โดยทั่วไปก็ได้
c มธ เล่าว่าพระเยซูเจ้าทรงใช้ศิษย์ไปบอกเจ้าของบ้านที่พระองค์ทรงต้องการจะไปกินเลี้ยงปัสกา แต่ มก เล่าว่าศิษย์ทั้งสองจะเห็นเครื่องหมายที่นำไปยังห้องที่จะพบว่าเตรียมพร้อมแล้ว การเล่าเรื่องเหตุการณ์เช่นนี้ต้องการแสดงว่าพระเยซูเจ้าทรงมีความรู้ล่วงหน้าเหมือนกับเรื่องที่เล่าใน 1 ซมอ 10:2-5 น่าสังเกตอีกว่า โครงสร้างการเล่าเรื่องนี้คล้ายกันมากกับเรื่องการเตรียมเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มของพระเยซูเจ้าในฐานะที่เป็นพระเมสสิยาห์ (มก 11:1-6)
d อับบา! เป็นคำภาษาอาราเมอิก แปลว่า “พ่อจ๋า” พระเยซูเจ้าทรงใช้คำนี้เพื่อแสดงความสนิทสนมที่พระบุตรทรงมีต่อพระบิดา (เทียบ มธ 11:25-26//; ยน 3:35; 5:19-20; 8:28-29) ต่อมาคริสตชนก็ใช้คำนี้ด้วย (รม 8:15; กท 4:6) เพราะองค์พระจิตเจ้า (รม 5:5 เชิงอรรถ e) ทำให้เขาเป็นบุตรของพระเจ้า (มธ 6:9; 17:25 เชิงอรรถ i; ลก 11:2)
e รายละเอียดนี้มีเฉพาะใน มก เท่านั้น นักพระคัมภีร์บางคนอธิบายว่า ชายหนุ่มคนนี้คือมาระโกผู้นิพนธ์พระวรสารเอง
f ที่นี่ และใน มธ 26:62 บางคนแปลว่า “ท่านไม่ตอบอะไรในข้อหาที่พยานเหล่านี้ตั้งมาปรักปรำท่านเลยหรือ”
g “พระผู้ควรได้รับการถวายพร” (เทียบ “พระผู้ทรงอานุภาพ” ข้อ 62) เป็นคำที่ใช้แทนการออกพระนาม “พระยาห์เวห์” โดยตรง ธรรมเนียมของชาวยิวจะไม่ออกพระนามพระยาห์เวห์เลย
h “ถ่มน้ำลายรดพระองค์ ใช้ผ้าปิดพระพักตร์” เป็นข้อความในต้นฉบับส่วนใหญ่ สำเนาโบราณบางฉบับ เช่น D Vet.Lat (a f) ย่อข้อความเหลือเพียง “ถ่มน้ำลายรดพระพักตร์” “จงทายซิ” สำเนาโบราณบางฉบับเสริมว่า “ใครเป็นคนตีท่าน” เพื่อให้เหมือนกับข้อความใน มธ 26:68 และ ลก 22:64
i เสียงไก่ขันครั้งแรกไม่ทำให้เปโตรรู้สึกตัว และการออกไปข้างนอกซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นเรื่องแปลกและทำให้คิดว่าการเล่าที่มีอยู่เดิมน่าจะมีการปฏิเสธพร้อมกับไก่ขันเพียงครั้งเดียว แล้วเปโตรจึงออกไปข้างนอก เป็นไปได้ว่าการนำเรื่องนี้มารวมกับอีกสองสำนวนซึ่งเล่าเรื่องเดียวกัน ได้ทำให้มีการปฏิเสธสามครั้ง (14:30//, 72//, ดู ยน 13:38; 21:15-17) มธ และ ลก ทำให้การรวมธรรมประเพณีต่างกันนี้เข้ากันอย่างราบรื่นกว่าโดยตัดเรื่องไก่ขันครั้งแรกออก (ลก ยังตัดการที่เปโตรออกไปข้างนอกอีกด้วย) ใน ยน การปฏิเสธครั้งแรก (18:17) แยกออกจากการปฏิเสธอีกสองครั้ง (18:25-27)