“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 26 กันยายน 2016

สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา

โยบ 1:6-22

          วันหนึ่ง บุตรทั้งหลายของพระเจ้ามาเฝ้าพระยาห์เวห์ ซาตานมาอยู่ในหมู่เขาด้วย 7พระยาห์เวห์ตรัสถามซาตานว่า “ท่านมาจากไหน” ซาตานทูลตอบพระยาห์เวห์ว่า “มาจากการเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วแผ่นดิน” 8พระยาห์เวห์ตรัสถามซาตานอีกว่า “ท่านสังเกตเห็นโยบผู้รับใช้ของเราหรือไม่ ไม่มีใครในแผ่นดินเหมือนเขา เป็นผู้ชอบธรรมและเป็นคนดีพร้อม ยำเกรงพระเจ้าและหลีกเลี่ยงความชั่วร้าย” 9ซาตานทูลตอบพระยาห์เวห์ว่า “โยบยำเกรงพระเจ้าโดยไม่ได้รับผลตอบแทนเลยหรือ

       10พระองค์ไม่ได้ทรงกั้นรั้วรอบตัวเขา ครอบครัว และทุกสิ่งที่เขามีอยู่หรือ พระองค์ทรงอวยพรงานที่เขาทำ ฝูงสัตว์ของเขาทวีจำนวนขึ้นในแผ่นดิน 11แต่ขอพระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์แตะต้องสิ่งที่เขามีอยู่เถิด แล้วเขาจะสาปแช่งพระองค์เฉพาะพระพักตร์แน่ๆ” 12พระยาห์เวห์ตรัสกับซาตานว่า “ตกลง จงทำตามใจชอบกับทุกสิ่งที่เขามีอยู่เถิด แต่อย่ายื่นมือแตะต้องตัวเขาเลย” ซาตานจึงออกไปจากพระพักตร์พระยาห์เวห์


        13วันหนึ่ง เมื่อบุตรชายหญิงของเขากำลังกินและดื่มอยู่ในบ้านของพี่ชายคนโต 14มีคนมาแจ้งข่าวแก่โยบว่า “โคกำลังไถนาอยู่ และลากำลังกินหญ้าอยู่ใกล้ๆ นั้น 15ชาวเสบา ก็จู่โจมเข้ามาปล้น ใช้ดาบฆ่าผู้รับใช้ ข้าพเจ้าผู้เดียวหนีรอดมาบอกท่าน” 16 ขณะที่เขากำลังพูดไม่ทันจบ อีกคนหนึ่งก็เข้ามาแจ้งว่า “ไฟของพระเจ้าลงมาจากฟ้า เผาทั้งแพะแกะและผู้เลี้ยงจนหมด ข้าพเจ้าผู้เดียวหนีรอดมาบอกท่าน” 17ขณะที่เขากำลังพูดไม่ทันจบ อีกคนหนึ่งก็เข้ามาแจ้งว่า ชาวเคลเดียรวมกันเป็นสามกลุ่มจู่โจมเข้ามาปล้นอูฐและใช้ดาบฆ่าผู้รับใช้ ข้าพเจ้าผู้เดียวหนีรอดมาบอกท่าน” 18ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ไม่ทันจบ อีกคนหนึ่งเข้ามาแจ้งว่า “บุตรชายหญิงของท่านกำลังกินและดื่มอยู่ในบ้านของพี่ชายคนโต 19ทันใดนั้น ลมแรงพัดจากถิ่นทุรกันดารมากระทบบ้านทั้งสี่มุม บ้านนั้นก็พังทับคนหนุ่มสาวตายทั้งหมด ข้าพเจ้าผู้เดียวหนีรอดมาบอกท่าน”


        20โยบจึงลุกขึ้น ฉีกเสื้อคลุม โกนศีรษะแสดงความทุกข์ กราบลงหน้าจรดพื้น 21กล่าวว่า
“ข้าพเจ้าตัวเปล่าออกมาจากครรภ์มารดา
ข้าพเจ้าก็จะตัวเปล่ากลับไป
พระยาห์เวห์ประทานให้ พระยาห์เวห์ทรงเอาคืน
ขอถวายพระพรแด่พระนามพระยาห์เวห์”


         22ในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ โยบไม่ได้ทำบาปหรือกล่าวโทษพระเจ้า

 

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

โยบ... Faith under Fire
• หนึ่งในวรรณกรรมปรีชาญาณที่ยากที่สุด “โยบ”


• หนังสือโยบมีชื่อตามบุคคลหลักในหนังสือเล่มนี้ คือ โยบ ในภาษาฮีบรู iyyob หรือ ai-ia-ab-bu (ความหมายไม่ทราบแน่ชัด) เพราะเป็นคำที่เพี้ยนมาโดยตั้งใจก็เป็นได้... iyyob น่าจะมาจากฮีบรูทางเหนือ คือ oyyeb แปลวา “ศัตรู” เพราะตลอดเรื่องราวการเสวนา ดูเหมือนโยบเป็นคู่กรณีกับพระเจ้า กับเพื่อนๆ และทุกคน


• หนังสือโยบนี้ต้องเรียกว่า มหัศจรรย์ที่สุด เป็นยุดยอดวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่มากในยุคโบราณ “โครงสร้างหนังสือโยบ” สำคัญมาก มีความเป็นศิลปะทางวรรณกรรมสูงมาก เป็นงานชิ้นเอกของวรรณกรรมปรีชาญาณ ไม่ง่ายที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ วิธีการอ่าน ต้องเข้าใจโครงสร้างชัดๆและอ่านอย่างไตร่ตรองมากๆ

หนังสือโยบ สาระสำคัญ

 

• ปัญหาเรื่องความทุกข์ ความเจ็บป่วยของโยบ ความปรารถนาที่จะหาคำตอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แบบวรรณกรรม เป็นคำประพันธ์ เรื่องเล่าที่เต็มไปด้วยดราม่ามากๆ จิตวิทยาก็มากด้วย


• หัวใจหลักคือ ธรรมล้ำลึกที่ซ่อนอยู่ในความทุกข์ระทมของคนที่บริสุทธิ์ คนที่ชอบธรรมที่สุด แต่ก็ต้องความระทมทุกข์


• คำถามของหนังวรรณกรรมปรีชาญาณนี้คือ “ทำไม” Why? พระเจ้าอนุญาตให้คนบริสุทธิ์และคนชอบธรรมต้องระทมทุกข์... ตลอดหนังสือดูเหมือนพยายามหา “เหตุผล หาคำตอบที่จะต้องสามารถอธิบายต่อคำถามนี้ให้ได้”


• เบื้องหลัง
o ในอิสราเอล ประชาชนอิสราเอลมีความเชื่อมั่น พอใจ ปลอดภัย และมั่นใจว่าพระเจ้าคือหลักประกัน และมั่นใจว่าพระเจ้าจะต้องประทานรางวัลให้คนดี และลงโทษคนชั่วอย่างแน่นอน
o ความเชื่อนี้ดูเหมือนดำเนินไปอย่างไม่มีความสงสัยใดๆ... จนถึงยุคของประกาศเยเรมีย์และฮาบากุก...
       ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเที่ยงธรรม เกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะโต้เถียงพระองค์ ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็ยังอยากถามพระองค์เรื่องความยุติธรรม ทำไมวิถีชีวิตของคนชั่วร้ายจึงเจริญขึ้น เหตุไฉนผู้ทรยศทุกคนจึงอยู่อย่างเป็นสุข (ยรม 12:1)
       พระเนตรของพระองค์บริสุทธิ์เกินกว่าจะทอดพระเนตรเห็นความชั่ว หรือทรงทนมองดูการกดขี่ข่มเหงได้ แล้วทำไมพระองค์จึงทอดพระเนตรเห็นคนทรยศ และทรงนิ่งอยู่เมื่อคนอธรรมกลืนผู้ชอบธรรมกว่าตน (ฮบก 1:13)
o ช่วงเวลาของการเนรเทศ Exilic Period ชาวอิสราเอล ยูดาห์ บ่น ตัดพ้อว่าพวกเขาถูกลงโทษเพราะบาปของบรรพบุรุษ แล้วทำไมกรรมเคราะห์ต้องมาตกอยู่กับพวกตน ในช่วงเวลาเนรเทศนี่เอง
o ประกาศกเอเสเคียลได้เน้นย้ำสอนพวกเขา ที่พวกเขาต้องรับผิดต่อบาปของตน
o ช่วงใกล้สิ้นสุดการเนรเทศ อิสยาห์ที่สอง บทที่ 53 ได้ให้คำตอบเรื่องเคราะห์กรรมและการเนรเทศนี้บ้างบางส่วน... ด้วยภาพลักษณ์ของผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ที่บริสุทธิ์แต่ต้องทุกข์ระทม “2ผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์เติบโตเฉพาะพระพักตร์เหมือนต้นไม้อ่อน เหมือนรากไม้ในดินแห้ง เขาไม่มีความสง่าหรือความงามใดที่จะดึงดูดสายตาของเรา เขาไม่มีหน้าตาที่ชวนมองเลย 3ทุกคนดูถูกและเหยียดหยามเขา เขาเป็นคนที่ต้องทนทุกข์และต้องเจ็บปวด เป็นเหมือนคนที่ใครๆเบือนหน้าหนี เขาถูกสบประมาท ไม่มีผู้ใดสนใจเลย 4โดยแท้จริงแล้ว เขาแบกความทุกข์ทรมานของพวกเรา เขารับความเจ็บปวดของพวกเราไว้ แล้วเรากลับคิดว่าเขาถูกพระเจ้าทรงลงโทษถูกโบยตีและได้รับความอัปยศ 5เขาถูกแทงเพราะการล่วงละเมิดของพวกเรา ถูกขยี้เพราะความผิดของเรา การลงโทษที่นำสันติสุขมาให้เรากลับตกอยู่กับเขา รอยแผลถูกโบยตีของเขารักษาเราให้หายเป็นปกติ 6เราทุกคนหลงทางไปเหมือนฝูงแกะ ต่างคนต่างไปตามทางของตน แต่พระยาห์เวห์ทรงให้ความผิดของเราทุกคนตกอยู่กับเขา”


o ปัญหาเรื่องความทุกข์ของผู้บริสุทธิ์นี้ยากที่จะตอบ เพราะอันที่จริงคนที่เขียนหนังสือโยบ เขาเองก็ไม่เคยรู้ลิ้มรสความตายเช่นกัน...
        ผู้เขียนเชื่อในเรื่องการให้รางวัลคนดีและลงโทษคนชั่ว แต่ชีวิตในโลกนี้แสนสั้นและไม่ใช่จุดจบ ชีวิตที่แสนสั้นของมนุษย์ อาจสิ้นเนื้อประดาตัว อาจยากไร้ ไม่มีความสุข และต้องสิ้นชีวิต จึงเห็นได้ว่า คนชั่วก็ต้องเจอชะตากรรมแบบนี้เพราะบาป สรุปว่าบาปทำให้ต้องทุกข์ทรมาน
         ผู้นิพนธ์ได้พยายามอย่างมากตลอดทั้งเล่มของหนังสือโยบ เพื่อปกป้องพระยุติธรรมของพระเจ้าในโลกนี้... และก็เห็นความจริงว่าคนชั่วไม่ได้ถูกลงโทษให้เห็นเสมอไป
o บทสรุปสุดท้ายของผู้นิพนธ์ แท้จริงคืออะไร
         เขาสรุปว่า ความพยายามหรือหน้าที่ที่จะค้นพบคำตอบแต่ปัญหาเรื่องนี้ ยังคงยากและไกลโพ้นเกินกำลังมนุษย์ที่จะตอบได้ ไม่มีใครสามารถตอบได้หรอก ไม่มีใครเข้าใจทั้งหมดหรือยากเกินไปที่จะเข้าใจ “ความเข้าใจประพระประสงค์ของพระเจ้า” ที่พระองค์ยอมอนุญาตให้คนดีรับทุกข์
         บอกตรงๆ ใครจะเข้าใจความลึกลับที่สุดแห่งพระปรีชาสุขุมของพระเจ้าได้หนอ

o ดังนั้น ทัศนคติของมนุษย์ต่อพระเจ้า ต่อ “หนทาง” ขอพระเจ้าคือ
          อ่อนน้อม ACCEPT ยอมรับ พระปรีชาสุขุมของพระเจ้า แม้บางครั้ง เราไม่มีวันเข้าใจได้ จนกระทั้งพระองค์จะทรงมีพระประสงค์ที่จะประทานความเข้าใจให้เรา ทำไมคนดีต้องระทมทุกข์และคนชั่วมั่งคั่งร่ำรวย
        ต้องวางใจ HOPE and TRUST ในความดี และความยุติธรรมของพระเจ้า และจะดีกว่าไหมถ้าเราจะไม่อ้างว่าเรารู้เหตุผลของพระเจ้าว่าทำไมพระองค์ไม่เลือกที่จะเปิดเผยความจริงนั้น... (ลึก)

o และโยบกล่าวว่า “2ข้าพเจ้าเข้าใจว่าพระองค์ทรงกระทำได้ทุกสิ่ง ไม่มีผู้ใดขัดขวางพระประสงค์ของพระองค์ได้ 3พระองค์เคยตรัสถามว่า ‘ผู้นี้เป็นใครที่ใช้ถ้อยคำไร้ความรู้ ทำให้แผนการของเรามืดไป’ ข้าพเจ้าจึงพูดถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ และเป็นสิ่งน่าพิศวงเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะรู้ได้ 4พระองค์เคยตรัสสั่งข้าพเจ้าให้ฟังพระองค์ตรัส และตอบคำถามของพระองค์ 5ข้าพเจ้าเคยรู้จักพระองค์เพียงจากคำพูดของผู้อื่น แต่บัดนี้ดวงตาของข้าพเจ้าแลเห็นพระองค์ 6เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงขอถอนคำพูด และเป็นทุกข์เสียใจโปรยฝุ่นดินและขี้เถ้าบนศีรษะ” (โยบ 42:3-6)


• ตกลงว่าคำตอบจากหนังสือโยบไม่มีหรือ... ต่อคำถามเรื่องความทุกข์... แน่นอนผู้นิพนธ์มีข้อสรุปที่เป็นข้อความจริงพื้นฐานของวรรณกรรมปรีชาญาณ คือ
o “บ่อเกิดของปรีชาญาณคือความยำเกรงพระเจ้า”
o การแสวงหาเหตุผลของมนุษย์ต่อความเจ็บป่วยจะต้องไม่ร่วงล้ำกล้ำเกินต่อพระอิสรภาพของพระเจ้า ใช่ มนุษย์สามารถร้องขอเหตุผลจากพระเจ้า สามารถเรียร้องถามหาคำตอบจากพระเจ้า “ทำไม” แต่ แต่ แต่ พระเจ้าจะถูกบังคับให้ต้องตอบเรากระนั้นหรือ... ถ้าเรามีปรีชาญาณแท้จริง เราคงสงบที่จะถามพระเจ้าได้จริงๆ...


• วันนี้พ่อให้อ่านบทนำโยบ เพื่อเราจะได้อ่านหนังสือโยบต่อๆไปได้ และมั่นใจว่า ชีวิตของเรา “ทุกคนคือโยบ” ในบางเวลาของชีวิต มีบางสิ่งที่พังทลายลงแล้วเราหาคำตอบไม่ได้จริงๆว่า “ทำไม” แต่เราพบในที่สุด... หนังสือโยบให้คำตอบสำคัญแก่เรา “คือท่าทีของเราในความสัมพันธ์กับพระเจ้าในยามที่ยากที่สุดของชีวิต และยามที่เราอาจเป็น “ศัตรู” กับพระเจ้าไม่ว่าด้วยเหตุผลหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เราต้องเป็นศัตรูกับพระองค์ ของเพียงเรามั่นใจ...พระเจ้าทรงสวมกอดเรา รวมทั้งความเจ็บปวดและความล้มเหลวของชีวิตเรา...


• พ่อขอพระเจ้าอวยพร ในยามที่เราเป็น “โยบ” ของชีวิต พระเจ้าจะเสด็จมาในลมหมุนอีกครั้ง เพื่อทำให้เรารู้ว่า... พระเจ้ายิ่งใหญ่ และคำตอบต่อคำถามทุกอย่าง จบลงเมื่อมีพระองค์... สงบนิ่งในพระองค์ มีพระเจ้า “เพียงพอ”

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก