“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2015
สัปดาห์ที่สามสิบสาม เทศกาลธรรมดา

ลก 18:35-43…

35ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินมาใกล้เมืองเยรีโค ชายตาบอดคนหนึ่งนั่งขอทานอยู่ริมทาง 36เมื่อได้ยินเสียงผู้คนผ่านมา เขาจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น 37มีคนบอกเขาว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา 38คนตาบอดจึงร้องขึ้นว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” 39ผู้คนที่เดินข้างหน้า ได้ดุว่าเขา บอกให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด”

40พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสสั่งให้นำคนนั้นเข้ามา เมื่อเขาเข้ามาใกล้ พระองค์ตรัสถามว่า 41“ท่านอยากให้เราทำอะไรให้” เขาทูลว่า “พระเจ้าข้า ให้ข้าพเจ้ามองเห็นเถิด” 42พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงมองเห็นเถิด ความเชื่อของท่านช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว”43ทันใดนั้น เขาก็มองเห็นได้อีก และเดินตามพระองค์ไป พลางถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ประชาชนทั้งปวงเห็นเช่นนั้น ต่างร้องสรรเสริญพระเจ้า
อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
  
• “เยรีโค” เมืองที่ได้ชื่อว่า “เมือง” เก่าแก่ที่สุดในโลก...นี่คือข้อเท็จจริงทางโบราณคดี เยรีโคเมืองหน้าด่านเมื่อเดินทางมาจากกาลิลีจะถึงกรุงเยรูซาเล็ม โดยปกติถ้าผ่านทางลุ่มน้ำจอร์แดน จำเป็นต้องผ่านเยรีโค และถ้าจำเป็นหรือโดยปกติสมัยพระเยซูเจ้า จำเป็นต้องผ่านเมืองนี้ พักผ่อนที่เมืองนี้ และก่อนจะเดินต่อไปกรุงเยรูซาเล็ม.. เยรีโคเป็นทางผ่านที่จำเป็น


• ข้อมูลเยริโคในพระวรสาร...พระเยซูเจ้าเคยเสด็จและ “หยุด” ในพระวรสารนักบุญลูกา ทั้งนี้เพราะเสียงร้องของคนตาบอด และความน่าสะดุดใจเพราะซักเคียคนเก็บภาษีรวยร่างเตี้ยอยู่บนต้นไม้ครับ...


• พ่ออยากบอว่า ที่เมืองที่ พระเยซูเจ้าหยุดเดินสองครั้งเพราะการจูงใจ

o คนตาบอคนนี้ร้องตะโกน “ร้องขอความเมตตาและประกาศพระองค์เป็นพระแมสซียาห์” พระโอรสของกษัตริย์ดาวิด... พระองค์หยุดที่นั่นชั่วขณะ เขาตาหายบอดเลยเพราะความเชื่อ

o ซักเคียสคนคนเก็บภาษีรวยเตี้ยอยู่บนต้นไม้ เขาอยากเห็นพระองค์ พระองค์ “หยุด” และเรียก “ซักเคียส” เขาลงมา ต้อนรับพระองค์ที่บ้าน และกลับใจครบครัน แบ่งทรัพย์ให้คนจนครึ่งหนึ่ง และถ้าได้โกงใครจะคืนสี่เท่า... เขากลับใจเพราะพระองค์ “หยุดพระดำเนิน” และเรียกเขา


• เสียงตะโกนเรียกของคนตาบอด หรือการพยายามได้พบพระเยซูของซักเคียส นำความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่มาสู่ชีวิตของเขาครับ...

• พระวรสารวันนี้ เรื่องคนตาบอดที่เยริโค... วันนี้ต้องถือว่าโชคดีของคนตาบอด พ่ออ่านพระวรสารตอนนี้และเช่นกันในมาระโกบทที่ 10:46-52 คนตาบอดที่เยรีโค คนนั้น ที่ต้องถือว่าเป็นพระวรสารตอนเดีวยกันนี้ ประเด็นสำคัญคือ ความบอดของดวงตาไม่ได้จำกัด “การได้ฟัง ได้ยิน และการร้องตะโกนของพวกเขา”


• พ่อประทับใจครับ ที่ได้อ่านพระวรสารวันนี้และได้เห็นเสียงร้องตะโกนของคนตาบอด ในภาษาของพระคัมภีร์ ภาษาเทววิทยาที่เราได้ยินนี้ที่ออกมาจากปากของเขา เขาร้องตะโกนในภาษาที่สำคัญมากๆ เรียกว่า เป็น “การประกาศความเชื่อในพระแมสซียาห์ หรือการประกาศความเชื่อ หรือภาษาเทววิทยาใช้คำว่า “Confession” แปลว่า “คำสารภาพ” สารภาพว่า “โอรสของกษัตริย์ดาวิด โปรดเมตตาเราเถิด” ในคำสารภาพนี้มีใจความสำคัญ 2 ประเด็น

o “โอรสดาวิด” คำนี้ เป็น คำจำกัดความหรือ “ไตเติ้ล” สำคัญ ที่มีความหมายถึง “พระแมสซียาห์หรือพระคริสตเจ้า” ใครก็ตามที่ได้รับการเรียกขานเช่นนี้ เขาคนนั้นคือพระแมสซียาห์แน่นอน... ดังนั้น คนตาบอดคนนี้ร้องตะโกนประกาศ “ความเชื่อของตนเองในพระคริสตเจ้า” คือ ความเชื่อเด็ดขาดว่า “พระเยซู คือ พระคริสตเจ้า พระผู้ช่วยให้รอด” คนตาบอดสองคนเชื่อเด็ดขาด ร้องตะโกนประกาศความเชื่อในพระองค์ “โอรสของกษัตริย์ดาวิด” เป็นชื่อเรียกพระเมสสิยาห์ (2 ซมอ 7:1; เทียบ ลก 1:32; กจ 2:30; รม 1:3 เป็นชื่อที่ชาวยิวคุ้นหู มก 12:35; ยน 7:42) มัทธิวใช้ชื่อนี้กับพระเยซูเจ้าบ่อยกว่าผู้อื่น (มธ 1:1;12:23; 15:22; 20:30//; 21:9,15) แต่พระเยซูเจ้าทรงลังเลในการใช้ชื่อนี้ เพราะเป็นชื่อที่กล่าวถึงพระเมสสิยาห์ในฐานะที่เป็นมนุษย์เท่านั้น

o “โปรดเมตตาเราเถิด” คนตาบอดทั้งสองมิใช่เพียงร้องเรียก แต่ร้องขอความเมตตาจากพระองค์ “ความเมตตา” คือลักษณะของพระเจ้าจริงๆ ดังนั้นในการสารภาพนี้ คนตาบอดได้มั่นใจว่าพระเยซูสามารถที่จะเมตตาได้จริงๆอย่างไม่ต้องสงสัย ในการร้องหาพระเจ้า เขาสองคนเป็นตัวอย่างให้แก่เราได้เลย

• เขา “เชื่อ ว่าพระองค์จะสามารถช่วยเขาให้แลเห็น เขาขอการแลเห็น” คำถามของพระคริสตเจ้าต่อคนตาบอด “คือความปราถนาอยากให้พระองค์ทำอะไร” “พระองค์ถามเป็นการยืนยันว่าเขาร้องเพราะเขาเชื่อว่าพระองค์ทำได้เช่นนี้ หรือ”...

o คำถามนี้พ่ออยากถามตนเองจริงๆ ถามพี่น้องคริสตชนผู้อ่านพระวรสารวันนี้จริงๆ... 

o “พี่น้องที่รัก พี่น้องเชื่อว่าพระเยซูเจ้าทำได้ทุกสิ่ง (คือทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงสรรภานุภาพสำหรับชีวิตของเราทุกคน) จริงหรือ” เราได้เชื่อเช่นนี้จริงๆหรือ

o คงเป็นโอกาสดีที่เราจะสารภาพด้วยวาจาและเสียงร้องของเรา ด้วยว่าเราจะต้องไม่บอด ไม่หนวก ไม่ใบ้ ต่อพระเยซูเจ้าโดยเด็ดขาด เช่นเดียกับคนตาบอดคนนี้สารภาพ 

o พี่น้องที่รัก พ่อถามใจพ่อเอง เพื่อถามพี่น้องเช่นกัน เราเชื่อ “เราได้มีความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าเป็นอย่างไร คือมีคุณภาพของความเชื่อที่ปรากฎเป็นชีวิตที่มีคุณธรรมมากเพียงใดจริงๆหนอ”

• คนตาบอดได้รับฟังพระวาจาอีกครั้ง “จงมองเห็นเถิด ความเชื่อของท่านช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” พ่ออ่านข้อความนี้แล้วพ่ออยากให้เรา “เชื่อมั่น” ว่า “ความเชื่อช่วยเราให้รอดได้จริงๆ คือความเชื่อ (ใน) พระเยซู (to believe in Jesus Christ)” และเขาคนตาบอดกลับและเห็น เขาหายจริงๆ เขาแลเห็นจริงๆ เรียกว่า ครบครัน คือ ได้ยิน ได้ฟัง ได้ร้องตะโกน และได้และเห็น การเห็นครั้งนี้เป็นเพราะ “ความเชื่อ” จริงๆ


• พ่ออยากย้ำว่า ความเชื่อทำให้พวกเขาไม่บอด ความเชื่อทำให้แลเห็นได้แน่นอน พ่อมีข้อคิดข้อไตร่ตรองพิจารณาดังนี้ครับ

o พี่น้องเชื่อในพระองค์ไหมครับ เชื่อไหมครับ เชื่อจริงๆ ไหมครับ... พ่ออยากย้ำว่า ถ้าเชื่อจริงๆ นะครับ ผลตามมาที่พ่ออยากเห็นได้ชัดเช่นคนตาบอดคนนี้ครับ คือ

o ขอให้เราแลเห็นได้เลย ตาหายบอดเลยจริงๆ พ่อขอให้เราหายบอดนะครับ หายจากบอดจากการไม่เห็น ไม่มองดู ไม่ตั้งใจมองดู เพื่อนพี่น้องของเรา โดยเฉพาะบรรดาผู้ยากไร้ครับ 

o อย่าบอดเลยนะครับ อย่าบอดมืดมัวมึนเมาจนมองไม่เห็นกันและกันในครอบครัว ในสังคม กับคนใกล้ตัว ไกลตัว โดยเฉพาะบรรดาคนยากไร้ บ่อยครั้ง คนเราอยู่ด้วยกันแท้ๆ บ้านเดียวกัน สามีภรรยากันที่เคยรักเชื่อในกัน แต่อาจจะมืดบอด ใบ้ หนวกต่อกันมาแสนนานแล้ว บางทีอีกฝ่ายอาจร้องขอความรัก ร้องขอการคืนดี การให้อภัย ร้องขอให้เปลี่ยนแปลงอะไรๆที่ไม่ดี ร้องกู่ให้กลับบ้านจากการหลงทางเหลิงไป ไปกับคนอื่น ที่ไม่ใช่คู่ชีวิต ทิ้งไปหาคนอื่น และกลับบอดมืดมัวกับคู่ชีวิตตนเอง... 

o เชื่อในพระเยซูไหมครับ ถ้าเชื่อ หายบอดเถอะครับ กลับบ้านให้ถูกหลัง กลับใจให้ได้จริงๆ กลับมายังครอบครัวของตน ลูกๆ และสังคมของตน...

o ขอให้เราเลิกใจบอดมืดจืดสนิทต่อกันและกันเถอะนะครับ ถ้ามีความเชื่อจริงๆ ชีวิต ครอบครัว ชีวิตคริสตชน ชีวิตคู่ ชีวิตนักบวช พระสงฆ์ ครอบครัวสงฆ์ พระสังฆราชด้วย และเห็นกันเถอะครับอย่าบอดต่อกันเลย อย่าหนวกต่อเสียงเรียกร้องขอความรัก ความยุติธรรม และสันติสุขเลยนะครับ อย่าได้ใบที่จะพูดปลอบใจกันและกัน แต่ถ้าที่ผ่านมากตะโกนกร่นด่าทำร้ายกันด้วยคำพูด ก็ลดละเลิกและกลับใจกันเถอะครับ “ถ้ามีความเชื่อในพระเยซู”


• คนตาบอดอดไม่ได้เลยที่จะออกไปประกาศ โถๆๆๆ ก็ได้เชื่อ ได้แลเห็นพระเยซู จะเก็บไว้ได้อย่างไร... ครับ ดังนั้น พ่อขอศอกกลับความคิดสักนิดนะครับ เพราะที่ผ่านๆมา ใครๆ ก็พูดกันว่า “พวกเราคริสตชนคาทอลิกไม่ค่อยประกาศอะไรกันเลย เงียบงันกันจัง ไม่กล้าประกาศพระคริสตเจ้ากันเลย” นี่จะมีความหมายที่บอกอะไรแก่เราได้ไหมว่าเช่น 

o พวกเรายังอ่อนในเรื่องความเชื่อในพระเยซูกันจริงๆในพระเยซูไหม

o พวกเราคริสตชนยังบอดๆกันไปสักหน่อย 

o พวกเรายังหนวกๆกันในการฟังพระวาจา อ่านพระวาจาไปหน่อยไหม


• พี่น้องที่รัก พ่อสรุปนะครับ... ให้เราได้เชื่อในพระเยซูเจ้ามากขึ้น และให้เราได้หายจากความบอดในการแลเห็นกันและกันนะครับ..


• วันนี้ พ่อคิดถึงเยรีโคอีกครั้ง พระองค์เคยหยุดพระดำเนิน และเกิดการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ในชีวิต วันนี้พ่ออยากภาวนาขอให้พระองค์หยุดเดินและหันมาเมตตาเราทุกคน ขอทรงทำให้เราได้เห็นพระองค์ในเพื่อนพี่น้อง ขอให้เราได้กลับใจ คืนดี แบ่งปัน รักเมตตา ด้วยเทอญ...

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก