“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2014
สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา
วว 1:1-4,2:1-5…
1ต่อไปนี้เป็นการเปิดเผยเรื่องพระเยซูคริสตเจ้า
พระเจ้าทรงเปิดเผยแก่พระเยซูคริสตเจ้า เพื่อจะได้แจ้งแก่บรรดาผู้รับใช้องพระองค์ถึงสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ พระเยซูคริสตเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์มาพบยอห์นผู้รับใช้ของพระองค์เพื่ออธิบาย ความหมาย 2ยอห์นเป็นพยานถึงพระวาจาของพระเจ้าและเป็นพยานถึงคำยืนยันของพระเยซูคริสต เจ้าตามที่เขาเห็น 3ความสุข จงมีแก่บรรดาผู้อ่านและผู้ฟังถ้อยคำของการประกาศพระวาจานี้และปฏิบัติตาม ข้อความที่เขียนไว้ เพราะเหตุการณ์ นั้นใกล้เข้ามาแล้ว


4จากยอห์น ถึงพระศาสนจักรทั้งเจ็ดแห่งในแคว้นอาเซีย ขอพระหรรษทานและสันติสุขสถิตอยู่กับท่านทั้งหลาย จากพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ในปัจจุบัน ผู้ทรงดำรงอยู่ในอดีตและผู้เสด็จมา จากจิตทั้งเจ็ดซึ่งอยู่เบื้องหน้าพระที่นั่งของพระองค์ 
1จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของพระศาสนจักรที่เมืองเอเฟซัส ว่า “พระองค์ผู้ทรงถือดาวทั้งเจ็ดดวงไว้ในพระหัตถ์ขวา และทรงดำเนินอยู่ในหมู่เชิงตะเกียงทองคำทั้งเจ็ดเชิง ตรัสดังนี้ 2เรารู้จักกิจการ ความเหน็ดเหนื่อยและความเพียรทนของท่าน และรู้ว่าท่านทนคนชั่วช้าไม่ได้ ท่านทดสอบผู้ที่อ้างว่าเป็นอัครสาวก แต่ไม่เป็น และพบว่า เขาเหล่านั้นเป็นคนพูดคำเท็จ 3ท่านมีความเพียรทนและทนทุกข์เพราะนามของเรา โดยไม่ท้อถอย 4ถึงกระนั้น เรามีเรื่องตำหนิท่านด้วย คือท่านละทิ้งความรักที่เคยมีแต่ก่อน 5 ดังนั้น จงระลึกว่า ท่านเคยเป็นอย่างไร จงกลับใจและทำกิจการอย่างเดิม ถ้าท่านไม่กลับใจ เราจะมาพบท่านและจะยกเชิงตะเกียงของท่านออกจากที่ตั้ง


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• “หนังสือวิวรณ์” หนังสือเล่มสุดท้ายของสารพบพระคัมภีร์ หนังสือเล่มที่ปิดพระคัมภีร์ของเราทั้งฉบับคาทอลิกและโปรแตสแตนท์ เหมือนกัน เล่มสุดท้าย คือ “วิวรณ์”


• เรามาถึงสัปดาห์ท้ายๆของปีพิธีกรรม ปี คู่ (ซึ่งเรามีวันธรรมดาสองระบบ ปีคู่และปีคี่ คือ เลขคริสตศักราชลงท้ายด้วยเลขคู่หรือเลขคี่ ปีนี้ 2014 เป็นปีคู่ ปีหน้า 2015 เป็นปีคี่) ระบบของเราเป็นแบบนี้ การฟังพระวาจาในมิสซาประจำวัน หรือการได้อ่านบทอ่านที่เตรียมไว้แต่ละวันเป็นระบบนี้เสมอมาเป็นร้อยๆปี จึงเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจ ที่คาทอลิกทั่วโลก อ่านพระคัมภีร์ตอนเดียวกันทุกโบสถ์หรือวัด แม้มีเป็นพันๆ ภาษา แต่เราอ่านตอนเดียวกัน ไตร่ตรองตอนเดียวกัน และถ้าดีที่สุดคือ เราเจริญชีวิตตามพระวาจาตอนเดียวกันทั่วโลกเริ่มจากตะวันออกสุดหมู่เกาะคีรี บาติไปจนจรดตะวันตกสุดคือฝั่งอเมริกา เรียกว่า “ดวงอาทิตย์ขึ้นจนดวงอาทิตย์ตก” พระวาจาของพระเจ้าตอนเดียวกันถูกอ่าน เทศน์ ไตร่ตรอง ภาวนาและเจริญชีวิตในกลุ่มคริสตชนคาทอลิกตลอดเวลา น่าอัศจรรย์ใจ


• อาทิตย์นี้ สัปดาห์ที่ 33 อาทิตย์หน้า สัปดาห์ที่ 34 และจบปีพิธีกรรม และเราจะเริ่มใหม่ด้วยเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าและคริสตสมภพก็ตามมา อีกและเดินต่อไป...


• ชีวิต ลมหายใจ ของเรา ได้รับการสนับสนุนส่งเสริม เสริมสร้าง สร้างใหม่ ฟื้นฟู กลับใจ เริ่มต้นไหม ล้มลงก็ลุกขึ้น อ่อนแอก็แข็งแรง แข็งแรงก็เสริมพลังแบ่งปันช่วยเหลือมากขึ้น เป็นคริสตชนที่มีคุณภาพเพราะพระวาจาของพระเจ้าเพราะเราคือชุมชนศิษย์พระ คริสต์เจริญชีวิตประกาศข่าวดีใหม่ ข่าวดีของพระคริสตเจ้า เสมอไปครับ
มารู้จักหนังสือวิวรณ์กันครับ
1.1 หนังสือวิวรณ์ก็เช่นเดียวกันคือ เป้าหมายคือเปิดเผยข่าวดีเกี่ยวกับพระคริสตเจ้า เพื่อนำความรอดพ้นมาให้มนุษย์ เพื่อพบพระคริสตเจ้า โดยวรรณกรรมพิเศษที่เรียกว่าวิวรณ์


• แบบวรรณกรรมของหนังสือวิวรณ์คือ วรรณกรรมประเภท “วิวรณ์” Apocalypticism เป็นแบบวรรณกรรมที่ใช้กันมากระหว่างปี 200 ก.ค.ศ. จนถึงราวปี ค.ศ. 200 คือเป็นเวลายาวนานราว 400 ปี เราจึงพบผลงานวรรณกรรมประเภทนี้ได้ทั้งในและนอกพระคัมภีร์ ในพันธสัญญาเดิมเราพบได้ในหนังสือ ดนล (อสค, ฮกก, ศคย) ในพันธสัญญาใหม่มี หนังสือวิวรณ์ ส่วนนอกพระคัมภีร์ก็มีผลงานหลายชิ้น เช่น 1เฮโนค, 4อสร, 2บรค เป็นต้น
1.2 Apocalypsis (จาก apocalypto หมายถึง เปิดเผย/ re-velatio) หรือ “วิวรณ์” วรรณกรรมประเภทนี้เสนอตัวเป็น “ผู้เปิดเผย” ความจริงที่ซ่อนเร้นให้ปรากฏออกมา โดยเฉพาะเกี่ยวกับอนาคตที่คนเรามักจะอยากรู้อยากเห็นเสมอ
• วิวรณ์ ไม่ใช่วรรณกรรมแบบเดียวกับประกาศก แต่ก็มีความละม้ายคล้ายกันและต่อเนื่องกันอยู่ ดังนั้นผู้เขียนวิวรณ์จึงเรียกตัวเองว่าประกาศก (1:3; 10:7; 11:18; 22:6,9,18) และพูดถึงข้อเขียนของตนว่าเป็นการเผยพระวจนะ หรือการประกาศพระวาจา (prophecy 1:3; 22:7,10,18,19 ซึ่งไม่ควรแปลว่าคำพยากรณ์)
1.3 ลักษณะเฉพาะของวรรณกรรมวิวรณ์


• การใช้นามแฝง เรียกตัวเองว่าประกาศก


• การใช้รหัสและสัญลักษณ์ บุคคล สัตว์ สิ่งของ ตัวเลข สี


• ภาพนิมิต Vision (=การเห็น)
หนังสือวิวรณ์เป็นข่าวดี อ่านไปจะพบคำว่า “ความสุข” หรือ “บุญลาภ” 7 ครั้ง ตลอดหนังสือวิวรณ์
o วว 1:3 ความสุข จงมีแก่บรรดาผู้อ่านและผู้ฟังถ้อยคำของการประกาศพระวาจานี้และ ปฏิบัติตามข้อความที่มีเขียนไว้ เพราะเหตุการณ์นั้นใกล้เข้ามาแล้ว

o วว 14:13 แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์ว่า “จงบันทึกเถิดว่า บรรดาผู้ตายที่สิ้นใจใน พระเจ้าย่อมเป็นสุขตั้งแต่บัดนี้ พระจิตเจ้าตรัสว่า “ถูกแล้วเขาจะได้พักผ่อน จากความเหน็ดเหนื่อย เพราะการงานที่เขาได้กระทำนั้นได้ติดตามเขาไป”

o วว 16:15 ดูเถิด เรามาเหมือนขโมย ผู้ที่ตื่นเฝ้า และรักษาเสื้อผ้าของต้นไว้ย่อมเป็นสุข เขาจะไม่ต้องเดินเปลือยกายให้ใครๆ เห็นความน่าละอายของตน

o วว 19:9 ทูตสวรรค์กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “จงบันทึกลงไปว่า ผู้ที่ได้รับเชิญมาในงาน วิวาหมงคลลูกแกะของพระเจ้าย่อมเป็นสุข” เขายังเสริมอีกว่า “ถ้อยคำเหล่านี้ เป็นพระวาจาแท้จริงของพระเจ้า”

o วว 20:6 ผู้ที่มีส่วนในการกลับคืนพระชนมชีพครั้งแรกย่อมเป็นสุขและเป็นผู้ ศักดิ์สิทธิ์ ความตายที่สองไม่มีอำนาจเหนือเขาเหล่านี้เลย แต่เขาจะเป็นสมณะของ พระเจ้าและของพระคริสตเจ้า และจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์เป็นเวลา หนึ่งพันปี

o วว 22:7 พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะมาทันที” ผู้ที่ปฏิบัติตามถ้อยคำของการประกาศ พระวาจาในม้วนหนังสือนี้ย่อมเป็นสุข

o วว 22:14 ผู้ที่ได้ซักเสื้อของตนก็เป็นสุข เขาจะมีสิทธิ์กินผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิต และ สามารถผ่านประตูเข้าไปในนครนั้นได้
ข้อคิดและไตร่ตรองสำหรับบทอ่านจากวิวรณ์ประจำมิสซาวันนี้

• วิวรณ์บทที่ 2-3 มีลักษณะเป็นจดหมายที่ผู้นิพนธ์เขียนถึงกลุ่มคริสตชนทั้ง 7 แห่งที่อยู่ทางภาคตะวันตกของอาเซียน้อย (คือประเทศตุรกีในปัจจุบัน) ได้แก่ เอเฟซัส สเมอร์นา เปอร์กามัม ธิยาทิรา ซาร์ดิส ฟิลาเดลเฟีย และเลาดิเซีย


• แต่ทว่า เลข 7 ในวรรณกรรมวิวรณ์นั้นมีความหมายเฉพาะเจาะจง คือ “ความสมบูรณ์” ดังนั้น การเขียนเตือนพระศาสนจักรทั้ง 7 แห่ง น่าจะมีความหมายว่า ท่านเตือนพระศาสนจักรทั่วโลก ซึ่งพระคัมภีร์วิวรณ์นี้เป็นการเตือนมโนธรรมและการเจริญชีวิตของคริสตชนทุก คน “ถึงพระศาสนจักรทุกแห่ง” แน่นอนท่านเอ่ยถึงพระศาสจักร ชุมชนคริสตชนในอาเซียน้อยแต่มความหมายสำหรับทุกคน ทุกชุมชนคริสตชนแน่นอน


• โดยทั่วไปแล้ว เมืองทั้งเจ็ดที่กล่าวถึงนี้มีความเจริญรุ่งเรืองมาก 

o เอเฟซัสและสเมอร์นาเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญที่สุดของอาเซียน้อย

o เลาดิเซียมีชื่อด้านการธนาคาร มีอุตสาหกรรมทอผ้าขนสัตว์และการแพทย์ โดยเฉพาะยารักษาโรคตาที่นี่มีชื่อเสียงมาก 

o เรายังรู้อีกว่า ความสมบูรณ์ความร่ำรวยฟุ้งเฟ้อทางวัตถุ ในที่ต่างๆ นั้น ล้วนมีอิทธิพลต่อชีวิตความเชื่อของคริสตชนหลายคน เป็นการล่อลวงให้คริสตชนหลงใหลไปได้ ทำให้ให้หมดความสนใจต่อเรื่องศาสนาและจิตใจ และละทิ้งความกระตือรือร้นที่เคยมีมาตั้งแต่เดิมได้เย็นชาลง และความใจเย็นเฉยแทรกซึมเข้ามาแทนที่ 

o คำสอนที่ผิด ๆ ก็เริ่มปรากฏตัวออกมาด้วย เช่น คำสอนของพวกจินไตยนิยม (Gnostics) ขั้นเริ่มแรก และพวก “นิโคเลาส์นิยม” (Nicolaitans) (วว 2:6,15) รวมทั้ง “ลัทธิประนีประนอมทางศาสนา” (Religious syncretism – วว 2:9,14,20)

• พี่น้องที่รัก อ่านหนังสือวิวรณ์วันนี้และมองดูชีวิตของเรา พระศาสนจักรของเราในยุคปัจจุบันสิครับ... เราคงไม่ต่างกันเลย เพราะโลกปัจจุบันก็ทำร้ายรุกล้ำทำลายชีวิตความเชื่อ ความดี ศีลธรรมและความจริงเช่นกัน....

• อ่านข้อความต่อไปนี้สิครับ
o โลกทุกยุคสมัยเปรียบเสมือนความมืดที่ต้องการแสงสว่างแท้อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกยุคปัจจุบันนี้ กระแสโลกปัจจุบันที่กำลังถาโถมเข้าใส่มนุษยชาติและสังคม กระแสโลกปัจจุบันกำลังนำมนุษย์เดินไปสู่ความมืดมนในหลายมิติ ความมืดมนขาดแสงแห่งยุคสมัย เพราะวัตถุนิยม ปัจเจกนิยม บริโภคนิยม ฯลฯ ซึ่งได้นำพามนุษย์ไปสู่การใช้ชีวิตแบบสัมพัทธ์นิยมอย่างสุดโต่งพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้ร้องเตือนอย่างหนักหน่วงในพระสมณสาสน์เตือนใจ “ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร” (Evangelii Gaudium) พระสันตะปาปาเรียกร้องให้เราคริสตชน สมาชิกของพระศาสนจักร ต้องเอาชนะกระแสโลกปัจจุบันที่หยิบยื่นปัจเจกนิยมให้กับเรา แต่เราต้องเอาชนะด้วยการออกไปเพื่อนำความรักออกไปสู่ทุกคนให้ได้จริงๆ เรียกร้องให้เกิดการประกาศข่าวดีในรูปแบบใหม่ให้จงได้ (เทียบ EG 2) (Instrumentum Laboris, Plenary Council, Thailand 2015 ข้อ 10)
o “ทะเลทรายของโลกปัจจุบัน” ความมืดของกระแสโลกปัจจุบันที่พระศาสนจักรเรียกร้องให้ต้องไตร่ตรอง และให้สมาชิกของพระศาสนจักรต้องกล้าหาญจริงจัง คือเรื่องความสัมพันธ์กับโลก กับระบบเศรษฐกิจที่มีรากลึกในความอยุติธรรม (เทียบ EG 53) ระบบเศรษฐกิจ ที่บ่อยครั้งกำลังส่งผลถึงการฆ่าทำลายโดยกฎที่ว่า “แข็งแรงกว่าก็อยู่รอด” อีกทั้งกระแสชีวิตวัฒนธรรมในปัจจุบันรูปแบบการใช้แล้วทิ้ง การตัดออก การละทิ้ง การทำลาย หรือถ้ามีเหลือก็ทิ้งไปอย่างไร้ค่า สิ่งที่ก่อการเป็นทาสในรูปแบบใหม่ในสังคมโลก คือ การกดขี่ในรูปแบบใหม่ นั่นคือ ระบบเศรษฐกิจการเงินที่ผูกขาด เคลือบแคลงแต่มีอยู่จริง กำลังขยายความเลวร้ายที่สุดคือการคอรัปชั่น ที่รุกล้ำเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม การเมือง หรือแม้แต่ในระบบชีวิตของศาสนาและตัวของคริสตชนเองด้วย (EG 56) ปัญหาสำคัญที่แผ่กว้างอย่างยิ่งด้วย คือ การใช้ชีวิตแบบไม่ใยดีกับศาสนาและใช้ชีวิตแบบสัมพัทธ์นิยม (EG 61) ระบบทั้งหมดส่งผลกระทบเป็นความมืดมนของโลกปัจจุบันที่รุนแรง และดูมืดทึบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้น โลกปัจจุบันจึงมีความต้องการแสงสว่างใหม่ ต้องการความสว่างในรูปแบบใหม่ของพระศาสนจักร ต้องการการประกาศข่าวดีแบบใหม่โดยศิษย์ของพระคริสตเจ้าทุกคน (อ้างแล้ว ข้อ 11)

• พี่น้องที่รักครับ ปลายปีพิธีกรรม อ่านวิวรณ์เพื่อ
o ย้อนเตือนเราให้ตระหนัก ให้เข้มแข็งในความเชื่อ ในกิจการดีมุ่งหน้ากระทำด้วยความรักต่อไป

o เตือนเราทุกคนให้ตระหนักในความบกพร่อง เพื่อแก้ไข คืนดี ละทิ้งความผิด และกลับใจครับ

o ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก