“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม 2017
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา
กจ 14:5-18…..
5แต่เมื่อคนต่างศาสนาและชาวยิวร่วมกับบรรดาผู้ปกครองเมืองวางแผนจะทำร้ายและใช้ก้อนหินขว้างเปาโลและบารนาบัส 6ทั้งสองคนรู้เรื่อง จึงหลบหนีไปที่เมืองลิสตรา เมืองเดอร์บีและชนบทรอบ ๆ ในแคว้นลิคาโอเนีย 7ทั้งสองคนประกาศข่าวดีที่นั่นด้วย


8ที่เมืองลิสตรา ชายคนหนึ่งยืนไม่ได้ เพราะเป็นง่อยมาแต่กำเนิด เขานั่งอยู่กับที่ไม่เคยเดินเลย 9เขากำลังฟังเปาโลพูด เปาโลจ้องมองดูเขา เห็นว่าเขามีความเชื่อพอจะรับการรักษาให้หายจากโรคได้ 10จึงพูดเสียงดังว่า “จงลุกขึ้นยืนเถิด” ชายคนนั้นก็กระโดดขึ้นและเริ่มเดินไป
11เมื่อประชาชนเห็นสิ่งที่เปาโลกระทำ จึงร้องเป็นภาษาลิคาโอเนียว่า “พระเจ้าทรงแปลงเป็นมนุษย์เสด็จลงมาหาเราแล้ว” 12เขาเรียกบารนาบัสว่า “พระซุส” และเรียกเปาโลว่า “พระเฮอร์เมส” เพราะเปาโลเป็นคนพูดเก่งกว่า 13สมณะจากพระวิหารของพระซุสที่อยู่ใกล้ประตูเมือง จูงวัวหลายตัวประดับพวงมาลัยมาที่ประตูเมือง และพร้อมใจกับประชาชนต้องการถวายบูชาแก่เปาโลและบารนาบัส
14เมื่ออัครสาวกบารนาบัสและเปาโลรู้เช่นนี้ ก็ฉีกเสื้อผ้าของตนวิ่งผลุนผลันเข้าไปกลางกลุ่มชนร้องว่า 15”เพื่อนเอ๋ย ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้เล่า เราทั้งสองคนเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนท่านทั้งหลาย เรากำลังประกาศข่าวดีให้ท่านทั้งหลายละทิ้งสิ่งที่ไร้สาระเหล่านี้หันมาหาพระเจ้าผู้ทรงชีวิต ผู้ทรงสร้างฟ้า สร้างแผ่นดิน สร้างทะเล และสร้างทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น 16ในอดีต พระเจ้าทรงยอมให้นานาชาติดำเนินไปตามทางของตน 17พระองค์ทรงแสดงพระองค์ทรงกระทำดีอยู่เสมอ ประทานฝนจากฟ้าและประทานพืชผลตามฤดูกาลแก่ท่าน ประทานอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์และทรงบันดาลให้ใจของท่านเปี่ยมด้วยความยินดี” 18ทั้ง ๆ ที่พูดเช่นนี้ บารนาบัสและเปาโลก็ห้ามประชาชน ถวายเครื่องบูชาแก่ตนเกือบไม่ได้

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “พระซุส กับพระเฮอร์เมส คือ บาร์นาบัสกับเปาโล” กลายเป็นเทพไปแล้ว... เพราะกิจการดีที่ได้กระทำ เพราะการอัศจรรย์ที่ท่านทั้งสองได้กระทำในพระนามพระเยซูคริสตเจ้า และที่เมืองลิสตราทั้งสองได้ถูกยกย่องว่าเป็นพระเจ้าไปเสียแล้ว...

• พวกประชาชนเห็นอำนาจการอัศจรรย์และคิดว่า นี่เป็นเทพที่จำแลงกายลงมาจริงๆ... จนกระทั่งทั้งสองต้องอธิบายและห้ามปรามมิให้พวกเขาคิดและกระทำเช่นนั้น...

• พี่น้องที่รัก พ่อคิดว่าเรื่องนี้มีคำสอนดีสำหรับชีวิตของเรามากมาย
o โดยเฉพาะคำสอนสำหรับพ่อเองที่เป็นพระสงฆ์ หรือบรรดานักบวช...
o พ่อแน่ใจ เพราะว่า อันที่จริงก็เป็นเช่นนั้นบ่อยๆ ในประเทศไทยของเรา ในสังคมของเรา สังคมที่ให้เกียรติพระสงฆ์มากให้เกียรตินักบวชมากเหลือเกิน
o จนพ่อเองก็รู้สึกว่าบ่อยครั้งเราเองถูกยกย่องสูงเกินจริงๆ บรรดาสัตบุรุษให้เกียรติพระสงฆ์นักบวช ก็เป็นสิ่งที่งดงามมากเสมอมา เป็นธรรมเนียมของเราคนไทยที่ดีที่ให้เกียรติพระสงฆ์ และพ่อก็เป็นพระสงฆ์คนหนึ่ง...
o พ่อมีความรู้สึกในใจที่เชื่อว่าคงไม่ผิดที่พ่อจะกล่าวถึงความรู้สึกของพ่อบ้างในบทเทศน์วันนี้...

• พี่น้องที่รัก พ่อรู้สึกเสมอว่า พ่อหรือพระสงฆ์ บ่อยครั้งเราได้รับเกียรติมากเกินไป

• พ่ออยากให้ความรู้สึกของเปาโลกับบาร์นาบัสมาเป็นข้อคิดสำหรับวันนี้...

• “เพื่อนเอ๋ย ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้เล่า เราทั้งสองคนเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนท่านทั้งหลาย เรากำลังประกาศข่าวดีให้ท่านทั้งหลายละทิ้งสิ่งที่ไร้สาระเหล่านี้หันมาหาพระเจ้าผู้ทรงชีวิต ผู้ทรงสร้างฟ้า สร้างแผ่นดิน สร้างทะเล และสร้างทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น”

• พ่อรู้สึกจริงๆ และยอมรับความจริงว่า เราไม่ได้ต่างไปจากพี่น้องนะครับ
o เราเป็นคริสตชนด้วยกัน
o เราต่างกันก็ที่กระแสเรียกที่เรียกให้เรารับใช้พระเจ้าในรูปแบบที่ต่างกันไป
o พระสงฆ์เพื่อรับใช้พระศาสนจักรเพื่อรับใช้สัตบุรุษ เพื่อรักสัตบุรุษ เพื่อช่วยให้คริสตชนได้มีผู้รับใช้พระวาจาและศาสนกิจต่างๆ
o สัตบุรุษก็เพื่อมีกระแสเรียกเพื่อเจริญชีวิตรับใช้พระเจ้าสร้างครอบครัวและสังคมที่มีชีวิต มีพระพรแห่งชีวิต และรับใช้พระเจ้าด้วยกัน และมีกระแสเรียกให้ก้าวเดินสู่ความศักดิ์สิทธิ์... เราทุกคนต่างได้รับกระแสเรียกให้ก้าวเดินไปสู่สวรรค์ ไปสู่การเป็นนักบุญด้วยกันทุกคนมิใช่หรือ

• พ่อมีความรู้สึกลึกๆชัดเจนและเชื่อมั่นว่า
o พระเจ้าเท่านั้นผู้สมควรได้รับเกียรติสูงสุด และ
o เราต่างก็ต้องให้เกียรติต่อกันและกันจริงๆด้วยความจริงใจ ไม่มีใครสำคัญกว่ากันหรอก เพราะเราต่างสำคัญตามหน้าที่ของเราต่อพระพักตร์พระเจ้า...
o เราต่างก็ต้องรักกันและกันให้มากที่สุด
o พระสงฆ์ไม่ต้องมีครอบครัวเพื่ออะไร... คำตอบคือเพื่อว่าพระสงฆ์จะได้มีอิสระที่จะรับใช้มากที่สุด ที่จะรักทุกคนได้อย่างสุดหัวใจด้วยหัวใจที่ไม่แบ่งแยก และด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ปราศจากเงื่อนไข...
1. พระสงฆ์จึงต้องรักครอบครัวพี่น้องคริสตชนให้มากๆ เพราะทุกคนคือครอบครัวของพระสงฆ์ และเรียกพระสงฆ์ ว่า “พ่อ”
2. พระสงฆ์จึงต้องรักทุกครอบครัวให้มากจนหมดหัวใจ...
3. และพระสงฆ์ก็ต้องรับใช้ครอบครัวให้มากที่สุด....

o พ่อมีความรู้สึกว่าบ่อยครั้ง เพราะความคิดที่มองและรักพระสงฆ์อย่างสูงส่ง และมองพระสงฆ์ว่าเป็นพระ... ทำให้เราให้เกียรติพระสงฆ์มาก การยกย่องพระสงฆ์สูงก็ดีอยู่ แต่บ่อยครั้งก็ยกย่องจนสูงเกินไป
o พ่อคิดว่านี่เป็นสิ่งที่อาจจะดีในด้านหนึ่งคือจิตใจของสัตบุรุษดีเหลือเกิน....
o แต่อีกด้านหนึ่งก็บ่อยครั้งเป็นการทำให้พระสงฆ์หลงประเด็นไปได้เหมือนกัน
o และบ่อยครั้งความรักความใจดีของสัตบุรุษสิ่งที่แสนดีเป็นความใจดี แต่สำหรับประสงฆ์นักบวชอาจเข้าใจว่านี่เป็นสิทธิของตนเองที่สมควรได้รับซึ่งไม่ดีเลย... เราคงต้องหันมาทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ดีและงดงามที่สุด
o พระสันตะปาปาฟรังซิส พระองค์สุดยอด พระองค์ถ่อมตน สอนเรา ทุกครั้งที่มีคนเข้าเฝ้าและสนทนากับพระองค์ พระองค์จะขอเสมอว่า ภาวนาเพื่อพ่อด้วย...
o ใช่ครับ เราทุกคนต้องการคำภาวนา เราเป็นคนบาปด้วยกันทุกคน พ่อเองด้วย พระสงฆ์ นักบวชทุกคนก็ต้องสำนึก และเป็นทุกข์ถึงบาป และต้องการพระเมตตามากเช่นกัน

• พี่น้องที่รัก ความรักต่อกันของพระสงฆ์และสัตบุรุษเป็นความงดงามที่สุด เราก็รับใช้พระเจ้าและรับใช้กันและกัน เราต้องรัก ให้เกียรติกันให้มากที่สุด และช่วยเหลือกันด้วยความรักมากที่สุด

• พระสงฆ์และนักบวชทั้งหลายก็ต้องช่วยเหลือสัตบุรุษสุดชีวิต และสุดจิตใจและกระทำต่อกันเช่นนี้ด้วยความรักต่อกันและกันให้มากที่สุด

• พ่อคิดเสมอๆว่า พวกเรานักบวชพระสงฆ์ พวกเราก็เป็นมนุษย์ด้วย และเราก็มีความอ่อนแอและเป็นคนบาปเช่นกัน เราต้องจุนเจือเสริมกำลังใจแก่กันและกันให้มากที่สุด... และให้พระเจ้าทรงสูงสุดในความรักของเราต่อกันและกัน

• พ่อมีข้อเรียกร้องครับว่า
1. ให้เราขอบคุณพระเจ้าด้วยกัน
2. ให้เราสรรเสริญพระเจ้า และ
3. ให้เกียรติพระเจ้าสูงสุดในกันและกัน
4. ให้พระสงฆ์รักสัตบุรุษมากที่สุด และ
5. สัตบุรุษก็รักครอบครัวรักกันและกันและรักพระสงฆ์ของท่านด้วยเช่นกัน
6. ให้เรารู้ความจริงว่าความรักคือความเมตตา ความใจดี ความช่วยเหลือซึ่งเราทุกคนต้องมีต่อกันและกัน ซึ่งพระสงฆ์และนักบวชทั้งหลายยิ่งต้องรักและเมตตาช่วยเหลือสัตบุรุษมากที่สุด... เพราะสัตบุรุษมีครอบครัว มีความยากลำบากในสังคมมากเราจึงยิ่งรักและรับใช้พวกเขาให้มากขึ้น...
7. สรุปก็คือให้เราสรรเสริญพระเจ้าด้วยความรักต่อกันและกันเสมอ...

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก