“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2014
สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา
วว 11:4-12…
(ข้าพเจ้ายอห์น ได้ยินเสียงจากวรรค์พูดกับข้าพเจ้าว่า...) 4พยานนี้คือต้นมะกอกเทศสองต้นและเชิงประทีปสองเชิงที่ตั้งอยู่เฉพาะพระ พักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าของแผ่นดิน 5ผู้ใดต้องการทำร้ายพยานนี้ ไฟจะพลุ่งออกจากปากของพยานมาเผาผลาญบรรดาศัตรู ผู้ใดต้องการทำร้ายพยาน ผู้นั้นจะต้องถูกฆ่าเช่นนี้ 6พยานนี้มีอำนาจปิดท้องฟ้ามิให้ฝนตกตลอดเวลาที่เขาประกาศพระวาจา เขามีอำนาจเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นเลือด และมีอำนาจทำให้แผ่นดินประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ทุกครั้งที่เขาต้องการ

7เมื่อเสร็จสิ้นการเป็นพยานแล้ว สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากบาดาล จะสู้รบกับพยานนี้ จะมีชัยชนะและฆ่าพยาน 8ศพของพยานจะอยู่ที่ลานของนครใหญ่ ซึ่งเรียกเป็นสัญลักษณ์ว่าโสดมและอียิปต์ ณ ที่นั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาถูกตรึงกางเขน 9ประชาชนหลายประเทศ หลายเผ่า หลายภาษา หลายชาติจะมองดูศพของพยานอยู่สามวันครึ่ง และไม่ยอมให้นำศพไปฝังไว้ในคูหา 10ผู้อาศัยบนแผ่นดินจะยินดีที่เขาตาย จะฉลองและแลกเปลี่ยนของขวัญกัน เพราะประกาศกทั้งสองคนนี้ทรมานบรรดาผู้อาศัยอยู่บนแผ่นดินด้วย”
11สามวันครึ่งหลังจากนั้น พระเจ้าจะทรงเป่าลมปราณแห่งชีวิตเข้าไปในพยานทั้งสองคนเขาจะลุกขึ้นยืน ทุกคนที่แลเห็นจะหวาดกลัวอย่างมาก 12พยานทั้งสองคนได้ยินเสียงดังจากสวรรค์ว่า “จงขึ้นมาข้างบนเถิด” ทั้งสองคนจึงขึ้นไปในหมู่เมฆสู่สวรรค์ขณะที่บรรดาศัตรูกำลังมองดู


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

ประเด็นสำคัญเพื่อเข้าใจพระคัมภีร์ตอนนี้
• พยานสองคน หรือ ต้นมะกอกเทศสองต้น

o ในหนังสือประกาศกเศคาริยาห์ ต้นมะกอกเทศสองต้นเป็นสัญลักษณ์ หมายถึง โยชูวาและเศรุบบาเบล ผู้นำด้านศาสนาและด้านการเมืองของชาวยิวที่กลับจากเนรเทศ ซึ่งได้ปฏิสังขรณ์พระวิหารและสร้างเมืองขึ้นใหม่หลังการเนรเทศ 

o ในที่นี้ “ต้นมะกอกเทศ” อาจหมายถึงสองวีรบุรุษที่จะต้องสร้างพระวิหารใหม่ คือพระศาสนจักรของพระคริสตเจ้า ที่บรรยายไว้ใน (ข้อ 5-6,11-12) โดยใช้ลักษณะของโมเสสและเอลียาห์ (เทียบ มธ 17:3; มก 9:2-8) 

o เป็นการยากจะบอกว่าวีรบุรุษทั้งสองนี้เป็นใคร บางคนเสนอว่าน่าจะเป็นเปโตรและเปาโลซึ่งถูกประหารเป็นมรณสักขีที่กรุงโรมใน รัชสมัยของพระจักรพรรดิเนโร (ดู ข้อ 7-8;)


• สัตว์ที่ขึ้นมาจากบาดาล ในหนังสือวิวรณ์อาจหมายถึงจักรพรรดิเนโรผู้ทำร้ายและเบียดเบียนคริสตชน รูปแบบของผู้ต่อต้านพระคริสตเจ้า (เทียบ 13:1,18; 17:8;) และแน่นอนหมายถึงผู้มีอำนาจเบียดเบียนคริสตชน เบียดเบียนพระศาสนจักรของพระคริสตเจ้า

• นครใหญ่ในที่นี้คือบาบิโลน 

o ในหนังสือวิวรณ์นี้หมายถึง กรุงโรม (ดู 16:19; 17:18; 18:10,16,18,19;) 

o ที่นครใหญ่ในภาพของหนังสือวิวรณ์ได้ให้นามกับกรุงโรมว่า “โสโดมและอียิปต์” เพราะกรุงโรมได้กระทำผิดสองถึงสามประการ คือ
1. ปฏิเสธไม่ยอมรับผู้นำสารของพระเจ้าและกดขี่ประชากรของพระ คริสตเจ้า (ดู 17:4-6;) ในที่นี้ นครใหญ่ยังหมายถึงกรุงเยรูซาเล็มซึ่งเป็นทั้งนครศักดิ์สิทธิ์ (11:1;) 
2. และยังได้ "ฆ่าบรรดาประกาศก" หรือกล่าวได้ว่าได้ฆ่าแม้กระทั้งนักบุญเปาโตรและเปาโล และบรรดาคริสตชนจำนวนมาก ที่เราได้พบและฝังอยู่ในคาตากอมบ์ที่กรุงโรม ด้วย (มธ 23:37)
3. นอกจากนั้น กรุงโรม ยังเป็นเมืองที่ฟุ้งเฟ้อ และเต็มไปด้วยราคะและการค้าขายชีวิตมนุษย์...
ข้อคำสอนและข้อไตร่ตรองสำหรับพระวาจาวันนี้ 


• พี่น้องที่รัก แน่นอนที่สุด หนังสือวิวรณ์แต่ละตอน รวมทั้งตอนนี้ด้วยมีความยากในที่จะเข้าใจสำหรับเราผู้อ่านในปัจจุบันเพราะมี การใส่สำนวนภาษา และใส่รหัสจำนวนไม่น้อยตามแบบของวิวรณ์.. แต่ถ้าเราถอดความอย่างดีๆ เราจะพบคำสอนและประเด็นสำคัญๆ ต่อไปนี้

• พ่อขอนำเสนอความเข้าใจข้อคำสอนของพระวาจาตอนนี้ดังนี้ครับ

o “พยานสองคน” สะท้อนถึงบุคคลที่กล้าหาญเป็นประจักษ์พยานถึงความจริงและความรักของพระเจ้า แม้ว่าจะต้องถูกเบียดเบียนข่มเหงหรือแม้แต่ต้องสะชีวิตเพื่อยืนยันถึงความ รักและความจริงก็ตาม.. พยานสองคนถูกเปรียบเหมือน “ต้นมะกอกเทศ” สองต้น ต้นมะกอกเทศในความหมายของพระคัมภีร์ หมายถึง “ชีวิตนิรันดร” ความเติบโตและเกิดผลดีตลอดไป น้ำมันจากมะกอก ผลมะกอก ใบมะกอก ในบริบทของความเข้าใจต้นมะกอกคือใช้ได้ มีคุณประโยชน์ทุกส่วน ไม่มีส่วนใดที่จะต้องทิ้งให้เสียไปเลยแม้แต่น้อย ทุกส่วนใช้ประโยชน์ได้จริงๆ

o ดังนั้น การเป็นประจักษ์พยานด้วยชีวิตถึง... “ความเชื่อในองค์พระคริสตเจ้าผู้ทรงรักเราจนถึงกับสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อเรา” การเป็นประจักษ์พยานนี้มิได้เสียหายหรือทำให้ต้องสิ้นหวัง หนังสือวิวรณ์ยืนยันว่า พระเจ้าทรงกระทำให้พยานของพระองค์มีพลังมากมายเพื่อเป็นพลังถึงพระองค์จริงๆ กระแสโลกแม้รุนแรง ทำร้าย ต่อต้าน และทำลายชีวิตของพยานของพระเจ้า ถึงที่สุด แม้พยานต้องเสียชีวิตเพื่อเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้าและความรักของพระองค์ ก็อาจจะเป็นความจริงของกระแสโลก ดูเหมือนกระแสโลกจะยินดีที่ทำลายชีวิตของบรรดา “คนดี” หรือ “คนดีจะแพ้” ก็ตาม 

o เพราะพระคัมภีร์ให้ภาพลักษณ์ของความชั่วร้ายของกระแสโลกและกระแสโลภ เปรียบเป็นภาพของ “สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากบาดาล จะสู้รบกับพยานนี้ จะมีชัยชนะและฆ่าพยาน” สัตว์ร้ายคือความชั่วร้ายหรือปีศาจร้ายที่เบียดเบียนบรรดาคริสตชน เบียดเบียนประชากรของพระเจ้า พี่น้องที่รัก..กระแสโลก กระแสโลภ กระแสของความเห็นแก่ตัวและไร้ศาสนาไร้พระเจ้าก็เป็นเช่นนี้จริงๆ เป็นดังสัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากบาดาลซึ่งเป็นภาพลักษณ์ของที่รวมความชั่วร้าย ที่ตรงกันข้ามกับพระเจ้าผู้ทรงอยู่เบื้องบน

o ดูเหมือนว่า คนดี คนมีศาสนา คนมีพระเจ้าจะต้องพ่ายแพ้จริง เพราะพยานถึงพระจ้าต้องถูกทำร้ายและทำลาย... พระคัมภีร์ให้ภาพลักษณ์แบบวิวรณ์ว่า...“ศพของพยานจะอยู่ที่ลานของนครใหญ่ ซึ่งเรียกเป็นสัญลักษณ์ว่าโสดมและอียิปต์ ณ ที่นั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาถูกตรึงกางเขน ประชาชนหลายประเทศ หลายเผ่า หลายภาษา หลายชาติจะมองดูศพของพยานอยู่สามวันครึ่ง และไม่ยอมให้นำศพไปฝังไว้ในคูหา ผู้อาศัยบนแผ่นดินจะยินดีที่เขาตาย จะฉลองและแลกเปลี่ยนของขวัญกัน เพราะประกาศกทั้งสองคนนี้ทรมานบรรดาผู้อาศัยอยู่บนแผ่นดินด้วย”

o ดูเหมือนประชาชน กระแสโลกจะเริงร่าและได้รับชัยชนะเหนือคนดี เหนือคนชอบธรรม และถ้าจะกล่าวถึงพระศาสนจักรสมัยโรมันเบียดเบียนต้องยอมรับว่า อาณาจักรโรมันได้ฆ่าทำลายคริสตชนจำนวนมาก ทำลายความนับถือพระเยซูคริสตเจ้า เราทราบเรื่องนี้ดีในประวัติศาสตร์ ซึ่งแม้แต่ท่านนักบุญเปโตรและเปาโลก็ถูกประหารชีวิตที่กรุงโรมเช่นกัน ดังนั้น ดูเหมือว่า ความเชื่อศรัทธาในพระเยซูเจ้าซึ่งแสดงออกในเรื่องพยานสองคนที่ต้องถูกทำลาย และไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีใครสนใจแม้แต่จะฝังศพของเขา และประชาชนต่างก็ฉลองกันที่ศรัทธาในพระเจ้าถูกทำลาย

o แต่ถ้าเราอ่านถึงข้อสุดท้ายของพระวาจาวันนี้ เราจะเห็นความจริง ความเหนือชั้น ของความเชื่อ เหนือชีวิตเลวร้ายใต้บาดาลของสัตว์ร้ายในภาพลักษณ์ของวิวรณ์.. เพราะธรรมวิวรณ์เขียนไว้ว่า... “สามวันครึ่งหลังจากนั้น พระเจ้าจะทรงเป่าลมปราณแห่งชีวิตเข้าไปในพยานทั้งสองคนเขาจะลุกขึ้นยืน ทุกคนที่แลเห็นจะหวาดกลัวอย่างมาก พยานทั้งสองคนได้ยินเสียงดังจากสวรรค์ว่า “จงขึ้นมาข้างบนเถิด” ทั้งสองคนจึงขึ้นไปในหมู่เมฆสู่สวรรค์ขณะที่บรรดาศัตรูกำลังมองดู” มีความหมายที่พ่อสามารถถอดรหัสจากวิวรณ์ตอนนี้ได้ดังนี้

1. จำนวน “สามวันครึ่ง” ถ้าจะแปล คือ “จำนวนที่จำกัดมากๆ นิดเดียวเอง” เลข สามครึ่งในความหมายวิวรณ์คือ “จำกัด” กล่าวได้ว่า ต่อให้มีความเลวร้าย ทำให้เห็นว่า ไม่นานหรอกความเลวร้ายเอ๋ย เจ้าจะครองความชั่วเหนือคนดีได้มีนานเลย เดี๋ยวเดียวทำนั้นที่ความชั่วร้ายดูเหมือนได้รับชัยชนะแต่มันเป็นชั่วขณะ เท่านั้น.... ความจริงเรื่องนี้พ่อก็เห็นจริง จากความชั่วร้ายในปัจจุบัน คนไม่ดีที่เป็นใหญ่ โกงกิน ทำร้าย ทำลาย (ทำได้แนบเนียนแบบดูดีเป็นใหญ่เป็นโตปกครองประเทศ โกงกินประเทศแบบแทบทำให้ประเทศชาติหมดเนื้อหมดตัวด้วยกลโกงและ เล่ห์เหลี่ยม.. สร้างพรรค ซื้อพรรค (การเมือง) ที่สุด... ก็ได้ระยะหนึ่ง จนคนทนไม่ไหว อำนาจที่ซื้อมาแทรกซึมอยู่ แต่ก็ต้องเร่ร่อนไปกับความรวยที่ไร้ศักดิ์ศรี) ก็ได้ระยะหนึ่งเท่านั้น ถ้าเป็นความเลวร้ายเหมือนสัตว์ร้าย ดังเช่นจักรวรรดิโรมันเองก็ล่มสลายไปเหมือนบาบิโลน ฯลฯ

2. พระเจ้าเท่านั้นคือชัยชนะ คือ ผู้ประทานชีวิตให้แก่ผู้เชื่อในพระองค์ เหมือนพยานสองคนแม้สิ้นชีวิต แต่ “พระเจ้าจะทรงเป่าลมปราณแห่งชีวิตเข้าไปในพยานทั้งสองคนเขาจะลุกขึ้นยืน” พี่น้องที่รัก ชีวิตเราดำเนินไปในความเชื่อในพระเจ้า เดินไปในความดีเถอะครับ เรามีพลังของพระเจ้า เรามีชีวิตนิรันดร แม้ที่สุดดูเหมือนว่าความชั่วร้ายจะโดดเด่น แต่คริสตชนคนดีจะได้รับการกลับคืนชีพสู่ชีวิตนิรันดรครับ นี่คือความเชื่อของเราในพระคริสตเจ้า

3. พ่อจำมาตั้งแต่เด็ก คำสอนความเชื่อของเราคริสตชน “บ้านแท้ของเราคือชีวิตนิรันดรในสวรรค์” ดังนั้น พออยากจะบอกด้วยคำของพระคัมภีร์จริงๆครับ ชีวิตของเราคือประจักษ์พยานถึงพระคริสตเจ้า... ไม่ต้องกลัว เราเป็นเหมือนมะกอกเทศที่มีค่าทุกอณูของชีวิตหรือทุกลมหายใจ และชีวิตของเราจะได้สันติสุขและความรอดตลอดนิรันดรเพราะเราเชื่อในพระองค์ ลมหายใจของเรามีลมแห่งชีวิตขอพระจิตเจ้าสถิตกับเรา เราจึงต้องเจริญชีวิตในกระแสโลก กระแสโลภ ด้วยพลังแห่งความรักและศรัทธาในพระเจ้าองค์ความรักเสมอไป...

• พี่น้องที่รัก และวันนั้นเมื่อวาระสุดท้ายของเราคริสตชน... เราแต่ละคนซึ่งเจริญชีวิตเป็นประจักษ์พยานถึงพระคริสตเจ้า พวกเราทุกคนจะเป็นเหมือนต้นมะกอกเทศคือชีวิตนิรันดร และเราจะเป็นดังที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “พยานทั้งสองคนได้ยินเสียงดังจากสวรรค์ว่า “จงขึ้นมาข้างบนเถิด” ทั้งสองคนจึงขึ้นไปในหมู่เมฆสู่สวรรค์ขณะที่บรรดาศัตรูกำลังมองดู”


• ปลายปีพิธีกรรมแล้วครับ... พ่ออยากจะกล่าวว่า “สู้ๆนะครับ” ในการเป็นคริสตชนคนดีเสมอไป... ขอพระเจ้าอวยพรครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก