(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

VI. พระทรมานa

 

การวางแผนกำจัดพระเยซูเจ้า ยูดาสทรยศต่อพระองค์

          22 1เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อที่เรียกว่าปัสกากำลังจะมาถึง 2บรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์คิดหาวิธีกำจัดพระองค์ แต่ยังเกรงกลัวประชาชนอยู่b

          3เวลานั้นซาตานเข้าสิงยูดาสที่เรียกว่าอิสคาริโอท และเป็นคนหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน 4ยูดาสไปเจรจากับบรรดาหัวหน้าสมณะและนายทหารรักษาพระวิหารcว่า จะมอบพระองค์ได้อย่างไร 5คนเหล่านั้นยินดีและตกลงจ่ายเงินให้

6ยูดาสยอมรับและพยายามหาโอกาสเหมาะ เพื่อมอบพระองค์ให้พวกเขาโดยประชาชนไม่รู้เรื่องนี้

การเตรียมงานเลี้ยงปัสกา

          7ก่อนจะถึงเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อที่ต้องฆ่าลูกแกะปัสกา 8พระเยซูเจ้าตรัสใช้เปโตรและยอห์นว่า “จงไปจัดเตรียมการเลี้ยงปัสกาให้เราเถิด” 9เขาทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์มีพระประสงค์ให้เราจัดเตรียมที่ไหน” 10พระองค์ตรัสตอบว่า “เมื่อท่านเข้าไปในกรุง ชายคนหนึ่งกำลังเดินแบกหม้อน้ำอยู่จะมาพบท่าน จงตามเขาไปในบ้านที่เขาจะเข้าไป 11และจงถามเจ้าของบ้านว่า ‘พระอาจารย์ถามว่าห้องที่เราจะกินปัสกากับบรรดาศิษย์นั้นอยู่ที่ไหน’ 12เขาจะชี้ให้ท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบน มีพรมปูไว้ จงจัดเตรียมปัสกาที่นั่น” 13ศิษย์ทั้งสองคนออกไปและพบทุกสิ่งดังที่พระองค์ทรงบอกไว้ จึงเตรียมปัสกา

อาหารค่ำมื้อสุดท้าย

          14เมื่อถึงเวลา พระเยซูเจ้าประทับที่โต๊ะพร้อมกับบรรดาอัครสาวก 15พระองค์ตรัสกับเขาว่าd “เราปรารถนาอย่างยิ่งจะกินปัสกาครั้งนี้ร่วมกับท่านก่อนจะรับทรมาน 16เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่กินปัสกาอีกจนกว่าปัสกานี้จะเป็นความจริงeในพระอาณาจักรของพระเจ้า”

          17พระองค์ทรงหยิบถ้วยขึ้นf ทรงขอบพระคุณ ตรัสว่า “จงรับถ้วยนี้ไปแบ่งกันดื่มเถิด 18เราบอกท่านทั้งหลายว่า ตั้งแต่นี้ไปเราจะไม่ดื่มเหล้าจากผลองุ่นอีกจนกว่าพระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึง”

การตั้งศีลมหาสนิทg

          19พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ทรงขอบพระคุณ ทรงบิขนมปังประทานให้บรรดาศิษย์ ตรัสว่า “นี่เป็นกายของเราที่ถูกมอบเพื่อท่านทั้งหลาย จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” 20ในทำนองเดียวกัน เมื่อการเลี้ยงอาหารเสร็จสิ้นแล้ว พระองค์ทรงหยิบถ้วยตรัสว่า “ถ้วยนี้เป็นพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเราที่หลั่งเพื่อท่านทั้งหลาย”h

พระเยซูเจ้าตรัสถึงการทรยศของยูดาส

          21ผู้ทรยศต่อเราอยู่ที่นี่ ร่วมโต๊ะกับเราด้วย 22บุตรแห่งมนุษย์กำลังจะจากไปตามที่กำหนดไว้ วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่ทรยศต่อบุตรแห่งมนุษย์ 23บรรดาศิษย์จึงถามกันว่าพวกเขาคนใดจะทำการนี้

ผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุดi

          24บรรดาศิษย์โต้เถียงกันว่า ในกลุ่มของตนผู้ใดควรได้รับการยกย่องว่ายิ่งใหญ่ที่สุด 25พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “กษัตริย์ของคนต่างชาติย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้มีอำนาจเรียกตนเองว่าเจ้าบุญนายคุณ 26แต่ท่านทั้งหลายจงอย่าเป็นเช่นนั้น ท่านที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด จงทำตนเป็นผู้น้อยที่สุด ผู้ที่เป็นผู้นำ จงเป็นผู้รับใช้ 27ใครยิ่งใหญ่กว่ากัน ผู้ที่นั่งโต๊ะหรือผู้รับใช้ มิใช่ผู้ที่นั่งโต๊ะดอกหรือ แต่เราอยู่ในหมู่ท่านเหมือนเป็นผู้รับใช้จริงๆ”

พระเยซูเจ้าทรงสัญญาจะประทานรางวัลแก่บรรดาอัครสาวก

          28“ท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่กับเราในการทดลองที่เราได้รับ 29เราจัดพระอาณาจักรให้ท่านทั้งหลายดังที่พระบิดาทรงจัดไว้ให้เรา 30ท่านจะได้กินและดื่มร่วมโต๊ะกับเราในพระอาณาจักรและจะนั่งบนบัลลังก์พิพากษาอิสราเอลทั้งสิบสองตระกูล”

พระเยซูเจ้าทรงทำนายว่าเปโตรจะปฏิเสธพระองค์

          31j“ซีโมน ซีโมน จงฟังเถิด ซาตานได้ขอและพระเจ้าทรงอนุญาตให้ซาตานทดสอบท่านทั้งหลายเหมือนฝัดข้าวสาลี 32แต่เราอธิษฐานอ้อนวอนเพื่อท่าน ให้ความเชื่อของท่านมั่นคงตลอดไป และเมื่อท่านกลับใจแล้ว จงช่วยค้ำจุนพี่น้องของท่านเถิด”k 33เปโตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าพร้อมแล้วที่จะอยู่กับพระองค์ แม้จะต้องเข้าคุกหรือจะต้องไปตายพร้อมกับพระองค์” 34พระองค์ตรัสว่า “เปโตรเอ๋ย เราบอกท่านว่า วันนี้ไก่ยังไม่ทันขัน ท่านก็จะปฏิเสธถึงสามครั้งว่าไม่รู้จักเรา”

วิกฤตการณ์ที่จะมาถึง

          35พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เมื่อเราส่งท่านทั้งหลายไปโดยไม่มีถุงเงิน ไม่มีย่าม ไม่มีรองเท้า ท่านขาดสิ่งใดบ้าง” 36เขาเหล่านั้นตอบว่า “ไม่ขาดสิ่งใดเลย” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “แต่บัดนี้ ผู้ใดมีถุงเงิน จงนำไปด้วย ผู้ใดมีย่าม ก็จงนำไปเช่นเดียวกัน ผู้ใดไม่มีดาบ ก็จงขายเสื้อคลุมเพื่อซื้อดาบเถิดl 37เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้อยคำที่พระคัมภีร์กล่าวถึงเราว่า ‘เขาจะถูกนับอยู่ในหมู่คนอธรรม’ จะต้องเป็นความจริง” 38บรรดาศิษย์ทูลว่า “พระเจ้าข้า ที่นี่มีดาบสองเล่ม” พระองค์ตรัสว่า “พอแล้ว”

ภูเขามะกอกเทศm

          39พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่นไปยังภูเขามะกอกเทศเช่นเคย บรรดาศิษย์ตามเสด็จไปด้วย 40เมื่อเสด็จถึงที่นั่นแล้ว พระองค์ตรัสกับเขาเหล่านั้นว่า “จงอธิษฐานภาวนาเถิด เพื่อจะไม่ถูกผจญ”

41แล้วพระองค์เสด็จห่างออกไปจากบรรดาศิษย์ประมาณระยะปาก้อนหิน ทรงคุกเข่าลงnอธิษฐานภาวนาว่า 42“พระบิดาเจ้าข้า ถ้าพระองค์มีพระประสงค์ โปรดทรงนำถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด แต่อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด” 43ทูตสวรรค์องค์หนึ่งปรากฏมาถวายพละกำลังแด่พระองค์ 44พระองค์ทรงอยู่ในความทุกข์กังวลอย่างสาหัส จึงทรงอธิษฐานอย่างมุ่งมั่นยิ่งขึ้น พระเสโทตกลงบนพื้นดินประดุจหยดโลหิตo

          45พระองค์ทรงลุกขึ้นจากการอธิษฐานภาวนา เสด็จไปพบบรรดาศิษย์ซึ่งหลับอยู่เพราะความโศกเศร้า 46จึงตรัสกับเขาว่า “นอนหลับทำไม จงลุกขึ้นอธิษฐานภาวนาเถิดเพื่อจะไม่ถูกผจญ”

พระเยซูเจ้าทรงถูกจับกุม

          47ขณะที่พระเยซูเจ้าตรัสอยู่นั้น คนหมู่หนึ่งก็มาถึง ยูดาสหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคนเป็นผู้นำ ยูดาสเข้ามาใกล้พระเยซูเจ้าเพื่อจุมพิตพระองค์ 48พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ยูดาส ท่านใช้การจุมพิตเพื่อทรยศบุตรแห่งมนุษย์หรือ” 49เมื่อบรรดาศิษย์ที่อยู่กับพระองค์เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็ทูลว่า “พระเจ้าข้า พวกเราใช้ดาบฟันได้ไหม” 50แล้วศิษย์คนหนึ่งได้ฟันผู้รับใช้ของหัวหน้าสมณะ ตัดใบหูข้างขวาของเขา 51แต่พระเยซูเจ้าตรัสว่า “หยุดเถิด พอแล้ว” ทรงสัมผัสหูและทรงรักษาเขา

          52พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาหัวหน้าสมณะ นายทหารผู้รักษาพระวิหารและบรรดาผู้อาวุโสซึ่งมาจับกุมพระองค์ว่า “เราเป็นโจรหรือ ท่านทั้งหลายจึงถือดาบ ถือไม้ตะบองมาจับเรา 53เราอยู่กับท่านทุกวันในพระวิหาร ท่านก็ไม่จับกุมเราเลย แต่นี่เป็นเวลาของท่าน เป็นอำนาจของความมืด”

เปโตรปฏิเสธพระเยซูเจ้า

          54เขาทั้งหลายจับกุมพระเยซูเจ้าpและนำพระองค์เข้าไปในบ้านของมหาสมณะ เปโตรติดตามไปห่างๆ 55คนในบ้านมหาสมณะก่อไฟขึ้นที่กลางลานบ้าน เปโตรจึงเข้าไปนั่งรวมอยู่กับคนเหล่านั้นด้วย 56หญิงรับใช้คนหนึ่งเห็นเปโตรนั่งข้างกองไฟ จึงจ้องหน้า พูดว่า “คนนี้อยู่กับเขาด้วย” 57แต่เปโตรปฏิเสธว่า “นางเอ๋ย ข้าพเจ้าไม่รู้จักเขา” 58ต่อมาไม่นาน อีกคนหนึ่งเห็นเปโตร จึงพูดว่า “ท่านเป็นคนหนึ่งในพวกเขาด้วย” แต่เปโตรตอบว่า “ไม่ใช่ดอก เพื่อนเอ๋ย”q 59หนึ่งชั่วโมงต่อมา อีกคนหนึ่งพูดย้ำว่า “แน่ทีเดียว คนคนนี้อยู่กับเขาด้วย เพราะเป็นชาวกาลิลี” 60แต่เปโตรตอบว่า “เพื่อนเอ๋ย ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร” เปโตรพูดยังไม่ทันขาดคำ ไก่ก็ขัน

61องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหลียวมามองเปโตร เปโตรจึงระลึกถึงพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสกับเขาว่า “วันนี้ ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” 62เปโตรจึงออกไปข้างนอก ร้องไห้อย่างขมขื่น

บรรดาทหารเยาะเย้ยพระเยซูเจ้าr

          63ผู้ที่ควบคุมพระเยซูเจ้าสบประมาทเยาะเย้ยและทุบตีพระองค์ 64เอาผ้าปิดพระเนตรและทูลถามพระองค์ว่า “ทายซิว่า ใครตีเจ้า” 65เขายังได้พูดกล่าวร้ายพระองค์อีกมาก

พระเยซูเจ้าทรงถูกพิพากษาคดีในสภาซันเฮดรินของชาวยิวs

          66ครั้นรุ่งเช้า บรรดาผู้อาวุโสt หัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ร่วมประชุมกัน สั่งให้นำพระองค์มาอยู่ต่อหน้าสภาซันเฮดริน 67และพูดว่า “ถ้าท่านเป็นพระคริสต์ จงบอกเราเถิด” พระองค์ตรัสตอบว่า “ถ้าเราบอกท่าน ท่านก็ไม่เชื่อ 68ถ้าเราถามท่าน ท่านก็ไม่ตอบ 69ตั้งแต่บัดนี้ บุตรแห่งมนุษย์จะประทับu ณ เบื้องขวาพระอานุภาพของพระเจ้า70ทุกคนจึงพูดว่า “ดังนั้น ท่านเป็นบุตรของพระเจ้าใช่ไหม”v พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านพูดเองแล้วว่าเราเป็น” 71คนเหล่านั้นจึงพูดว่า “เราจะต้องการพยานอะไรอีก เราได้ยินจากปากของเขาแล้ว”w

 

22 a ลก เรียบเรียงเรื่องพระทรมานโดยไม่ตามลำดับเรื่องราวของ มก มากนัก แต่เล่ารายละเอียดหลายอย่างคล้ายกับ ยน จึงเป็นไปได้ว่า ลก และ ยน ใช้แหล่งข้อมูลเดียวกัน

b ลก ไม่เล่าเรื่องการเจิมที่เบธานี เพราะได้บรรยายเหตุการณ์คล้ายกันนี้แล้วครั้งหนึ่งใน 7:36-50

c นายทหารรักษาพระวิหารทุกคนเป็นชาวเลวี (เทียบ กจ 4:1)

d คำปราศรัยของพระคริสตเจ้าระหว่างอาหารค่ำมีบทบาทใน ลก มากกว่าใน มก และ มธ และจะมีบทบาทยิ่งขึ้นใน ยน 13:31-17:26 ลก ใช้ธรรมเนียมของชาวกรีกที่นิยมรวบรวมคำสั่งสอนของอาจารย์เกี่ยวกับอนาคตของศิษย์ไว้ขณะที่ร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย ลก เรียบเรียงคำปราศรัยเหล่านี้โดยคำนึงถึงการชุมนุมของคริสตชนในสมัยแรกเพื่อประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ (มิสซา)

e ขั้นตอนแรกที่ปัสกาเป็นความจริง คือศีลมหาสนิทซึ่งเป็นศูนย์กลางของชีวิตที่มีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำในพระอาณาจักรที่พระเยซูเจ้าได้ทรงสถาปนาขึ้น ขั้นตอนสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อสิ้นพิภพ คือเมื่อปัสกาจะสำเร็จไปอย่างสมบูรณ์และจะเห็นได้อย่างชัดเจน

f ลก กล่าวถึงถ้วยสองถ้วยที่แยกอย่างชัดเจน เพื่อเปรียบเทียบถ้วยที่ใช้ในพิธีฉลองปัสกาของชาวยิว (ข้อ 15-18) กับถ้วยพิธีศีลมหาสนิทของคริสตชน (ข้อ 19-20) สำเนาโบราณบางฉบับ (รวมทั้งสำเนาต้นฉบับภาษาละตินและภาษากรีกแบบตะวันตก) ดูเหมือนจะไม่เข้าใจวิธีการทางเทววิทยาข้อนี้ และเห็นว่าการกล่าวถึงถ้วยสองถ้วยทำให้สับสน จึงได้ละข้อ 20 และบางฉบับยังละส่วนหลังของข้อ 19 อีกด้วย (“ที่ถูกมอบเพื่อท่าน จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด”)

g พึงสังเกตความคล้ายคลึงกันระหว่างสำนวนของ ลก ที่นี่ และของเปาโลใน 1 คร 11:23-25

h อาจแปลได้อีกว่า “ซึ่งจะต้องถูกมอบ” และ “ซึ่งจะต้องถูกหลั่ง”

i ลก ได้ย้ายข้อความเรื่องนี้จากที่ที่ควรจะอยู่ใน มธ 20:25; มก 10:42 เข้ามาในบริบทการตั้งศีลมหาสนิท โดยมีเจตนาแสดงให้เห็นความแตกแยกของคริสตชนในสมัยแรก (ดู กจ 6:1; 1 คร 11:17-19; ยก 2:2-4)

j สำเนาโบราณบางฉบับเสริมว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า”

k พระวาจานี้มอบหน้าที่แก่เปโตรให้เป็นผู้นำอัครสาวกคนอื่นในเรื่องความเชื่อ การที่เปโตรเป็นประมุขของคณะอัครสาวกได้รับการยืนยันที่นี่อย่างชัดเจนมากกว่าใน มธ 16:17-19 ที่นั่นเปโตรดูเหมือนเป็นเพียงโฆษกและผู้แทนของบรรดาอัครสาวกสิบสองคน ใน ยน 21:15-17 เปโตรได้รับมอบหมายให้เลี้ยงดูทั้ง “ลูกแกะ” และ “แม่แกะ” ซึ่งหมายถึงคริสตชนและบรรดาอัครสาวกอีกด้วย

l โลกซึ่งครั้งหนึ่งเคยให้ความเห็นใจ บัดนี้ได้กลับเป็นปฏิปักษ์ บรรดาศิษย์จึงจำเป็นต้องมีถุงเงินและย่ามเพื่อซื้อและจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีผู้คอยจัดหาให้โดยไม่คิดเงินทอง ส่วนดาบมีไว้เพื่อป้องกันตัว

m ลก เล่าเรื่องความทุกข์ทรมานของพระเยซูเจ้าสั้นกว่า มธ และ มก ในสวนเกทเสมนี พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาเพียงครั้งเดียว ลก ต้องการเน้นว่าบรรดาศิษย์ต้องอธิษฐานภาวนาเหมือนพระอาจารย์เมื่อถูกทดลอง (ข้อ 40, 46)

n โดยปกติชาวยิวยืนอธิษฐานภาวนา (ดู 18:11; 1 พกษ 8:22; มธ 6:5) แต่บางครั้งก็คุกเข่าด้วย โดยเฉพาะเมื่อเป็นการอธิษฐานภาวนาอย่างตั้งใจและอย่างถ่อมตนเป็นพิเศษ (ดู สดด 95:6; อสย 45:23; ดนล 6:11; กจ 7:60; 9:40; 20:36; 21:5)

o แม้ว่าสำเนาโบราณที่ดีบางฉบับละข้อ 43-44 แต่เราควรจะเก็บข้อความทั้งสองข้อนี้ไว้ เพราะมีพยานหลักฐานหลายฉบับตั้งแต่ศตวรรษที่สองมาแล้ว ยิ่งกว่านั้นลีลาการเขียนก็เป็นของ ลก อย่างแน่นอน การละข้อเหล่านี้อธิบายได้ว่าคริสตชนในภายหลังต้องการจะหลีกเลี่ยงข้อความที่ชวนให้มองพระเยซูเจ้าเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอมากเกินไป

p มธ และ มก เล่าว่าพระเยซูเจ้าทรงถูกจับกุมทันทีหลังจากที่ยูดาสจูบพระองค์ ต่อจากนั้นจึงเล่าเรื่องศิษย์คนหนึ่งใช้ดาบฟันหูผู้รับใช้ และสุดท้ายเป็นคำต่อว่าของพระเยซูเจ้า แต่ ลก เล่าว่าพระเยซูเจ้าทรงถูกจับกุมหลังจากที่ได้ทรงต่อว่าพวกเขาแล้ว เพื่อเน้นว่าพระเยซูเจ้าทรงคุมสถานการณ์ได้อย่างดี (ดูการเน้นแบบเดียวกันใน ยน 10:18 เชิงอรรถ j; 18:4-6)

q “เพื่อนเอ๋ย” ตามตัวอักษรแปลว่า “มนุษย์เอ๋ย”

r การเยาะเย้ยนี้เกิดขึ้นตอนกลางคืน ก่อนการพิจารณาคดีในสภาซันเฮดริน ไม่ใช่หลังจากนั้นเหมือนกับที่มีเขียนไว้ใน มธ และ มก ใน ลก ผู้ที่เยาะเย้ยพระเยซูเจ้าไม่ใช่สมาชิกสภาซันเฮดริน แต่เป็นลูกน้องของเขา รายละเอียดเหล่านี้น่าจะแสดงว่า ลก เล่าเรื่องใกล้เคียงกับเหตุการณ์จริงมากกว่า มธ และ มก ยิ่งกว่านั้น ตรงกันข้ามกับที่มีเล่าใน มธ 26:68; มก 14:66 (ดู เชิงอรรถ) ลก เล่าว่าพระเยซูเจ้าทรงถูกเอาผ้ามาผูกปิดตาไว้ การเยาะเย้ยจึงเป็นการเล่นทายปัญหาที่นิยมกันทั้งในอดีตและในปัจจุบัน

s มก และ มธ เล่าว่ามีการพิจารณาคดีสองครั้ง ลก เล่าเพียงครั้งเดียวในตอนเช้า การพิพากษาคดีอาจทำใน “ศาล” ซึ่งเป็นอาคารติดกับพระวิหาร (ดู มธ 26:57 เชิงอรรถ r)

t “ผู้อาวุโส” ในที่นี้ หมายถึงสภาซันเฮดรินทั้งหมด หัวหน้าสมณะและบรรดาธรรมาจารย์เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุดในสภา

u ลูกาละประโยคที่ว่า “ท่านทั้งหลายจะเห็น” ของ มก และ มธ รวมทั้งการกล่าวพาดพิงถึงประกาศกดาเนียล ทั้งนี้ ลก อาจต้องการหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดว่าพระคริสตเจ้าจะเสด็จมาอย่างรุ่งโรจน์ในไม่ช้า

v ลก แยกแยะอย่างชัดเจนมากกว่า มธ และ มก ระหว่างตำแหน่ง “พระคริสต์” (ข้อ 67) และ “บุตรของพระเจ้า” (ข้อ 70) (เทียบ ยน 10:24-39)

w ลก ไม่กล่าวถึงพยานเท็จ (แต่เทียบ กจ 6:11-14) หรือคำตัดสินประหารชีวิตอย่างชัดเจน ลก คงได้ใช้แหล่งข้อมูลที่แตกต่างไปจากของ มธ และ มก ค่อนข้างจะแน่นอน