“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2015
สัปดาห์ที่สอง เทศกาลมหาพรต

ลก 15:1-3, 11-32…
1บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า 2ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์ต่างบ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” 3พระองค์จึงตรัสอุปมาเรื่องนี้ให้เขาฟัง
11พระองค์ยังตรัสอีกว่า “ชายผู้หนึ่งมีลูกสองคน 12ลูกคนเล็กพูดกับบิดาว่า “พ่อครับ โปรดให้ทรัพย์สมบัติส่วนที่เป็นมรดกแก่ลูกเถิด” บิดาก็แบ่งทรัพย์สมบัติให้แก่ลูกทั้งสองคน 13ต่อมาไม่นาน ลูกคนเล็กรวบรวมทุกสิ่งที่มีแล้วเดินทางไปยังดินแดนห่างไกล ที่นั่นเขาประพฤติเสเพลผลาญเงินทองจนหมดสิ้น
14เมื่อเขาหมดตัว ก็เกิดกันดารอาหารอย่างหนักทั่วดินแดนนั้น และเขาเริ่มขัดสน

15จึงไปรับจ้างอยู่กับชาวเมืองคนหนึ่ง คนนั้นใช้เขาไปเลี้ยงหมูในทุ่งนา
16เขาอยากกินฝักถั่วที่หมูกินเพื่อระงับความหิว แต่ไม่มีใครให้ 17เขาจึงรู้สำนึกและคิดว่า ‘คนรับใช้ของพ่อฉันมีอาหารกินอุดมสมบูรณ์ ส่วนฉันอยู่ที่นี่ หิวจะตายอยู่แล้ว 18ฉันจะกลับไปหาพ่อ พูดกับพ่อว่า ‘พ่อครับ ลูกทำบาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ 19ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีก โปรดนับว่าลูกเป็นผู้รับใช้คนหนึ่งของพ่อเถิด” 20เขาก็กลับไปหาพ่อ
ขณะที่เขายังอยู่ไกล พ่อมองเห็นเขา รู้สึกสงสาร จึงวิ่งไปสวมกอดและจูบเขา 21ลูกจึงพูดกับพ่อว่า ‘พ่อครับ ลูกทำบาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีก’ 22แต่พ่อพูดกับผู้รับใช้ว่า ‘เร็วเข้า จงไปนำเสื้อสวยที่สุดมาสวมให้ลูกเรา นำแหวนมาสวมนิ้ว นำรองเท้ามาใส่ให้ 23จงนำลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วไปฆ่า แล้วกินเลี้ยงฉลองกันเถิด 24เพราะลูกของเราผู้นี้ตายไปแล้วกลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก’” แล้วการฉลองก็เริ่มขึ้น
25ส่วนลูกคนโต อยู่ในทุ่งนา เมื่อกลับมาใกล้บ้าน ได้ยินเสียงดนตรีและการร้องรำ 26จึงเรียกผู้รับใช้คนหนึ่งมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น 27ผู้รับใช้บอกเขาว่า “น้องชายของท่านกลับมาแล้ว พ่อสั่งให้ฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้ว เพราะเขาได้ลูกกลับคืนมาอย่างปลอดภัย” 28ลูกคนโตรู้สึกโกรธ ไม่ยอมเข้าไปในบ้าน พ่อจึงออกมาขอร้องให้เข้าไป 29แต่เขาตอบพ่อว่า “ลูกรับใช้พ่อมานานหลายปีแล้ว ไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อเลย พ่อก็ไม่เคยให้ลูกแพะแม้แต่ตัวเดียวแก่ลูกเพื่อเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ 30แต่พอลูกคนนี้ของพ่อกลับมา เขาคบหญิงเสเพล ผลาญทรัพย์สมบัติของพ่อจนหมด พ่อยังฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วให้เขาด้วย”
31พ่อพูดว่า “ลูกเอ๋ย ลูกอยู่กับพ่อเสมอมา ทุกสิ่งที่พ่อมีก็เป็นของลูก 32แต่จำเป็นต้องเลี้ยงฉลองและชื่นชมยินดี เพราะน้องชายคนนี้ของลูกตายไปแล้ว กลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก”’

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• พระวาจาของพระเจ้าวันนี้เราได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟัง เรียกว่า “บ่อย” คุ้นเคยกันมากที่เราได้มีโอกาสอ่านและฟังเทศน์และโอกาสอื่นๆ พ่อขอนำพระวาจาวันนี้มาเจาะใจและเจาะความจริงของชีวิตเรากันนะครับ พี่น้องอ่านการตีความเล็กๆของพ่อตอนนี้ดูนะครับ

• ประเด็นจากตัวบทที่น่าคิดครับ

o พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้เล่าด้วยพระองค์เอง มิใช่ใครอื่น และพระองค์กำลังหมายถึง “พระบิดา” พระบิดาของเรามนุษย์ทุกคน พระบิดาผู้ทรงเมตตากับลูกๆของพระองค์

o ลูกคนเล็กออกจากบ้านไป... “พ่อครับ ขอทรัพย์สมบัติส่วนที่เป็นของมเถิด” แปลความง่ายๆว่า “พ่อครับ พ่อตายเถอะ ผมต้องการสมบัติ” เพราะตามธรรมเนียมชาวยิวจะได้รับสมบัติส่วนแบ่งของตน... เมื่อพ่อตายแล้วเท่านั้น ดังนั้น เขาขอเช่นนี้เท่ากับว่าเขาตัดสัมพันธ์กับบิดาของตน บาป การละทิ้งพระเจ้า คือ การตัดสัมพันธ์กับพระองค์ เลือกตนเองและทิ้งพระเจ้าพระบิดา และทิ้งครอบครัวเพื่อนพี่น้องของตนเอง แตกตัวออกไปจากบิดา (พระบิดา) และจากพี่น้องของตน เลือกเอาใจตนเป็นใหญ่เท่านั้น แม้พ่อมีชีวิตอยู่ก็จริง พี่น้องมีชีวิตอยู่ก็จริง แต่ฉันเลือกที่จะเดินออกไปและทำประดุจว่า ทุกคนไม่ได้มีชีวิต มิได้มีตัวตนสำหรับเราอีกต่อไป... “รวบรวมทุกอย่างที่มี ออกเดินทางไปประเทศห่างไกล” ห่างไปจากทุกคน เลือกตนเองและสมบัติของตนเท่านั้น.. แม้แต่บิดาแสนรัก ก็ไม่มีค่าอีกต่อไป.... (เดินทางไปอยู่กับคนต่างชาติ ต่างแดน)

o หมดตัว...เสเพล...มั่นใจ...ไม่ต้องการใคร...และคิดว่าสมบัติที่ติดตัวไป (ซึ่งอันที่จริงคือความรักและสมบัติของบิดา) ผลาญเงินจนหมด (ทำลายความรักของบิดาจนหมด) เมื่อเขาหมดตัว....ไม่เหลือสมบัติของพ่อ... ผลตามมาคือตกต่ำ ยากไร้ จากลูกพ่อกลายเป็นคนใช้คนต่างชาติ...แย่มาก “เลี้ยงหมู” คือ บาดเจ็บ เพราะชาวยิวไม่เลี้ยงหมู แต่ขณะนี้เขาย่ำแย่แล้ว.. ไม่พอ “เขาอยากกินฝักถั่วที่หมูกินแต่ไม่มีใครให้” พี่น้องที่รักเราจะตีความตอนนี้ว่าอะไร..ถ้าไม่ใช่ที่ว่า...เขาอยากกิน เหมือนหมู แย่สุดแล้วยอมเป็นเหมือนหมูก็ได้ แต่ไม่ได้กินแบบหมูกลับ “หิวจะตาย”
o “สำนึกและความทรงจำ” ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่เจ้าลูกคนเล็ก “ย้ำลูกคนเล็ก” โชคดีที่เป็นคนเล็กจึงมีประสบการณ์ดีๆกับบิดาและพี่ เขามีสำนึกและความทรงจำ (memories and experiences) ที่ดี เขาสำนึกอ่านข้อความนี้อีกทีอย่างดีๆครับ “เขาจึงรู้สำนึกและคิดว่า ‘คนรับใช้ของพ่อฉันมีอาหารกินอุดมสมบูรณ์ ส่วนฉันอยู่ที่นี่ หิวจะตายอยู่แล้ว ฉันจะกลับไปหาพ่อ พูดกับพ่อว่า ‘พ่อครับ ลูกทำบาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีก โปรดนับว่าลูกเป็นผู้รับใช้คนหนึ่งของพ่อเถิด” เขาก็กลับไปหาพ่อ”
o โชคดีมากที่เขาคิด “จะกลับไปหาพ่อ” ดีใจแทนเขาจริงๆ เขาเลือกถูก และอยากให้พ่อเองและให้พวกเราทุกคนเลือกถูก คิดถูก จำได้ อย่าลืมความผูกพันกับพ่อแม่และครอบครัว ดีจังที่เราเคยได้มีประสบการณ์ดีๆ พ่อเองก็เป็นลูกคนเกือบเล็กสุดในพี่น้อง 15 คน พ่อคนที่สิบสี่... มีประสบการณ์มากมายแน่ๆ สำหรับเราลูกคนเล็กๆ และลูกของพ่อแม่...
o เพราะพวกเราลูกคนเล็กๆ คนท้ายๆแบบพ่อ สิ่งที่เรามั่นใจได้คือพี่ๆคงจะทุกคน ทุกคนจริงๆ เคยกอดเรา เคยอุ้มเราขณะที่เรายังเดินไม่เป็น เคยป้อนข้าวให้เราขณะที่เรายังป้อนตัวเองไม่ได้ เคยอาบน้ำให้เราเพื่อไม่ให้เราสำลักน้ำตาย เคยปลอบใจเรา เช็ดน้ำตาให้เรา ประคองเราเมื่อยามที่เราล้มลง พ่อเขียนไปพ่อก็คิดจริงๆว่า พี่ของพ่อทุกคน ทั้ง 13 คน เคยอุ้มพ่อแน่ๆ เคยเช็ดทำความสะอาดให้พ่อเมื่อยามพ่อฉี่รดเพราะความที่เป็นเด็ก... เคยปลอบพ่อเช็ดตัวให้พ่อในยามตัวร้อนเป็นไข้ไม่สบาย... พ่อจำความไม่ได้หรอกครับยามนั้นที่พ่อเป็นเด็กเล็กๆ แต่พ่อเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง มีอยู่จริงๆ แน่ๆ พ่อจำไม่ได้หรอกครับ แต่พ่อลูกคนที่ 14 พ่อมั่นใจว่าความรักของพี่ๆ มีอยู่จริงๆ พ่อสิไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้พวกเขาเลย... พวกเขาทำแบบนี้ให้พ่อแน่ๆ ตลอดจนพ่อโต... และบางทีมากกว่านั้น..พ่ออาจจะเคยโมโห โกรธพี่ เคยซัดเคยทุบไปหลายป้าบหลายผัวะก็ได้... อาจหลายครั้ง พี่อาจตีพ่อบ้างเพราะรัก แต่พ่อคงเคยซัดพี่ๆไปเพราะโมโหมากมาย... เฮ้อ เขียนต่อไปคงมีความทรงจำดีๆอีกเยอะมากๆๆ พ่อดีกว่าสะเทือนใจครับ... สำหรับลูกคนเล็กขอพ่อที่ตกต่ำ... โชคดีที่เขาจำได้ ระลึกได้ โชคดีจริงๆที่ความรักของบิดามีอยู่จริงในประสบการณ์
o คำสำคัญ และโชคดีที่เขาเลือก “กลับไปหาพ่อ”

• จากนี้ไปดูความสุดยอดของพระเจ้าพระบิดา ดูดีๆ พระเยซูเจ้าเล่าเอง...โมเมนท์นี้งดงามที่สุดเลยครับ

o “ขณะที่เขายังอยู่ไกล พ่อมองเห็นเขา รู้สึกสงสาร จึงวิ่งไปสวมกอดและจูบเขา” ใครเห็นใครก่อน ใครสงสาร ใครวิ่ง... พ่อคงแก่แล้ว แต่วิ่ง ใครสวมกอด ใครจูบเขา... ไม่ต้องสงสัยเลย พ่อแม่ทุกคนถ้าเป็นพ่อแม่จริงๆ ก็เป็นแบบนี้แน่นอน พระบิดาของเราทรงเป็นพระบิดาแท้จริงตลอดนิรันดร

o “ลูกจึงพูดกับพ่อว่า ‘พ่อครับ ลูกทำบาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีก’” พูดได้หมดไหม...คำตอบคือไม่หมด ยังไม่ได้ของเป็นคนใช้ตามที่ตั้งใจเตรียมมา เพราะเจอกอดและจูบของบิดาเข้า มันคือคำตอบที่เกินกว่าจะขอโง่ๆต่อไปแล้วลูกเอ๋ย....

o ดูแต่ละอย่างที่บิดาสั่งสิครับ...ความรักจริงๆ ให้อภัยหมด รัก อันที่จริงต้องบอกว่าไม่เคยโกรธเลย แต่ลูกทิ้งพ่อตัดพ่อไปต่างหาก..... “แต่พ่อพูดกับผู้รับใช้ว่า ‘เร็วเข้า จงไปนำ
1. เสื้อสวยที่สุดมาสวมให้ลูกเรา (ความรักมาก)
2. นำแหวนมาสวมนิ้ว (สมบัติและทายาท)
3. นำรองเท้ามาใส่ให้ (ความถนอมเอาใจใส่และความรัก)
4. จงนำลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วไปฆ่า แล้วกินเลี้ยงฉลองกันเถิด เพราะลูกของเราผู้นี้ตายไปแล้วกลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก’” แล้วการฉลองก็เริ่มขึ้น (ความยินดีที่ทุกคนได้รับเมื่อลูกคนเล็กกลับมา)


• ลูกคนโต โกรธ เพราะเขาอยู่กับพ่อเป็นลูกพ่อ แต่กลับทำตัวและคิดเหมือนเป็นคนใช้.. (พวกนี้พระเยซูเจ้าหมายถึงธรรมจารย์ ฟาริสี ที่ศรัทธาต่อพระเจ้า แต่ไม่ได้ทำเพื่อรักพระบิดา แต่ทำตัวเหมือนคนใช้หรือทาสที่ทำดีเพราะอยากได้รางวัล)

o “ส่วนลูกคนโต อยู่ในทุ่งนา เมื่อกลับมาใกล้บ้าน 

o “ผู้รับใช้บอกเขาว่า “น้องชายของท่านกลับมาแล้ว พ่อสั่งให้ฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้ว เพราะเขาได้ลูกกลับคืนมาอย่างปลอดภัย” คนใช้รู้ดีว่า น้องของเขากลับมาก “น้องชายของท่านกลับมาแล้ว” และรู้ดีว่า คนที่กลับมาคือลูกของบิดา “พ่อสั่งให้ฆ่าลูกวัว...” 

o ความโกรธ คือ ความสัมพันธ์ของลูกคนโตก็ไม่ต่างจากคนเล็ก อยู่กับพ่อแต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นพ่อ น้องเขาก็ไม่เรียกว่าน้อง แต่ดูถ้อยคำดีๆ พระวรสารสุดยอด...

o “ลูกรับใช้พ่อมานานหลายปีแล้ว ไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อเลย พ่อก็ไม่เคยให้ลูกแพะแม้แต่ตัวเดียวแก่ลูกเพื่อเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ” (นี่อย่างไรความคิดเหมือนทาสที่อยู่กับพ่อ ตัวเองยังไม่เคยประเมินตนเองเป็นลูกเลย ทำงานอยากได้รางวัล นี่มันนิสัยคนใช้ชัดๆ)

o “แต่พอลูกคนนี้ของพ่อกลับมา เขาคบหญิงเสเพล ผลาญทรัพย์สมบัติของพ่อจนหมด พ่อยังฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วให้เขาด้วย” เขาไม่ยอมรับน้อง ปฏิเสธน้องถึงขนาดที่ไม่เรียกน้อง แต่เรียกว่า “ลูกคนนี้ของพ่อ” หมายความว่า “มันลูกพ่อแต่มันไม่ใช่น้องฉัน” แรงนะครับ แรงจริงๆเช่นกัน (พ่อจินตนาการถ้าพ่อเป็นพ่อคนนั้นที่ลูกทะเลาะกัน เกลียดกัน ไม่ยอมรับกัน เรื่องเหล่านี้มีอยู่จริงในสังคมเรา พ่อดูในละครไทยสะท้อนมาเยอะมากๆๆ หรือไม่จริงครับ บางทีก็ในครอบครัวของเราด้วย ครอบครัวของตัวพ่อเองด้วย... พ่อคิด...บิดาของเรามารดาของเราจะรู้สึกอย่างไรหนอ.... สงสารจัง..ยิ่งถ้าแก่แล้วก็นั่งตาแป๋ว...น้ำตาตกในเมื่อลูกทิ้งตนและพี่น้อง (คนเล็ก) และเมื่อลูกเกลียดกันไม่ยอมรับกัน (คนโต) พ่อไม่อยากจินตนาการต่อ พ่อได้ยินมามาก พบเจอมามาก แม้แต่ในครอบครัวคริสตชนทั้งยากจนและร่ำรวย มีน้อยก็แย่งกันน้อย มีมากก็แย่งกันมาก มิต่างกัน แล้วก็ไปวัดคนละเวลาเรียกว่าต้องเดินทางคนละเที่ยวบิน... แล้วพระบิดาเจ้าก็ทรงเฝ้าดูด้วยความรักต่อไป)


• เสียงของบิดาเหมือนเตือนสติปลุกให้ตื่น กัดกันจมเขี้ยวจะได้ปล่อยได้คลายกันเสียที

o “ลูกเอ๋ย ลูกอยู่กับพ่อเสมอมา ทุกสิ่งที่พ่อมีก็เป็นของลูก” เสียงย้ำเตือนคนโตว่า“แก่เป็นลูกฉันนะไม่ใช่ทาส”

o “เพราะน้องชายคนนี้ของลูกตายไปแล้ว กลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก” เสียงเตือนว่านี่น้องของแกนะ


• สรุปละครับ สรุปว่า เขียนจบแล้วอยากกลับบ้าน อยากกลับไปหาจา ไปหาพี่ๆ ที่เคยอุ้มดูแลน้องคนเล็กคนนี้จัง... พี่น้องครับ เราลูกพระพี่น้องกันครับ รักกันมากๆ คืนดีกันและยอมรับกันให้มากๆเถอะนะครับ...

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก