“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2015
สัปดาห์ที่สอง เทศกาลมหาพรต

ลก 16:19-31…
19‘เศรษฐีผู้หนึ่ง แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน 20คนยากจนผู้หนึ่งชื่อลาซารัส นอนอยู่ที่ประตูบ้านของเศรษฐีผู้นั้น เขามีบาดแผลเต็มตัว 21อยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี (22)มีแต่สุนัขมาเลียแผลของเขา 
22วันหนึ่ง คนยากจนผู้นี้ตาย ทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม เศรษฐีคนนั้นก็ตายเช่นเดียวกัน และถูกฝังไว้ 23‘เศรษฐีซึ่งกำลังถูกทรมานอยู่ใแดนผู้ตาย แหงนหน้าขึ้น มองเห็นอับราฮัมแต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ในอ้อมอก 24จึงร้องตะโกนว่า “ท่านพ่ออับราฮัม จงสงสารลูกด้วย กรุณาส่งลาซารัสให้ใช้ปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นให้ลูกสดชื่นขึ้นบ้าง เพราะลูกกำลังทุกข์ทรมานอย่างสาหัสในเปลวไฟนี้”

25แต่อับราฮัมตอบว่า “ลูกเอ๋ย จงจำไว้ว่า เมื่อยังมีชีวิต ลูกได้รับแต่สิ่งดี ๆ ส่วนลาซารัสได้รับแต่สิ่งเลว ๆ บัดนี้เขาได้รับการบรรเทาใจที่นี่ ส่วนลูกต้องรับทรมาน 26ยิ่งกว่านั้น ยังมีเหวใหญ่ ขวางอยู่ระหว่างเราทั้งสอง จนใครที่ต้องการจะข้ามจากที่นี่ไปหาลูก ก็ข้ามไปไม่ได้ และผู้ที่ต้องการจะข้ามจากด้านโน้นมาหาเรา ก็ข้ามมาไม่ได้ด้วย”
27‘เศรษฐีจึงพูดว่า “ท่านพ่อ ลูกอ้อนวอนให้ท่านส่งลาซารัสไปยังบ้านบิดาของลูก 28เพราะลูกยังมีพี่น้องอีกห้าคน ขอให้ลาซารัสเตือนเขาอย่าให้มายังสถานที่ทรมานแห่งนี้เลย” 29อับราฮัมตอบว่า “พี่น้องของลูกมีโมเสสและบรรดาประกาศกอยู่แล้ว ให้เขาเชื่อฟังท่านเหล่านั้นเถิด” 30แต่เศรษฐีพูดว่า “มิใช่เช่นนั้น ท่านพ่ออับราฮัม ถ้าใครคนหนึ่งจากบรรดาผู้ตายไปหาเขา เขาจึงจะกลับใจ” 31อับราฮัมตอบว่า “ถ้าเขาไม่เชื่อฟังโมเสสและบรรดาประกาศก แม้ใครที่กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตายเตือนเขา เขาก็จะไม่เชื่อ”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• เรื่องเล่าของลาซารัสกับเศรษฐี ที่พระเยซูเจ้าทรงเล่า และบันทึกอยู่ในพระวรสารนักบุญลูกาเท่านั้น บทที่ 16 เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่พ่อคิดว่า เราเคยได้ยิน เคยได้อ่าน และได้ไตร่ตรองกันมาบ้าง ความจริงอุปมาหรือเรื่องเล่าในด้านหนึ่งไม่ควรตีความมากเกินไป ควรปล่อยให้ผู้อ่านตกตะกอน คิด ไตร่ตรอง และให้เรื่องราวกระซิบเบาในใจของพี่น้องผู้อ่านพระวรสารเอง ดังนั้น พ่อจะทำเช่นเดียวกัน พ่อจะชี้เพียงบางประเด็นในเรื่องเล่านี้ และเสนอให้เราได้ไตร่ตรองกันครับ

• ความแตกต่างของเศรษฐีกับลาซารัสในโลกนี้ แตกต่างกันอย่างมาก เน้น ครับ เรื่องนี้พระเยซูเจ้า “ทรงเล่าด้วยพระองค์เอง” ดังนั้น เราน่าจะติดตามและไตร่ตรองจริงๆ ครับ มีประเด็นของความแตกต่างเพื่อกระชากใจคนฟังให้เห็นความแตกต่างมากๆ ครับ

o ‘เศรษฐีผู้หนึ่ง แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน 

o คนยากจนผู้หนึ่งชื่อลาซารัส นอนอยู่ที่ประตูบ้านของเศรษฐีผู้นั้น เขามีบาดแผลเต็มตัว


• ภาพที่แสนจะแตกต่างนี้ไม่ต้องคิดถึงสมัยพระเยซูเจ้าเท่านั้น มีทุกยุคทุกสมัยครับ มีให้เห็นมาก และมากขึ้นทุกวัน ทุกวันจริงๆ... ไม่ต้องให้อรรถาธิบาย แต่เราสัมผัสได้ถึงเรื่องนี้ พระเยซูเจ้าชี้ความแตกต่าง “อาหารการกิน การแต่งกาย” และ สิ่งที่ลาซารัสมีเพิ่มคือ “บาดแผล”

• พ่ออยากเน้นประเด็นครับ เขานอนอยู่ประตูบ้านเศรษฐีครับ... ณ เพียงธรณีประตูข้ามไปเท่านั้น เพียงก้าวเท้าข้ามไปเท่านั้น... แต่พระคัมภีร์ดูเหมือนบอกกับเรารุนแรงและกระทบมโนธรรมมาเพราะธรณีประตูเพียง ก้าวข้ามออกไป “ง่ายมาก” แต่ดูเหมือนว่า “เศรษฐีคนนี้ไม่เคยก้าวออกไป หรือแม้แต่จะหยิบยืน หรือแม้แต่โยนเศษอาหารออกไปก็ได้ แต่เขาไม่ได้ทำ” พี่น้องจำ จำ ธรณีประตูนี้ไว้ดีๆ จำไว้ให้แม่นเลยนะครับ ว่า มันคือธรณีประตูที่แสนง่ายจะก้าวข้ามแต่เศรษฐีในท้องเรื่องมิได้ก้าวข้ามไป สักครั้ง แม้พระคัมภีร์จะบันทึกว่า “ลาซารัสอยากกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี” ดังนั้น จึงหมายความได้ว่า เศรษฐีคนนี้ไม่ได้ก้าวข้ามธรณีประตูไปหาลาซารัส แน่นอนครับ ลาซารัสเองไม่มีทางแน่ๆที่จะได้ก้าวข้ามมาอยู่แล้ว (พี่น้องดู บ้านในหมู่บ้านมหาเศรษฐีปัจจุบันสิครับ ที่เขียนแถวถนนราชพฤกษ์สะเทือนใจพ่อมาก เขาเขียนว่า “เริ่มต้นที่เจ็ดสิบล้าน....” ประตูทางเข้าคือคฤหาสน์ ยามเฝ้า กล้อง ไม้กัน ห้องประจำการเพื่อแลกบัตร รถไม่มีตรา (ที่ซื้อทุกๆปี) ไม่มีวันเข้าได้... บ้านขนาดนั้น ยามหน้าป้อมที่แต่งตัวเท่ห์ๆ ตกเย็นกลับบ้าน ก็นอนบ้านเช่า คืนสภาพสู่สลัมเหมือนกันกระมังครับ) ดังนั้น เรื่องเล่าของพระเยซูเจ้า ลาซารัสอย่าได้หวังจะข้ามไปเลย... “ฝัน”

• (22) “มีแต่สุนัขมาเลียแผลของเขา” ข้อนี้เลข 22 อยู่ในวงเล็บ ต้องสำรวจแล้ว พ่อต้องพิสูจน์ภาษาต้นฉบับเลย กรีกพันธสัญญาใหม่ Greek New Testament พ่อพบร่องรอยประหลาดละครับ ภาษาไทยเราแปลอ่อนไปนิด ไม่กระชากความรู้สึกหรืออารมณ์ทางภาษาเลย เรามาดูกันครับ

o “ἀλλὰ καὶ οἱ κύνες ἐρχόμενοι ἐπέλειχον τὰ ἕλκη αὐτοῦ. (Luk 16:21 GNT)” มีคำสอนคำซ้อนกันในต้นประโยค คือ alla และ kai (อัลลา และ กัย) สองคำนี้มีความหมายกระชากอารมณ์ทางภาษามากครับ... “อัลลา alla” แปลว่า “แต่” ส่วน “กัย kai” แปลว่า “และ” สองคำนี้มาซ้อนกัน ถ้าแปลดีๆ พ่อขอให้ดูภาษาอื่นหน่อยนะครับ

o อังกฤษ even the dogs were coming and licking his sores. (Luk 16:21 NAS)

o ฝรั่งเศส De plus, les chiens venaient lécher ses plaies. (Luk 16:21 BFC)
o เยอรมัน aber auch die Hunde kamen und leckten seine Geschwüre. (Luk 16:21 ELB)

o อิตาเลียน Perfino i cani venivano a leccare le sue piaghe. (Luk 16:21 IEP)

o ลาติน sed et canes veniebant et lingebant ulcera eius (Luk 16:21 VUL)


• สำรวจต้นฉบับกรีก และคำแปลต่างๆ ภาษาไทยแปลว่า “มีแต่สุนัขมาเลียแผล” แต่ถ้าดูกรีก ลาติน และภาษาอื่นๆ กระชากความรู้สึกตรงกรีกมากกว่าครับ ถ้าจะแปลตรง คงต้องแปลว่า “และแม้แต่สุนัขยังมาเลียแผลของเขา”

o ลูกกาเขียนแบบนี้แปลว่า อะไร “อัลลา กัย” “และ แต่” น่าจะมีความหมายจังเลยครับ... คำถามคือสื่ออะไร...

o พ่อคิดว่า ลูกาต้องการสื่อความร่ำรวยและสุดแสนใจแคบของเศรษฐีกระมังครับ... เศษอาหารที่โต๊ะลาซารัสอยากกิน แม้แต่สุนัขมันยังหิวและอยากกิน พวกมันยังไม่ได้กินเลย... พวกมันจึงต้องมาเลียแผลของลาซารัสเหมือนกับว่า “มันหิวกระนั้นหรือ” 

o คำถามที่พ่อคาใจมาตลอดคือสุนัขเหล่านี้เป็นของใคร... ในพระคัมภีร์.. พระวรสารบางครั้งเปรียบเหมือนคนต่างชาติครับ (จำเรื่องหญิงชาวซีโรฟีนีเชียนได้ไหม นางมาขอพระเยซูเจ้ารักษาลูกของนาง.. พระองค์บอกให้ลูกกินอิ่มก่อนและจึงโยนให้ลูกสุนัข... และนางตอบอย่างถ่อมตน จนพระเยซูเจ้าประกาศถึงความเชื่อยิ่งใหญ่ของนาง แต่เรื่องนี้อยู่ในพระวรสารนักบุญมาระโก บทที่ 7:21 จึงไม่น่าจะมีอะไรเปรียบกับเรื่องสุนัขในเรื่องของลาซารัสนี้ได้)

o ดังนั้น พ่อสรุปครับ... ลูกาต้องการชี้ให้เห็นกระมังครับ... เศรษฐีใจแคบมากๆ ไม่ใช่เพียงลาซารัสที่หิว แต่บรรดาสุนัขก็ยังหิวด้วย “ดังนั้น ประเด็นคือความใจแคบสุดของเศรษฐีคนนี้”


• เรื่องดำเนินต่อไปพ่อไม่ต้องเล่าแล้ว เรารู้ว่าทั้งสองตายไป และผลที่เกิดคือ “ทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม เศรษฐีคนนั้นก็ตายเช่นเดียวกัน และถูกฝังไว้ ‘เศรษฐีซึ่งกำลังถูกทรมานอยู่ใแดนผู้ตาย แหงนหน้าขึ้น มองเห็นอับราฮัมแต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ในอ้อมอก” 

o เศรษฐีคนนั้น ร้อง “ท่านพ่ออับราฮัม สงสารลูกด้วย...” ร้อนมาก ขอเพียงให้ลาซารัส “ข้ามมา” เอานิ้วจุ่มน้ำมาแตะที่ลิ้นก็ยังดี...

o อับราฮัมทบทวนประสบการณ์เมื่อครั้งอยู่ในโลก...

o ประเด็นที่พ่อบอกให้จำดีๆตอนแรกครับ “ธรณีประตูแคบๆที่เศรษฐีไม่เคยข้ามไป...” บัดนี้ “มีเหวใหญ่” ที่ข้ามไปไม่ได้อีกแล้วมากันระหว่างเขาทั้งสอง จะข้ามไปก็ไม่ได้ จะข้ามมาก็ไม่ได้...

o พ่อบอกพี่น้องตอนต้นว่าให้จำ “ธรณีประตูแสนแคบนี้ไว้ดี” บัดนี้ “เหวกว้างจนหมดทางที่จะข้ามไปอีกแล้ว....

• พี่น้องที่รักครับ... พ่อมาถึงสิ่งที่เราต้องไตร่ตรอง “ธรณีประตูหรือสิ่งขวางกันในชีวิตนี้แล้วครับ อย่ารอให้ถึงเหวใหญ่ขนาดสวรรค์กับนรกเลยนะครับ” เริ่มข้ามไปหากันในเวลานี้เถอะนะครับ... ธรณีที่กันเรามากที่สุดคืออคติและความเห็นแก่ตัว มันคือเส้นบางๆที่ขวางกันแบบยากที่จะข้ามถ้าไม่ตัดสินใจ...

o พี่น้องที่รัก... ก้าวข้ามไปหากันเถอะนะครับ ความร่ำรวยน่ารักครับ คนรวยน่ารักมีมาก ร่ำรวยดีครับจะได้ช่วยคนยากจนหรือมีโอกาสน้อยกว่าได้มาก ขอเพียง “กล้าข้ามไป” ครับ ถ้าเราไม่ก้าวข้ามไป คนยากจนจะกล้าข้ามมาหรือครับ...

o พ่อบ่อยครั้ง ไปในที่ที่เขาเรียกว่า “ไฮน์คลาส...สถานที่ที่เรียกว่า VIP ยังไม่พอยังมี VVIPขึ้นมาอีก” พ่อยังไม่กล้าเข้าไปเลย ขับรถไปตามห้างระดับไฮเอน... เชอะ รถพ่อจะจอดพ่อก็ต้องวนๆๆๆ แต่มีที่ทาสีสวยชั้นล่างสุดสำหรับ “ซุปเปอร์คาร์” เท่านั้น ครับ พวกวัวตัวโตลัมโบกีนี่ เจ้าคันที่เขาต้องนอนขับเหมือนนอนเปลลากไปกับพื้นนะครับ... พ่อเคยคิดว่าทำไม่ไปจอดชั้นบน รถพวกนี้แรงจะตาย... พ่อมาถึงบางอ้อครับ รถเตี้ยมาขึ้นไม่ได้ ท้องรถติดครับ...” (อมยิ้ม)

o พ่อคิดว่า คริสตชนที่ร่ำรวยต้องน่ารักมากๆ คิดถึงคนยากจนมากๆ น่ารักจริงๆ ศรัทธามากต้องรักพี่น้องมาก มีโอกาสมาก ต้องก้าวข้ามไปหามากๆครับ คนยากไร้ชายขอบเขาไม่กล้าข้ามาหรอกครับ... ข้ามธรณีประตูบ้าน ธรณีประตูและกรอบชีวิตของเราไปหาเพื่อนพี่น้องนะครับ เพื่อว่า ในวาระสุดท้าย เราจะได้ไม่ต้องเจอเหวลึกหรือหาพระองค์กันนะครับ... 

o พระเยซูเจ้า พระบุตร สุดที่รัก ร่ำรวยที่สุด มีชีวิตนิรันดร แต่ทรงละจากความเป็นพระเจ้ามารับสภาพมนุษย์ดุจเรา... (ฟป 2) ยอมมาเดินกับเราคนยากจนและคนบาปเพื่อสอนเรา... รักและเดินตามพระฉบับของพระองค์เถอะครับ...


• พี่น้องครับ เทศกาลมหาพรตปีนี้ ให้เราก้าวออกไปหาคนยากจน พี่น้องผู้ยากไร้กันนะครับ โอกาสดีถ้าเรามีมากกว่า อย่าลืมหรือเก็บตัวในจุดที่พระสันตะปาปาบอกว่ามันคือเซฟโซน คือ บริเวณที่ปลอดภัยของเพียงแต่เราเลยนะครับ... ให้เราออกจากเซฟโซนไปเซฟชีวิตเพื่อนพี่น้องของเรากันนะครับ... อย่าปล่อยให้พวกเขาโดนสุนัขเลียแผลหรือกันกินกันต่อไปเลย... ออกไปนะครับ รักทำให้เราก้าวออกไปครับ ขอพระเจ้าอวยพรครับลูกๆที่รักของพระเจ้าครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก