(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนเป็นโรคบวมในวันสับบาโต

14 1วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จไปเสวยพระกระยาหารที่บ้านของหัวหน้าชาวฟาริสีผู้หนึ่ง ผู้ที่อยู่ที่นั่นต่างจ้องมองพระองค์ 2ขณะนั้น ชายคนหนึ่งเป็นโรคบวมกำลังอยู่เฉพาะพระพักตร์ 3พระเยซูเจ้าจึงตรัสถามบรรดานักกฎหมายและชาวฟาริสีว่า “อนุญาตให้รักษาโรคในวันสับบาโตหรือไม่” 4แต่คนเหล่านั้นนิ่งเงียบ พระองค์จึงทรงพยุงผู้ป่วยขึ้น ทรงรักษาเขา แล้วให้กลับไป 5พระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นอีกว่า “ถ้าผู้ใดมีบุตรaหรือมีโคตกลงไปในบ่อ จะไม่รีบฉุดขึ้นมาทันทีแม้เป็นวันสับบาโตหรือ” 6แต่คนเหล่านั้นตอบคำถามนี้ไม่ได้

การเลือกที่นั่งในงานเลี้ยง

7พระเยซูเจ้าทรงสังเกตเห็นผู้รับเชิญต่างเลือกที่นั่งที่มีเกียรติ จึงตรัสเป็นอุปมากับเขาว่า 8“เมื่อมีใครเชิญท่านไปในงานมงคลสมรส อย่าไปนั่งในที่ที่มีเกียรติ เพราะถ้ามีคนสำคัญกว่าท่านได้รับเชิญมาด้วย 9เจ้าภาพที่เชิญท่านและเชิญเขาจะมาบอกท่านว่า ‘จงให้ที่นั่งแก่ผู้นี้เถิด’ แล้วท่านจะต้องอับอายไปนั่งที่สุดท้าย 10แต่เมื่อท่านได้รับเชิญ จงไปนั่งในที่สุดท้ายเถิด เพื่อเจ้าภาพที่เชิญท่านจะมาบอกท่านว่า ‘เพื่อนเอ๋ย จงไปนั่งในที่ที่ดีกว่านี้เถิด’ แล้วท่านจะได้รับเกียรติต่อหน้าผู้ร่วมโต๊ะทั้งหลาย 11เพราะทุกคนที่ยกตนขึ้น จะถูกกดให้ต่ำลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น”

การเลือกเชิญแขก

12พระองค์ตรัสกับผู้ที่เชิญพระองค์ว่า “เมื่อท่านจัดเลี้ยงอาหารกลางวันหรืออาหารค่ำ อย่าเชิญมิตรสหาย พี่น้องหรือเพื่อนบ้านที่มั่งมี เพราะเขาจะเชิญท่านและท่านจะได้รับการตอบแทน 13แต่เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง จงเชิญคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด 14แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะคนเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านได้ ท่านจะได้รับการตอบแทนจากพระเจ้าเมื่อผู้ชอบธรรมกลับคืนชีวิต”

ข้ออ้างของแขกรับเชิญ

15ผู้ร่วมโต๊ะคนหนึ่งได้ยินเช่นนี้จึงทูลพระองค์ว่า “ผู้ที่กินอาหารในพระอาณาจักรของพระเจ้าย่อมเป็นสุข” 16พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ชายผู้หนึ่งจัดงานเลี้ยงใหญ่และเชิญคนเป็นจำนวนมาก 17เมื่อถึงเวลางาน เขาส่งผู้รับใช้ไปบอกผู้รับเชิญทั้งหลายว่า ‘เชิญมาเถิด ทุกอย่างพร้อมแล้ว’ 18แต่ทุกคนต่างขอตัว คนแรกพูดว่า ‘ข้าพเจ้าได้ซื้อที่นาไว้แปลงหนึ่ง จำเป็นต้องไปดู จึงขออภัยที่มางานเลี้ยงไม่ได้’ 19อีกคนหนึ่งพูดว่า ‘ข้าพเจ้าซื้อโคไว้ห้าคู่ กำลังจะไปทดลองใช้งาน จึงขออภัยที่มางานเลี้ยงไม่ได้’ 20อีกคนหนึ่งพูดว่า ‘ข้าพเจ้าเพิ่งแต่งงาน จึงมาไม่ได้’

21ผู้รับใช้กลับมารายงานทุกอย่างแก่นายของตน นายโกรธมาก พูดกับผู้รับใช้ว่า ‘จงรีบออกไปตามลานสาธารณะและตามถนนในเมือง จงพาคนยากจน คนพิการ คนตาบอด และคนง่อยเข้ามาที่นี่เถิด’b 22ผู้รับใช้กลับมาบอกนายว่า ‘นายขอรับ ข้าพเจ้าทำตามคำสั่งของท่านแล้ว แต่ยังมีที่ว่างอีก’ 23นายจึงบอกผู้รับใช้ว่า ‘จงออกไปตามทางเดินและตามรั้วcต้นไม้ เร่งเร้าผู้คนให้เข้ามาเพื่อทำให้คนเต็มบ้านของเรา 24เราบอกท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ที่ได้รับเชิญคนใดจะได้ลิ้มรสอาหารของเรา’”

การสละทุกสิ่งซึ่งเป็นที่รัก

25ประชาชนจำนวนมากกำลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาตรัสกับเขาทั้งหลายว่า 26“ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าdบิดามารดา ภรรยาe บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้ 27ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้”

การสละทรัพย์สมบัติ

28“ท่านที่ต้องการสร้างหอคอย จะไม่คำนวณค่าใช้จ่ายก่อนหรือว่ามีเงินพอสร้างให้เสร็จหรือไม่ 29มิฉะนั้นเมื่อวางรากฐานไปแล้ว แต่สร้างไม่สำเร็จ ทุกคนที่เห็นจะหัวเราะเยาะเขา พูดว่า 30‘คนนี้เริ่มก่อสร้าง แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้’ 31หรือกษัตริย์ที่ทรงยกทัพไปทำสงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง จะไม่ทรงคำนวณก่อนหรือว่า ถ้าใช้กำลังพลหนึ่งหมื่นคน จะเผชิญกับศัตรูที่มีกำลังพลสองหมื่นคนได้หรือไม่ 32ถ้าไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งยังอยู่ห่างไกล พระองค์จะได้ทรงส่งทูตไปเจรจาขอสันติภาพ 33ดังนั้น ทุกท่านที่ไม่ยอมสละทุกสิ่งที่ตนมีอยู่f ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้”

เกลือจืด

34“เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าเกลือจืดไปแล้ว จะเอาสิ่งใดมาทำให้เค็มได้ 35เกลือนั้นย่อมไม่มีประโยชน์ทั้งสำหรับดินและสำหรับเป็นปุ๋ย มีแต่จะถูกโยนทิ้งเท่านั้น ใครมีหูสำหรับฟัง ก็จงฟังเถิด”

 

14 a “บุตร” บางฉบับว่า “ลา”

b ในเอกสารที่พบได้ที่คุมราน คนอัมพาต คนตาบอด และคนพิการจะถูกคัดออกไม่ให้เข้าร่วมสงครามในวาระสุดท้าย พวกนี้จึงไม่มีโอกาสเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองที่จะตามมาด้วย

c ในข้อ 21 กล่าวถึง “ลานสาธารณะและถนนในเมือง” ส่วนข้อ 23 กล่าวถึง “ทางเดินและรั้วต้นไม้” นอกเมือง เรื่องนี้จึงน่าจะหมายถึงบุคคลสองกลุ่ม คือชาวอิสราเอลที่ยากจนและมีมลทินพวกหนึ่ง และบรรดาคนต่างศาสนาอีกพวกหนึ่ง “การเร่งเร้า” ให้คนด้อยโอกาสเหล่านี้เข้ามาในงานเลี้ยง ต้องการแสดงเพียงว่าพระหรรษทานสามารถช่วยเหลือแม้แต่ผู้ที่ไม่เตรียมพร้อม ไม่หมายความว่าพระหรรษทานฝ่าฝืนอิสรภาพของมโนธรรม แต่ในประวัติศาสตร์เคยมีผู้เข้าใจความหมายของข้อความนี้ผิดไปและบังคับคนต่างศาสนาให้กลับใจ

d “รักเรามากกว่า” ตามตัวอักษร “เกลียด” เป็นสำนวนภาษาฮีบรู พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องการตัดใจเสียสละ มิใช่ความเกลียดชัง (เทียบ 9:57-62)

e “ภรรยา” มีเฉพาะใน ลก เท่านั้น แสดงว่า ลก ต้องการเชิญชวนให้คริสตชนบำเพ็ญตบะโดยถือโสดด้วย (เทียบ 1 คร 7 ดู ลก 18:29 อีกด้วย)

f พระวาจานี้เป็นเงื่อนไขสำหรับศิษย์ทุกคน ลก ดูเหมือนจะไม่แยกแยะอัครสาวกจากศิษย์อื่นๆ (ดู มธ 1:17 เชิงอรรถ f)