“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“พระเยซูเจ้าจึงทรงแต่งตั้งอัครสาวกสิบสองคนให้อยู่กับพระองค์”

14. พระเยซูเจ้าทรงแต่งตั้งอัครสาวกสิบสองคน (3)
b) ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
           1. พระเยซูเจ้าทรงเรียกบรรดาอัครสาวก การเรียกนี้ไม่เป็นเพียงเหตุการณ์ในอดีต แต่พระองค์ยังทรงเรียกมนุษย์อยู่เสมอ พระเยซูเจ้าทรงเรียก “ผู้ที่พระองค์ทรงต้องการ” หมายความว่าทรงเรียกเราเพราะทรงรักเราทุกคน เป็นพระองค์ที่ทรงเรียกเราและทรงเลือกเราไม่ใช่เราเลือกพระองค์
          2. ลักษณะเฉพาะของการเรียกจากพระเยซูเจ้า ไม่ใช่การยึดมั่นคำสอนของอาจารย์ แต่เป็นการดำเนินชีวิตอยู่กับพระคริสตเจ้า พระอาจารย์คริสต์ศาสนาไม่ใช่คตินิยม แต่เป็นการอยู่กับพระคริสตเจ้าอย่างแท้จริง เป็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับบุคคล เป็นความสัมพันธ์ที่เรียกร้องให้เรามอบตนเองโดยสิ้นเชิงอย่างไรก็ตาม ลักษณะส่วนตัวนี้ยังเรียกร้องลักษณะส่วนรวมด้วย พระองค์ทรงเรียกเราทีละคนให้เรามาอยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะ คริสต์ศาสนาเริ่มต้นโดยกลุ่มของบรรดาศิษย์

          3. การอยู่ด้วยกันอาจมีหลายวิธีการ เช่น การอยู่ด้วยกันในสังคมแบบสุนัขป่าคือมีหัวหน้าฝูงที่แข็งแรงมากที่สุด ควบคุมทุกตัวโดยใช้ความรุนแรงตัวใดฝ่าฝืนก็จะถูกฆ่า อีกแบบหนึ่งคือการอยู่ด้วยกันเพราะมีความคิดเดียวกัน มีอุดมการณ์เดียวกัน อีกแบบหนึ่งคือการอยู่ด้วยกันเพราะสีผิวเดียวกัน หรือชนชาติเดียวกัน มักอยู่ด้วยกันเพื่อต่อสู้กับผู้อื่น หรือเพราะผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่การอยู่ด้วยกันที่พระคริสตเจ้าทรงสั่งสอนคือความสมานฉันท์ เป็นกลุ่มที่เปิดรับทุกคนโดยไม่ยกเว้นผู้ใด เป็นหมู่คณะที่ไม่ต้องการครอบครองผู้อื่น แต่ต้องการรับใช้ทุกคน เป็นสังคมที่ใช้ความรักและเสรีภาพแทนความรุนแรง พระเจ้าไม่ทรงสร้างมนุษย์ให้อยู่โดดเดี่ยว ดังนั้น กระแสเรียกพื้นฐานของมนุษย์คือการอยู่ด้วยกันในหมู่คณะ

          4. การอยู่กับพระเยซูเจ้าไม่ใช่จุดปลายทาง แต่เป็นจุดออกเดินทางเพื่อติดตามพระองค์ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น การอยู่กับพระคริสตเจ้าต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราอย่างสิ้นเชิง เพราะพระองค์ทรงชนะใจเรา และเมื่อเรามีความความสนิทสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้า มีความสมานฉันท์กับมนุษย์ พระเยซูเจ้าก็ทรงส่งเราไปเผยแผ่ข่าวดีจนถึงสุดปลายแผ่นดิน  ดังที่นักบุญเปาโลเขียนไว้ว่า “ความรักของพระคริสตเจ้าผลักดันเรา (2 คร 5:14)

          5. การที่พระเยซูเจ้าทรงสั่งเราให้มาอยู่กับพระองค์ และยังทรงส่งเราไปสอนมนุษย์ทุกคน ดูเหมือนขัดแย้งกัน แต่โดยแท้จริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการอยู่กับพระองค์ไม่หมายความว่า ร่างกายของเราอยู่สถานที่เดียวกันกับพระองค์ เพราะในแง่นี้พระเจ้าประทับอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่หมายความว่าใจของเราอยู่กับพระองค์ ใจของเราพิศเพ่งภาวนาคำนึงถึงพระประสงค์ของพระเจ้าขณะที่ปฏิบัติภารกิจ เราจึงทำงานเพื่อพระองค์ การพิศเพ่งภาวนาและกิจการต้องมาด้วยกัน ภารกิจของเราเกิดจากการอยู่กับพระคริสตเจ้า หน้าที่แรกของเราคืออยู่กับพระองค์เหมือนกับกิ่งองุ่นต้องติดกับเถาองุ่น

         6. การประกาศคำสอนของพระเยซูเจ้าไม่ใช่เพียงการถ่ายทอดสิ่งที่เราได้ยิน แต่เป็นการประกาศประสบการณ์ที่เคยมีกับพระองค์ การอยู่กับพระเยซูเจ้าทำให้เราเปลี่ยนแปลงมีวิถีชีวิตตามพระฉบับของพระองค์ ดังนั้น เราต้องรู้จักอยู่กับพระองค์ก่อน เพื่อเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต แล้วพระองค์จึงทรงส่งเราให้ไปถ่ายทอดประสบการณ์นี้ และมีอำนาจขับไล่ปีศาจคือความชั่วร้าย พระศาสนจักรมีหน้าที่สำคัญนี้เป็นกลุ่มของผู้ที่อยู่กับพระคริสตเจ้า ประกาศข่าวดี ต่อสู้และขับไล่ปีศาจจากหมู่ของมนุษย์

         7. บรรดาอัครสาวกที่พระคริสตเจ้าทรงเรียกไม่มีคุณลักษณะพิเศษเพื่อปฏิบัติภารกิจที่จะทรงมอบหมาย เขาเป็นคนธรรมดา พระองค์ก็ทรงเรียกเราเช่นกัน เราไม่มีคุณลักษณะพิเศษ เพียงเรามอบสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ  ที่สามารถทำได้ แล้วพระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงเราให้มีอำนาจที่จะทำมากกว่านั้น สิ่งสำคัญก็คือเราต้องมอบตนเองและยอมให้พระองค์ทรงใช้เราดังที่เราเป็น ดังที่เรามี ทั้งพรสวรรค์และข้อบกพร่อง พระองค์จะทรงจัดการ

         8. สมาชิกของพระศาสนจักรจึงไม่ใช่เฉพาะคนเก่ง ผู้ชอบธรรมคนดีพร้อม พระศาสนจักรไม่ใช่สโมสรของบุคคลที่มีความสนใจหรือมีผลประโยชน์เดียวกัน พระศาสนจักรคือประชากรที่พระเจ้าทรงรวบรวม เป็นคนที่ต่างกันและร่วมในพระคริสตเจ้า เราเป็นหนึ่งเดียวในความเชื่อและความสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้าไม่ใช่สิ่งอื่นใด

         9. ในกลุ่มของบรรดาอัครสาวก มีนักบุญเปโตรที่ปฏิเสธพระองค์ ยูดาสที่ทรยศพระองค์  ถ้าเราถามว่าทำไม่จึงเป็นเช่นนี้ เราก็ต้องยอมรับว่า การติดตามพระคริสตเจ้าเรียกร้องให้รู้จักสละตนเอง แต่บางครั้งมนุษย์ทุกคนยังติดใจกับชีวิตของตน กลัวผู้อื่นจะครอบครองชีวิตเรา แต่เราควรมีความไว้วางใจในพระเจ้า เพราะชีวิตจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อเรายอมมอบตนเองแด่พระคริสตเจ้า

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก