"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“พระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง”

52.เศรษฐีหนุ่ม  (4)
a) ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
         1. เศรษฐีหนุ่มมีความกระตือรือร้นไปพบพระเยซูเจ้า เขาแน่ใจว่ามีชีวิตนิรันดร แต่เป็นห่วงว่า "จะต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร" เขามีทรัพย์สมบัติมากมาย รู้วิธีจัดการชีวิตบนแผ่นดินนี้แต่ยังรู้สึกว่าจะต้องรับผิดชอบต่อชีวิตหน้าด้วยเขาต้องการดำเนินบนแผ่นโดยไม่ต้องสูญเสียชีวิตนิรันดรไม่เพียงพยายามที่จะบรรลุชีวิตสมบูรณ์ที่มีความสุขและความสะดวกสบายในโลกนี้เท่านั้นเขาไม่มีอุดมคติที่ว่า “ทรัพย์สมบัติในโลกนี้ก็เพียงพอแล้ว จงดำเนินชีวิตอย่างสะดวกสบายที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่าคิดถึงความตายและสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังความตาย”

เศรษฐีหนุ่มคิดตรงกันข้าม ตั้งแต่อยู่ในโลกนี้เขาเป็นห่วงชีวิตหน้าจึงไปพบพระเยซูเจ้าด้วยความไว้วางใจและหวังจะได้รับคำแนะนำพระเยซูเจ้าทรงสอนให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติ ผู้ใดไม่มุ่งมั่นดำเนินชีวิตสวยงามและไม่ปล่อยตัวตามรสนิยมของตน แต่เคารพพระประสงค์ของพระเจ้าโดยไม่มีเงื่อนไข ผู้นั้นก็อยู่บนหนทางนำไปสู่ชีวิตนิรันดร การปฏิบัติตามบทบัญญัติอาจเรียกร้องความเสียสละในชีวิตปัจจุบัน แต่ผูกพันเราไว้กับพระประสงค์ของพระเจ้าคือกับพระองค์เอง ดังนั้น เราจงตั้งตนไว้บนพื้นฐานของชีวิตนิรันดรเพราะชีวิตนิรันดรเกิดขึ้นได้เพียงจากความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้ทรงชีวิตสัมบูรณ์เท่านั้น

          2. เศรษฐีหนุ่มผู้ทูลถามพระเยซูเจ้าดำเนินชีวิตอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง เขามั่นใจที่จะยืนยันว่า ตั้งแต่วัยเด็กได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติทุกข้อ สิ่งที่แปลกใจคือพระเยซูเจ้าทรงชมเชยว่าดีแล้ว แต่ยังทรงเชิญชวนให้สละทรัพย์สมบัติที่มีอยู่และติดตามพระองค์ไป พระเยซูเจ้าไม่เพียงรับรองกิจการที่เขาทำแต่ยังทรงชี้นำวิถีชีวิตแบบใหม่ เขาจะต้องแจกจ่ายทรัพย์สมบัติทั้งหมดแก่คนยากจน โดยไม่หวังจะได้รับคืน แล้วติดตามพระคริสตเจ้าตลอดไปคือ ฟังพระวาจา มองดูกิจการของพระองค์ มีพระจิตเจ้าของพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม และร่วมชีวิตกับพระองค์ ความสนิทสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องกับพระเยซูเจ้าทำให้เขาเข้าใจค่านิยมและพระชนมชีพของพระองค์ เป็นการเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตนิรันดร ดังนั้น การที่เรายอมเป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้าก็เป็นทางตรงมุ่งไปสู่ชีวิตนิรันดร

        3. มนุษย์ทุกคนต้องเลือกติดตามพระเยซูเจ้าเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งยอมสละชีวิตและชื่อเสียงเพราะเห็นแก่พระองค์และเพื่อประกาศข่าวดี พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องเศรษฐีหนุ่มให้ตัดใจจากทรัพย์สมบัติของตนโดยไม่ลังเลใจเพื่อติดตามพระองค์ ดังที่บรรดาศิษย์รุ่นแรก ๆ เคยทำ กระแสเรียกนี้เป็นสิทธิพิเศษยิ่งใหญ่ที่พระองค์ประทานแก่มนุษย์ แต่เศรษฐีหนุ่มไม่เข้าใจคำเชิญชวนของพระเยซูเจ้าว่าเป็นข่าวดีสำหรับตน เขาต้องการยึดมั่นทั้งทรัพย์สมบัติของตนและติดตามพระองค์ในเวลาเดียวกัน การที่เขาต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง จะยึดมั่นทั้งสองสิ่งในเวลาเดียวกันไม่ได้ จึงทำให้เศร้าใจ ความแปลกใหม่ของการเรียกให้ติดตามพระเยซูเจ้าไม่ใช่การเชิญชวนให้สละทุกสิ่งแต่เป็นการเชื้อเชิญของพระเยซูเจ้าให้มีความสัมพันธ์ใหม่กับพระองค์ซึ่งทำให้ชีวิตมีความหมายใหม่ โดยธรรมชาติแล้ว การผูกพันกับทรัพย์สมบัติใด ๆ ของโลกเป็นสิ่งชั่วคราวไม่จีรังยั่งยืนเมื่อเกิดเราไม่นำทรัพย์สมบัติเหล่านี้มา และเมื่อตายก็ไม่นำไปด้วย พระเยซูเจ้าทรงเชิญชวนเราให้ตัดใจจากทรัพย์สมบัติด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่เพื่อจะอยู่ในโลกนี้อย่างมือเปล่า แต่เพื่อจะเป็นอิสระสามารถผูกมัดตนกับพระองค์ได้ ประดุจตรัสกับเราว่า “ผู้ใดผูกมัดตนกับเรา ผู้นั้นก็ผูกมัดตนกับคุณค่านิรันดร ผู้ดำเนินชีวิตอยู่กับเราก็เริ่มมีชีวิตนิรันดรแล้ว” ความผิดหวังของเศรษฐีหนุ่มแสดงว่าเขามองเพียงสิ่งที่ต้องเสียสละ แต่ไม่เข้าใจสิ่งตอบแทนที่จะได้รับ

       4. พระเยซูเจ้าตรัสตอบนักบุญเปโตรว่า ความผูกพันพิเศษกับพระองค์เปิดขอบฟ้าให้มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นมากขึ้น ผู้สละทุกอย่างและติดตามพระองค์จะเข้าอยู่ในครอบครัวของผู้ผูกมัดตนไว้กับพระเยซูเจ้า เขาจะพบทรัพย์สมบัติและบรรดาพี่น้อง จะได้รับชีวิตใหม่ที่ร่ำรวยมากกว่าและในเวลาเดียวกัน จะเดินบนเส้นทางที่นำไปสู่ชีวิตนิรันดรอย่างปลอดภัย เราจะได้รับชีวิตนี้โดยอาศัยความสนิทสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้าและกับครอบครัวของพระองค์บรรดาคริสตชนความตายไม่สามารถทำลายความผูกพันของเรากับพระคริสตเจ้าได้

      5. วิถีชีวิตที่มุ่งเน้นการครอบครองทรัพย์สมบัติเป็นศัตรูกับความคิดที่ว่าชีวิตเป็นของขวัญ เพราะเปลี่ยนมนุษย์จากการเป็นเจ้านายของสิ่งสร้างมาเป็นผู้รับใช้สิ่งสร้าง ความโลภและความมั่งคั่งเป็นเหมือนการกราบไว้รูปเคารพอย่างแท้จริง (เทียบ คส3:5) และ “ความรักเงินตราเป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายทุกประการ” (1ทธ 6:10) วิธีเดียวเพื่อจะร่ำรวยเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าคือ การให้ทาน เราครอบครองเพียงสิ่งที่ให้ทานเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่สะสมไว้

       6. การกลับเป็นศิษย์แท้ของพระเยซูเจ้า หรือการเข้าอาณาจักรของพระเจ้าไม่เป็นผลจากความอุตสาหะและความเชี่ยวชาญของมนุษย์ แต่เป็นของประทานจากพระอานุภาพของพระเจ้าผู้ทรงช่วยให้รอดพ้น มนุษย์ที่คิดว่าตนร่ำรวยด้วยบุญกุศลและเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม ก็อยู่ห่างไกลจากพระอาณาจักรของพระเจ้า เพราะเขาเหมาเอาว่า สามารถกำหนดความรักและเสรีภาพของพระองค์