“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม2016

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา

• คำภาษาลาตินที่ว่า “Verbum Domini manet in aeternum” “พระวาจาของพระเจ้าดำรงอยู่นิรันดร” เป็น “วาจาอมตะและทันสมัยเสมอ” จริงๆ
• พ่อได้อ่านได้ศึกษาและเจาะลึกอธิบายคำสอนของพระสันตะปาปาฟรังซิส ที่เป็น “พระสมณสาสณ์เตือนใจ” (Apostolic Exhortation) ที่ชื่อว่า “Evangelii Gaudium” แปลว่า “ความชื่นชมแห่งพระวรสาร” และพ่อได้นำมานำเสนอในบทเทศน์ของพ่อบ่อยๆ


• ในช่วงนี้ จากการได้อ่านได้ไตร่ตรอง และได้พิจารณากับความจริงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราในปัจจุบัน ความยากจน คนยากจน ชาวนาถูกทิ้งค้างโดยรัฐบาลไม่ได้จ่ายค่าซื้อข้าวในราคาที่ได้ประกาศโฆษณาหาเสียงไว้ ไม่ได้ทำได้จริงๆ ข้าวของชาวนา “ข้าวของคนที่ยากจนจำนวนมาก” ถูกเก็บ ดอง และอาจเสียหายไปบ้างแล้วก็น่าจะเป็นจริง ใบประทวนที่ได้กลับไปไม่สามารถขึ้นเงินได้ ทำให้คนจนต้องจนกันหนักขึ้น ฆ่าตัวตายกันไปหลายรายแล้ว “นี่คือเรื่องจริง”

• หนี้ที่ซ้ำกระหน่ำดอกเบี้ยที่โตขึ้นอย่างที่ไม่มีทางหนีพ้นนอกจากหมดตัวและอาจกำลังจะเสียที่นาไป... หลายคนจนทางและจนใจ ความหวังและความฝันที่ถูกหลอกล่อไว้ต้องพังทลายเพราะจนทาง

• พ่อคิดว่า สถานการณ์คนยาจนทั่วโลกขยายตัวจริงๆ เพราะความเอาเปรียบของคนร่ำรวย เอาแต่ได้ คดโกง และความละโมบ (คำนี้ไม่ค่อยได้ใช้) โลภมาก ไม่รู้จักพอ คำว่า “ละโมบ” แปลว่า “มักได้, มักกิน, คำนี้เดิมเขียน ละโมภ ว่าแผลงมาจาก โลภ” คำเดิมๆนำมาใช้ก็สอนใจเราหลายอย่างเหมือนกัน ความอยากได้ ความโลภโกงนี่แหละคือ “กระแสโลก” โลกปัจเจกนิยม โลกเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ ตะกละ ไม่รู้จักพอ การกระทำที่ตะกละเช่นนี้ที่ตักตวงเอาทรัพยากรไปเก็บไว้กับตน จนไม่มีพอสำหรับคนอื่นๆ...

• รากเหง้าของมันคือ “ความตะกละ” ของมนุษย์ และ “ความเห็นแก่ตัว” ของมนุษย์ เรื่องนี้...พระสันตะปาปาฟรังซิสห่วงมาก ทรงห่วงคนยากจนมาก และทรงสอนเราในปัจจุบันมากๆ

• พี่น้องที่รักครับ สังคมปัจจุบันทำให้เราเห็นว่าพระวาจาของพระเจ้านั้น เป็นปัจจุบันเสมอ ทันสมัยเสมอ เมื่อเราอ่านจดหมายของนักบุญยากอบและคำสอนของพระสันตะปาปาฟรังซิส ณ ปัจจุบันที่พระสันตะปาปาทรงสอนไว้ พระองค์เตือนใจเราไว้อย่างงดงาม เราจะเห็นว่าพระวาจาของพระเจ้าเป็นปัจจุบันและทันสมัยเสมอ ให้เราดูคำสอนสะท้อนความจริงของปัจจุบันในพระสันตะปาปาสอนไว้ ใน EG ในข้อ 195-196 ว่า:
o เมื่อนักบุญเปาโลเดินทางมาหาบรรดาอัครสาวกที่กรุงเยรูซาเล็ม ด้วยเกรงว่าจะวิ่งไปโดยเปล่าประโยชน์ “ข้าพเจ้าไปตามที่พระเจ้าทรงเปิดเผย ชี้แจงให้บรรดาพี่น้องที่นั่นรู้ข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศแก่คนต่างศาสนา เล่าให้คนสำคัญฟังเป็นการส่วนตัว เพื่อข้าพเจ้าจะไม่วิ่งโดยไร้ประโยชน์” (กท 2:2)
o หลักเกณฑ์สำคัญของความจริงแท้ที่บรรดาอัครสาวกชี้ให้นักบุญเปาโลเห็นคือ การไม่ลืมคนยากจน (เทียบ กท 2:10)

• หลักเกณฑ์นี้มีไว้ เพื่อมิให้ชุมชนของนักบุญเปาโลถูกกลืนไปกับวิถีการดำเนินชีวิตแบบปัจเจกบุคคลของชนต่างศาสนา
o ซึ่งเป็นความจริงพื้นฐานในบริบทสังคมปัจจุบันด้วย
o เรามีแนวโน้มที่จะพัฒนาตนเองไปในรูปแบบชนต่างศาสนาลักษณะใหม่
o เรามิอาจแสดงออกอย่างเพียงพอถึงความงดงามของพระวรสารได้เสมอ
o แต่เราสามารถแสดงถึงเครื่องหมายนี้ได้ตลอดเวลา คือ การเลือกผู้ที่อยู่สุดท้าย และการเลือกอยู่ข้างผู้ที่ถูกสังคมปฏิเสธและทอดทิ้ง

• บางครั้งเรากลายเป็นบุคคลที่มีจิตใจหยาบกระด้าง
o เราลืม
o เราละเลย
o เราตื่นตาตื่นใจไปกับโอกาสการบริโภค
o และความบันเทิงต่าง ๆ ที่สังคมเสนอให้

• เพราะ “เมื่อสังคมห่างเหินจากกัน กลายเป็นรูปแบบขององค์กรทางสังคม และการผลิตเพื่อการบริโภค ก็จะทำให้การอุทิศตนเอง และการสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างมนุษย์ เป็นเรื่องยากมากขึ้น” (162)

• ชีวิตความเชื่อของเราคริสตชนทุกคนซึ่งได้รับเรียกให้ “มีความรู้สึกนึกคิดเช่นเดียวกับที่พระคริสตเยซูทรงมีเถิด” (ฟป 2:5) พระศาสนจักรได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งนี้
o พระศาสนจักรจึงต้องเลือกอยู่ข้างผู้ยากไร้ (ดู 198)

• จากนี้พี่น้องที่รักครับ... ให้เราอ่านจะหมายของยากอบกันต่อครับ จดหมายที่ต่อเนื่องจากวานนี้ ในบทที่ 5 ยากอบยังเดินหน้าต่อไปที่จะเตือนความร่ำรวย เตือนคนร่ำรวยที่ฉ้อโกงคนยากจน ชัดเจนมากในการเบียดเบียนเอาเปรียบเอารัดคนยากจน คือ รัดให้ตายสนิทเอาตัวไม่รอดดังเช่นสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดกับคนทำมาหากิน ชาวนาชาวไร่คนที่ทำงานหนักเพื่อให้เราได้มีกินมีอยู่ แต่กลับถูกฉ้อฉลเอาเปรียบ...

• เราอ่านยากอบจะเห็นว่าในยุคในสมัยของท่าน ปัญหาไม่ได้ต่างกันเลยกับยุคสมัยของเรา จะต่างกันไปบ้างก็ตรงที่ว่า ณ ปัจจุบัน ปัญหามันรุนแรงกว่าที่เคยในสมัยยากอบเท่านั้น.. เราอ่านพระคัมภีร์วันนี้กันครับ..

ยก 5:1-6…
1ผู้มั่งมีทั้งหลาย จงร้องไห้คร่ำครวญเพราะความทุกข์ยากกำลังจะมาถึงท่านแล้ว 2ทรัพย์สมบัติของท่านเสื่อมสลาย เสื้อผ้าก็ถูกมอดกัดกินหมดแล้ว 3เงินทองของท่านก็เป็นสนิม และสนิมนั้นจะเป็นพยานปรักปรำท่าน มันจะกัดกินเนื้อของท่านประดุจไฟซึ่งท่านสะสมไว้สำหรับวันสุดท้าย 4ท่านคดโกงไม่จ่ายค่าจ้างให้กรรมกรที่เก็บเกี่ยวในทุ่งนาของท่าน ค่าจ้างนี้กำลังร้อง และเสียงร้องของคนเก็บเกี่ยวไปถึงพระกรรณของพระเจ้าจอมโยธาแล้ว 5ท่านมีชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยในโลกนี้ และกินเลี้ยงอย่างสนุกสนาน ท่านบำรุงจิตใจ ของท่านไว้รอวันประหาร 6ท่านตัดสินลงโทษและฆ่าผู้ชอบธรรม เขาก็มิได้ขัดขืนท่าน

อรรถาธิบายบางประเด็น
• เมื่ออ่านยากอบมาถึงบทนี้ มาถึงถอนนี้ เราเห็นชัดเจนว่า พระวาจาของพรเจ้าทรงชีวิตนิรันดรจริงๆ ทันสมัยจริงๆ ไม่เคยล้าสมัยเลย แต่ใช้เพื่อตักเตือนสอนเราได้ทุกยุคทุกสมัยจริงๆ

• ยากอบย้อนความและได้เตือนแรงๆ ถึงคนร่ำรวย “คนมั่งมีทั้งหลาย” คนที่ได้ร่ำรวยมากเกินไป รวยเกินจริงๆ เพราะกิจการที่เอารัดเอาเปรียบคนยากจนอย่างรุนแรงจริงๆ สำหรับยากอบ ท่านเห็นความจริงว่า “ความร่ำรวยไม่ยั่งยืน” คือความร่ำรวยไม่ได้ช่วยอะไรจริงๆ ยากอบเรียกร้องคนร่ำรวยมั่งมีให้คร่ำครวญเพราะความพินาศมาถึงแล้ว ความวางใจกับทรัพย์สมบัติ ความหรูหราเสื้อผ้าความมั่งคั่งก็ถูกทำลายกัดกินหมดแล้ว ยากอบทำให้เห็นว่า เงินทองทั้งหลายก็เป็นสนิมผุพัง และที่สำคัญ สิ่งเหล่านี้จะเป็นวัตถุพยานปรักปรำความฉ้อโกงของคนร่ำรวยที่ฉ้อโกง

• คำของยากอบ เตือนคนร่ำรวยได้ชัดเจนมากครับ ตรงไปตรงมาจริงๆ
o ท่านคดโกงไม่จ่ายค่าจ้างให้กรรมกรที่เก็บเกี่ยวในทุ่งนาของท่าน
o ค่าจ้างนี้กำลังร้อง และ
o เสียงร้องของคนเก็บเกี่ยวไปถึงพระกรรณของพระเจ้าจอมโยธาแล้ว

• สิ่งที่พ่อต้องทึ่งจริงๆ เพราะยากอบได้ยกตัวอย่างความคดโกงของคนร่ำรวยนั้น ได้กระทำต่อ “กรรมกรและคนทำงานในทุ่งนา” การโกง การไม่จ่าย การเอาเปรียบและเบียดเบียนต่อคนยากจนนี้มีมาตั้งแต่สมัยยากอบจริงๆ เมื่อคริสตชนเผชิญหน้ากับกระแสโลก กระแสโลกหยิบยื่นท่าทีและโอกาส ที่จะสะสมความร่ำรวยด้วยความฉ้อฉลคดโกงจริงๆ กระแสโลกเป็นอย่างนี้จริง คนในกระแสโลกก็เลือกที่จะทำกับคนด้อยโอกาสแบบนี้จริงๆครับ

• พระสันตะปาปาฟรังซิสเขียนสอนชัดว่า (EG 59-60) “ในปัจจุบันทุกภาคส่วนเรียกร้องความมั่นคงปลอดภัยขั้นสูงสุด ซึ่งหากไม่กำจัดการกีดกันและความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทั้งในระดับสังคม และในระหว่างประชากรต่างๆ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดความรุนแรง

• เรากล่าวหาผู้ยากไร้และประชากรที่ยากจนที่สุดว่าเป็นต้นเหตุของความรุนแรง แต่หากปราศจากความเท่าเทียมกันทางโอกาส รูปแบบความก้าวร้าวและสงครามก็จะเพิ่มพูนมากขึ้น เมื่อสังคมทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับโลก ทอดทิ้งส่วนใดส่วนหนึ่งไป โดยไม่มีโครงสร้างทางการเมืองหรือทางสติปัญญา ซึ่งสามารถก่อให้เกิดความสงบสุขได้ สิ่งนี้มิได้เกิดขึ้น

• เพราะความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงจากผู้ที่ถูกกีดกันออกจากระบบ แต่เกิดจากระบบทางสังคมและเศรษฐกิจที่ขาดความยุติธรรมในระดับรากลึก เช่นเดียวกับที่ความดีต้องสื่อสารออกไป

• ความเลวร้ายซึ่งหมายถึงความอยุติธรรมก็พยายามแผ่กระจายพลังการทำลายของมันอย่างเงียบ ๆ เป็นการทำลายรากฐานระบบการเมืองและสังคมไม่ว่าจะมั่นคงเพียงใดก็ตาม หากการกระทำทุกอย่างมีผลตามมา ความชั่วร้ายที่ฝังตัวอยู่ในโครงสร้างของสังคม ก็ย่อมมีพลังแห่งความแตกแยกและความตาย เป็นความชั่วร้ายที่ฝังลึกอยู่ในโครงสร้างทางสังคมที่อยุติธรรม ซึ่งเราไม่อาจหวังอนาคตที่ดีขึ้นได้ เราอยู่ห่างไกลจากสิ่งที่เรียกว่า “เป้าหมายของประวัติศาสตร์” เพราะยังไม่มีการวางเงื่อนไขการพัฒนาที่ยั่งยืนและสงบสุขอย่างเพียงพอและเป็นจริงได้

• กลไกเศรษฐกิจปัจจุบันกระตุ้นให้เกิดการบริโภคที่มากเกินควร ผลที่ตามมาคือ เมื่อความคิดบริโภคนิยม รวมเข้ากับความเหลื่อมล้ำในสังคม จึงกลายเป็นการทำลายโครงสร้างทางสังคมมากเป็นสองเท่า เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็ว ความเหลื่อมล้ำในสังคมย่อมก่อให้เกิดความรุนแรง และการแข่งขันสะสมด้านอาวุธ ก็ไม่อาจแก้ไขปัญหาได้

• การค้าอาวุธเป็นวิธีการหลอกลวงผู้ที่ต้องการความมั่นคงปลอดภัยมากขึ้น ราวกับว่าปัจจุบันเรารู้จักแต่อาวุธและการควบคุมที่รุนแรง ซึ่งแทนที่จะเป็นการแก้ปัญหา กลับสร้างความขัดแย้งใหม่ ๆ และเลวร้ายมากกว่าเดิม
o บางพวกพอใจเพียงแค่กล่าวหาคนยากจน และประเทศที่ยากจนในเรื่องปัญหาความทุกข์ยากและสำหรับชนรุ่นหลัง
o บางพวกอ้างว่าพบทางแก้ปัญหาด้วย “การศึกษา” ที่มั่นใจได้ว่าจะเปลี่ยนคนเหล่านี้ให้กลายเป็นมนุษย์ที่เชื่องและไม่เป็นอันตรายต่อพวกเขา
o และยิ่งน่าขัดเคืองมากยิ่งขึ้น เมื่อผู้ที่ถูกกีดกันมองเห็นว่ามีมะเร็งร้ายทางสังคมที่เติบโตขึ้น ซึ่งก็คือการทุจริต คอรัปชั่นที่หยั่งรากลึกในหลาย ๆ ประเทศ ในคณะรัฐบาล ในบริษัทและสถาบันต่างๆ ไม่ว่าผู้นำประเทศจะมีความคิดอุดมคติทางการเมืองอย่างใดก็ตาม

• พี่น้องที่รักครับ พ่ออ่านจดหมายของยากอบต่อไป และขณะเดียวกันพ่อก็อ่านคำสอนของพระสันตะปาปาต่อไป พ่อยิ่งเห็นความเป็นที่ยิ่งใหญ่ ความทันสมัยและเป็นปัจจุบันของพระวาจาของพระเจ้าจริงๆ และยิ่งอ่านสังคมของเรา ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจริงๆ บรรดาผู้มีอำนาจปกครอง ณ ปัจจุบัน (รักษาการ หรือไม่มีอยู่จริง และน่าจะเป็นตรงกันข้ามกับความจริง)

• พ่อยิ่งไตร่ตรองและมองดู ให้พระวาจาขอพระเจ้า และคำสอนของสันตะบิดรผู้น่าเคารพทรงสอน ให้คำสอนทั้งสองเป็นดัง “ไม้บรรทัดที่ซื่อตรงทาบลงไปกับความเป็นจริงของสังคม” พ่อเห็นว่า โลกของเรา สังคมของเรา ประเทศชาติบ้านเมืองของเรา ที่กำลังแตกแยก แบ่งแยก แตกสลาย และขัดแย้ง รากลึกของปัญหานี้ก็คือสิ่งที่เป็นช่องว่าง และความขัดแย้งความโลภจนร่ำรวย และความเป็นจริงที่ถูกบีบคั้นของคนยากจนจริงๆครับ

• ยากอบให้ภาพชัดมากๆ สำหรับบรรดาคนชั้นสูงในสังคมที่เรียกว่าชนชั้นสูงในเชิงเศรษฐกิจการเงินและโอกาส แต่อันที่จริงคนชั้นสูงในความหมายดังกล่าวนี้ อันที่จริงพวกเขาเป็นชนชั้นต่ำในระดับศีลธรรมจรรยาและความเป็นมนุษย์

o อันนี้พ่อย้ำจริงๆสำหรับคนร่ำรวยที่ได้มาจากการฉ้อฉลเอาเปรียบ และใช้อำนาจอย่างผิดๆ จนก่อให้เกิดความรุนแรงในการเอารัดเอาเปรียบและรักษาอำนาจ และไปจนถึงขั้นที่เลวร้ายที่สุด คือ การใช้กำลังและอาวุธโจมตีทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์อย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ และคนชั้นสูงในความหมายนี้
o ยากอบตอกย้ำความจริงซึ่งไม่ต่างจากปัจจุบันว่า “ท่านมีชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยในโลกนี้ และกินเลี้ยงอย่างสนุกสนาน ท่านบำรุงจิตใจ ของท่านไว้รอวันประหาร” ยากอบย้ำว่า นี่เป็นการรอวันประหาร ท่านย้ำแรงจริงๆว่า คนเหล่านี้กำลังเจริญชีวิตไร้ศีลธรรมและศาสนา และก้าวไปสู่ความพินาศจริงๆ

• ยากอบย้ำพฤติกรรมของคนร่ำรวยที่เหยียบย่ำคนจนแบบทำให้หมดทาง หรือที่ภาษาปัจจุบันเราเรียกว่าเป็น เผด็จการเบ็ดเสร็จทางอำนาจและการค้าขายที่ผูกขาดด้วยความฉ้อโกง ยากอบย้ำว่า “ท่านตัดสินลงโทษและฆ่าผู้ชอบธรรม เขาก็มิได้ขัดขืนท่าน”
o เป็นความจริงที่ว่าคนยากจนบ่อยครั้งหมดทางสู้
o หมดทางเรียกร้อง
o หมดแม้แต่ความสามารถที่จะฟ้องร้อง

• ทั้งนี้เป็นเพราะเหตุว่า อำนาจสั่งฟ้องทางอาญาการทั้งหลายไม่ให้ความสำคัญกับคนยากจน หรืออาจเพราะถูกคนร่ำรวย หรือผู้ปกครองที่ฉ้อฉลได้ช็อปซื้อไปเป็นของตนหมดไปเสียแล้ว...

• สมัยของยากอบจึงย้ำว่า ผู้ชอบธรรมกลับถูกตัดสินและหมดทางสู้และขัดขืน และพ่อเห็นชัดในสมัยของเรา พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเห็นความจริงที่เราต้องปกป้องสิทธิ์ของคนยากจน และพระองค์ปฏิเสธจริงๆต่อความร่ำรวยทางธุรกิจหรืออำนาจการเมืองที่เบียดบังคนยากจน

• พี่น้องที่รักครับ พ่อขอสรุปด้วยคำร้องขอของพระสันตะปาปาฟรังซิสในพระสมณสาสน์เตือนใจต่อพระศาสนจักรครับ เป็นคำสอนี่ตรงและงดงามมากๆครับ พระองค์เรียกร้องเรา “พระศาสนจักร” ให้พลิกโฉมหน้าชีวิตพระศาสนจักรของเราจริงๆครับ

• ““ข้าพเจ้าปรารถนาพระศาสนจักรที่ยากจนสำหรับคนยากจน” บรรดาคนยากจนมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะสอนเรา ยิ่งกว่านั้น ในความเชื่อ “ความทุกข์ทรมานที่พวกเขาได้รับ พวกเขาจึงได้รู้จักพระคริสตเจ้าผู้ทุกข์ทรมาน”

o เป็นสิ่งจำเป็นที่เราทุกคนต้องยอมให้ผู้ยากไร้ประกาศพระวรสารแก่เรา
o การประกาศพระวรสารครั้งใหม่เป็นการเชื้อเชิญให้ยอมรับพลังที่ช่วยให้รอดของชีวิตบรรดาผู้ยากไร้ และให้พวกเขาอยู่ตรงใจกลางการเดินทางของพระศาสนจักร
o เราได้รับเรียกให้ค้นพบพระคริสตเจ้าในบรรดาคนยากจน
o ให้เสียงของเราต่อสู้เพื่อพวกเขา
o และให้เราเป็นเพื่อนของคนยากจน รับฟังเขา เข้าใจ และต้อนรับปรีชาญาณอันเร้นลับที่พระเจ้าทรงต้องการสื่อสารกับเราโดยผ่านทางพวกเขา”” (EG 198)

• พ่อวิงวอนของพระเจ้าอวยพรทุกท่าน และอวยพรคุ้มครองผู้ยากไร้และถูกเอารัดเอาเปรียบในยุคสมัยของเรานี้เป็นพิเศษ ขอพระเจ้าโปรดให้เรากล้าที่จะออกไปเพื่อสัมพันธ์และสัมผัสกับพี่น้องคนยากจนหรือผู้ถูกเอาเปรียบในยุคสมัย ในประเทศชาติบ้านเมืองของเรานะครับ... พระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก