“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน 2015
สัปดาห์ที่สามสิบสอง เทศกาลธรรมดา


ระลึกถึงนักบุญโยซาฟัท พระสังฆราชและมรณะสักขี
ลก 17:20-25…

20เมื่อชาวฟาริสีทูลถามว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้ามิได้มาอย่างที่จะสังเกตเห็นได้ 21จะไม่มีใครพูดว่า ‘พระอาณาจักรอยู่ที่นี่ หรืออยู่ที่นั่น’ เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว”
22พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เวลานั้นจะมาถึงเมื่อท่านปรารถนาเห็นวันของบุตรแห่งมนุษย์ แม้เพียงวันเดียว แต่จะไม่ได้เห็น 23จะมีหลายคนกล่าวกับท่านว่า ‘บุตรแห่งมนุษย์อยู่ที่นั่น’ หรือ ‘บุตรแห่งมนุษย์อยู่ที่นี่’ ท่านอย่าออกไป อย่าตามไป 24เพราะเมื่อสายฟ้าแลบ ย่อมส่องสว่างจากขอบฟ้าหนึ่งไปถึงอีกขอบฟ้าหนึ่งฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเสด็จมาในวันของพระองค์ฉันนั้น 25แต่ก่อนจะถึงวันนั้น บุตรแห่งมนุษย์จำเป็นต้องรับการทรมานอย่างมาก และจำเป็นที่คนยุคนี้ไม่ยอมรับพระองค์


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
 
• เมื่อใกล้ปลายปีพีธีกรรม วันอาทิตย์สุดท้ายของปีพิธีกรรมของเราคือวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 34 ซึ่งเวลานี้ เราอยู่ในสัปดาห์ที่ 32 แล้ว เหลืออีกเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น... บรรยากาศของปลายปีพิธีกรรมคือการเรียกร้องในพระวาจาที่พิธีกรรมจัดไว้ให้เรา ได้คิดถึงการตัดสิน ช่วงเวลาสุดท้าย และคิดถึงพระอาณาจักรสวรรค์หรือพระอาณาจักรของพระเจ้า คือ การปกครองด้วยความรักเปี่ยมล้น และความอาณาจักรแห่งความยุติธรรมและสันติสุขนิรันดร

• ดังนั้น พระวาจาของพระเจ้าก็จะเน้นเรื่องของ “พระอาณาจักร” “วันเวลาที่จะมาถึง” ก็เป็นธรรมดา เพราะเรามนุษย์คนทำงานก็รอวันเวลาของปลายปีและรอปีใหม่กันอยู่เสมอเช่น เดียวกัน และสำหรับคนทำงาน มนุษย์เงินเดือนสิ่งที่รอคอยคือวันหยุด วันฉลอง และโบนัส หรือเจ้าของกิจการคือผลกำไรที่สรุปได้และเพื่อเห็นค่าแรงค่าเหนื่อยและการ ทำงานของตนเอง นี่ก็เป็นเรื่องปกติจริงๆนะครับ

• สำหรับเรา “พระศาสนจักร” บทบาทของเราคือเป็นเกลือดองโลก เป็นแสงสว่างส่องโลก เราเป็นพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า เรามีหน้าที่ร่วมกับพระเยซูเจ้าเพื่อสถาปนาพระอาณาจักรของพระเจ้าในโลกนี้ เป็นอาณาจักรแห่งยุติธรรม ความรักเมตตา และสันติสุด โดยมีศรัทธาและการยอมรับพระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์นิรันดรสำหรับพระอาณาจักร พระเจ้านี้ตลอดไป เราจึงกำลังร้อง รอคอย อัญเชิญในพระเยซูเจ้าเสด็จมาในชีวิตประจำวันของเรา และในวาระสุดท้ายของชีวิตและของมนุษยชาติ


• แต่อาณาจักรนี้อยู่ไหน จะมาถึงเมื่อใดหนอ... โลกนี้ยุติธรรมแล้วหรือ มีหรือความยุติธรรมแท้ ความเมตตา ความรักนิรันดรและสันติสุขแท้จริง ไม่หลอกลวง ไม่โกหก ไม่เฟคมายา ฯลฯ เมื่อใดหนอพระอาณาจักรของพระเจ้าหรือการปกครองของพระเจ้าจะมาถึงจริงๆ เราก็สวดภาวนา “ข้าแต่พระบิดา” ทุกวัน ข้อความหนึ่งที่เราภาวนาคือ “พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินดังในสวรรค์” เราก็ต้องถามต่อไปว่าแล้วเมื่อไรพระอาณาจักรจะมาถึงเล่าหนอ

• พี่น้องที่รัก...คำตอบขอพระเยซูเจ้าต่อคำถามในพระวรสารวันนี้ทำให้เราต้องได้คิดจริงๆ 

o “เมื่อชาวฟาริสีทูลถามว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด” 

o พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้ามิได้มาอย่างที่จะสังเกตเห็นได้ จะไม่มีใครพูดว่า ‘พระอาณาจักรอยู่ที่นี่ หรืออยู่ที่นั่น’ เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว””


• พ่อก็คิดเสมอเราสวดกันทุกวัน ทั้งวัน “พระอาณาจักรจงมาถึง” และบ่อยครั้งเราก็ภาวนาสวด แหงนหน้าเรามองฟ้า (ชาวยิวเวลาภาวนาถึงพระบิดาเจ้าสวรรค์ เขาเรียก “อับบา” ภาษาฮีบรูชัดมาก “อับบา เดบัชชามายอาห์” พระบิดาผู้อยู่ในสวรรค์ แล้วเขาก็ต้องจ้องมองฟ้า หรือยกสายตาขึ้นไปบนท้องฟ้าหรือติดเพดาศาลาธรรม เหมือนเราเวลาสวดบางทีเราก็ตาเหลือกมองฟ้า แต่ติดเพดาวัดเพดานบ้านเหมือนกัน) คำถามของพ่อได้รับคำตอบ “พระอาณาจักรจะมาถึงเมื่อใด” คือ คำตอบของพระเยซูเจ้า “เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว”


• น่าจะเป็นความจริงที่ว่า ในพระวรสารเราก็พบฟาริสีกับคนเก็บภาษีภาวนาในพระวิหาร ฟาริสียืนขึ้นมองฟ้าภาวนาภูมิใจถึงพระเจ้าด้านหน้า.... ส่วนคนเก็บภาษา พระคัมภีร์บันทึกว่าเขาซบหน้าลงกับพื้น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นและได้แต่ภาวนาร้องขอความเมตตาเพราะเขาเป็นคนบาป และเมื่อกลับไปบ้าน พระเยซูเจ้าผู้เล่าอุปมานี้สรุปว่าคนเก็บภาษีคนนั้นได้รับความชอบธรรม...

• ปัญหาคือ “แหงนหน้ามองฟ้าหาพระเจ้าหาพระอาณาจักรพระเจ้า แต่ลืมหันไปมองพี่น้องรอบข้าง...เพราะพวกเขาคือพระอาณาจักรของพระเจ้า” พระเยซูเจ้าตรัสชัดเจนว่า “เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว” ข้อความนี้มีหลายความหมายอย่างน่าสนใจ

o พระอาณาจักรของพระเจ้าคือการปกครองของพระเจ้า และพระเยซูคือพระเจ้า การมีพระองค์ประทับอยู่ ณ ที่ใด ที่นั่นก็คือพระอาณาจักรของพระเจ้า กล่าวได้ว่าพระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงเรา นับจากวันที่พระองค์บังเกิดมาที่เบธเลเฮมแล้ว และสูงเด่นเมื่อสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ เสด็จสู่สวรรค์พร้อมกับประทานพระจิตเจ้าให้กับพระศาสนจักรคือเราทุกคน... ทรงเป็นกษัตริย์ปกครองเราตลอดไป

o พระอาณาจักรของพระเจ้า คือ พี่น้องผู้มีความเชื่อที่เราต้องเหลียวมองใส่ใจ ที่ใดที่ความรัก ความยุติธรรม และสันติสุข พระเจ้า การปกครองของพระเจ้าก็อยู่ที่นั่นแล้ว ตราบใดที่เราเจริญชีวิตเป็นเกลือดองโลก เป็นแสงสว่างส่องโลก ด้วยกิจการดี ความรักเมตตา เราก็กำลังร่วมกันสถาปนาพระอาณาจักรของพระเจ้า ณ ปัจจุบัน ในทุกแห่งอยู่แล้ว

o พี่น้องผู้ยากไร้ คนบาป คนชายขอบสังคม ทุกคน ก็เป็นสมาชิกถาวรแท้จริงของพระอาณาจักรพระเจ้า การถูกกระทำอยุติธรรมใดๆ หรือการไร้ซึ่งความรักเมตตาต่อเพื่อมนุษย์ เป็นการเป็นอริศัตรูกับพระอาณาจักรของพระเจ้า ดังนั้น เราศิษย์พระคริสตเจ้าต้องพยายามที่จะประกาศความยุติธรรม ความรัก สันติ และความเมตตาไมสิ้นสุดของพระเจ้าผ่านทางกิจการดีของเราเพื่อทุกคนจะได้ สรรเสริญพระบิดาเจ้าสวรรค์ (เทียบ มธ 5:16) กิจการดี คือ สิ่งที่เห็นได้ชัดว่าพระอาณาจักรของพระเจ้าเริ่มขึ้นแล้ว

o พระอาณาจักรพระเจ้าไม่ได้อยู่บนฟ้า สุดขอบฟ้าที่ต้องแสวงหา เชื่อพ่อเถอะครับ... พระเยซูเจ้าตรัสชัดเจน... อยู่ท่ามกลางเราแล้ว ณ เวลานี้จริงๆ คือ เราทุกคนที่ดำเนินชีวิตในความรักเมตตา ในความยุติธรรมและสันติ พระเจ้าประทับอยู่ที่นั่นครับ

• สรุป พระศาสนจักร คือ เราคริสตชนทุกคนนี่แหละที่กำลังเป็นเกลือดองโลก (อย่าลืมนะ ถ้าเกลือเสียความเค็ม พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ไม่มีประโยชน์นอกจากทิ้งให้คนเหยียบย่ำ) พ่อไตร่ตรองจริงๆ บทบาทของเรา “พระศาสนจักรคาทอลิก” ในโลก คริสตชนฆราวาส นักบวช พระสงฆ์ ถ้าชีวิตเป็นเกลือที่จืด ไม่มีคุณภาพ โดยเฉพาะคุณภาพของการรักษาบาดแผล เยียวยาบาดแผล การเก็บรักษามิให้เน่าเสีย และเพิ่มรสชาด ถ้าไม่มีคุณภาพก็ควรทิ้งให้คนเหยียบย่ำ... 

o ชีวิตที่ไม่มีคุณภาพของคริสตชนในการสถาปนาพระอาณาจักรแห่งความรักเมตตาและ ยุติธรรม ชีวิตพระสงฆ์นักบวชที่จืดชืดเหมือนเกลือสูญเสียความเค็ม เสียคุณภาพที่จะเยียวยารักษาถนอมรักษาความดีของสังคม... หรือฆ่าเชื้อโรคร้ายของสังคม... ชีวิตที่ไม่มีคุณภาพแห่งความรัก การรักษาเยียวยาบาดแผล และถนอมเอกภาพ เป็นชีวิตที่ไม่มีคุณภาพ และคนก็จะเหยียบย่ำพระศาสนจักร ทำให้พระศาสนจักรเป็นที่ตำหนิและน่าเศร้าใจ... และไม่ง่ายด้วยสิที่จะนำ “เกลือจืด” กลับมาทำให้เค็มอีก และ “เกลือนั้นก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากทิ้งให้คนเหียบย่ำ” (เทียบ มธ 5:13 และ มก 9:49-50)

o ชีวิตคริสตชนที่เป็นแสงสว่างที่มีพลังจะทำให้สังคมและเห็นความจริง และเห็นตัวเราสมาชิกพระศาสนจักร พระสงฆ์ นักบวช คริสตชน อย่างเป็นความจริง ไม่ซ่อนไว้ใต้ถังเหมือนตะเกียงที่จุดแล้วซ่อนไว้ แสงสว่างนี้จะทำให้คนอื่นเห็นเรา เราเห็นคนอื่น และไม่สะดุด (Skandalos, Scandalum, Scandal) คือ ไม่สะดุดและไม่เป็นที่สะดุด โปร่งใสเห็นได้ชัด เพราะเราคือ “แสง” โดยเฉพาะ “แสงแห่งธรรมความรักความจริงและความดี ปรากฎโดดเด่นในความเมตตากรุณา”

• พี่น้องที่รักครับ... ไม่ต้องวิ่งไปหาพระอาณาจักรพระเจ้าให้เหนื่อยจนสุดขอบฟ้า ไม่ต้องแหงนหน้าจนคอเคล็ดหน้ามืด ยอมรับความจริงว่าพระเยซูคริสตเจ้าคือพระราชาแห่พระอาณาจักร คือ พระราชาแห่งความรักเมตตา ยุติธรรมและสันติ ราชาที่ทรงมอบชีวิตเป็นแบบอย่างแห่งความรักเพื่อดองโลกให้เหมือนพระองค์ โดยอาศัย “เราทุกคน” ครับ คริสตชนทุกคน นักบวชพระสงฆ์ต้องเด่นชัดนะครับ เมตตา รัก ยุติธรรม สันติ เอกภาพ เยียวยาบาดแผลของสังคม เราต้องรวมกันเป็น “ครอบครัวของพระศาสนจักรเพื่อให้กำเนิดความรักความยุติธรรม และเป็นครอบครัว บ้านแห่งการรักษาเยียวยาบาดแผลที่เจ็บปวดของสังคมและกระทบมวลพี่น้องของเรา ทุกคน...


• ยกสายตาภาวนาเชิญพระอาณาจักรจงมาถึง... และยื่นมือออกไปเพื่อสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้าด้วยกัน และหัวใจของการสร้างพระอาณาจักรนั้น คือ เอกภาพและการคืนดี การให้อภัยไม่สิ้นสุดเสมอไปนะครับ...ขอพระเจ้าองค์ความรักประทับอยู่กับทุก ท่าน ขอพระอาณาจักรมาถึงท่านวันนี้ในความรัก ความจริง ความยุติธรรมความเมตตาและสันติสุข โดยเฉพาะ “การให้อภัย” แก่กันและกันครับ...

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก