"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“บุตรแห่งมนุษย์จึงเป็นนายเหนือแม้กระทั่งวันสับบาโตด้วย”

11. บรรดาศิษย์เด็ดรวงข้าวในวันสับบาโต (4)
b)    ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
       2. พระเยซูเจ้าตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์จึงเป็นนายเหนือแม้กระทั่งวันสับบาโตด้วย”พระเยซูเจ้าทรงต้องการยืนยันอย่างตรงไปตรงมาว่า ผู้ออกกฎหมายศีลธรรม ผู้ที่ตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิดคือพระเจ้าเท่านั้นไม่ใช่มนุษย์ หลายครั้งมนุษย์คิดว่าตนมีความเฉลียวฉลาด ที่รู้ว่าอะไรดีอะไรส่งเสริมชีวิตของมนุษย์เขาจึงกำหนดบทบัญญัติต่าง ๆ ซึ่งประวัติศาสตร์ก็พิสูจน์ว่าหลายครั้งกฎหมายเหล่านี้ก็นำความเสียหาย ความทุกข์และความกลัว พูดอีกนัยหนึ่งคืออาจเป็นกฏหมายที่ผิดความยุติธรรม เพราะเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ผู้กำหนดกฎศีลธรรมจึงไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นพระเจ้าเท่านั้น เพราะเรารู้ว่าพระเจ้าทรงมีพระปรีชาญาณและทรงมีความรักต่อมนุษย์ เราจึงไว้ใจพระองค์และไม่กลัวว่า บทบัญญัติของพระองค์จะกดขี่ห่มเหงมนุษย์ ตรงกันข้าม กลับส่งเสริมชีวิตมนุษย์และนำความสุขแก่ผู้ที่ปฏิบัติตาม

         บางคนเข้าใจผิดว่า พระเยซูเจ้าทรงสอนว่ามนุษย์มีอิสระอย่างเต็มเปี่ยมไม่มีกฎเกณฑ์ใด ๆบังคับตน ถูกแล้วพระเยซูเจ้าทรงต้องการให้มนุษย์มีอิสระตอบสนองกฎต่าง ๆ ด้วยความน้อมนอบเชื่อฟังพระเจ้าผู้ทรงออกกฎหมายเราต้องปฏิบัติตามกฏเหล่านั้น เพราะพระเยซูเจ้าผู้เดียวทรงเป็นเจ้านายเหนือวันสับบาโต ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าก่อนสร้างโลกพระองค์ทรงมีพระชนมชีพในฐานะพระบุตรก่อนมีธรรมบัญญัติพระองค์ทรงดำรงอยู่แล้วพระองค์ประทานอิสรภาพแก่เราเพื่อดำเนินชีวิตรับใช้ผู้อื่นปฏิบัติตามบทบัญญัติโดยมีเจตนาที่ถูกต้องการถือกฎเพียงภายนอกไม่รับรองว่าเป็นเจตนาดีหรือไม่เพราะบางคนอาจจะถือกฎเพื่อได้รับการชมเชยเพื่อจะได้รับผลประโยชน์หรือเพื่อรู้สึกตนว่าเป็นคนดี คนเก่ง แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเพราะพระเจ้าทรงรักเรา ดังที่พระองค์ตรัสว่า “เราทำทุกอย่างที่พอพระทัยพระบิดาเจ้า เพราะความรักต่อมนุษย์”

        3. การปฏิบัติศาสนาไม่เป็นเพียงการถือกฎเพียงภายนอก เช่นกฎวันสับบาโตหรือกฏวันอาทิตย์สำหรับคริสตชน การเป็นคริสตชนจึงไม่หมายถึงการปฏิบัติเพียงบทบัญญัติประการที่สามคือ“อย่าลืมฉลองวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์” คริสตชนคนหนึ่งอาจจะไปวัดร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณและหยุดพักไม่ทำงานในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีแต่การกระทำเช่นนี้ยังไม่เพียงพอเพื่อป็นคริสตชนที่ดีเขาจะปฏิบัติตามกฏวันอาทิตย์อย่างแท้จริง ถ้าในวันนั้นเขายังแสดงความรักต่อเพื่อนพี่น้องรู้จักให้อภัย รู้จักรับใช้ และมีเมตตากรุณาต่อผู้อื่น

        4. พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า ความต้องการของมนุษย์มาก่อนสิ่งอื่นใด กษัตริย์ดาวิดทรงอนุญาตให้ผู้ติดตามที่หิวโหยกินขนมปังที่ถวายแด่พระเจ้า ซึ่งเพียงแต่สมณะเท่านั้นที่กินได้คริสตชนก็เช่นกันต้องเข้าใจว่าการปฏิบัติศาสนานั้นเรียกร้องให้เราช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในความต้องการ การกระทำเช่นนี้แสดงว่าบุคคลมีคุณค่ามากกว่าจารีตพิธี วิธีที่เราแสดงคารวกิจต่อพระเจ้ามากที่สุดคือการช่วยมนุษย์ด้วยกัน

        5. คริสตชนที่ปฏิบัติธรรมบัญญัติของพระเยซูเจ้าที่ว่า“จงรักเพื่อนมนุษย์ดังที่รักตนเอง” ก็จะเป็นพยานว่า พระเยซูเจ้าในฐานะบุตรแห่งมนุษย์ทรงเป็นเจ้านายเหนือวันสับบาโตและพระเจ้าทรงเป็นผู้ออกกฎหมายให้มนุษย์ปฏบัติตาม เพราะถ้าเราปฏิบัติบทบัญญัติแห่งความรักนี้ด้วยความกระตือรือร้นและความเอาใจใส่ในชีวิตประจำวัน ทั้งในครอบครัว ที่ทำงานในสังคม ในบ้านเมืองทุกแห่ง เราก็จะเป็นผู้น่าเชื่อถือว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ออกกฎหมาย ถ้ามีใครถามเราว่า “ทำไม่ท่านปฏิบัติเช่นนี้”เราคงตอบด้วยความมั่นใจว่า บทบัญญัติของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดี คนอื่น ๆ ทีละเล็กทีละน้อยจะยอมรับว่ากฎของพระเจ้าไม่เป็นกฎของผู้น่ากลัว ผู้คุกคามเรา ผู้ทรงมีอำนาจปกครองแบบเผด็จการ การเป็นเจ้านายเหนือวันสับบาโตหมายความว่าเราไว้วางใจในพระเจ้าได้ เพราะกฎของพระองค์มีไว้เพื่อความสุขและความรอดพ้นของเรานั่นเอง