“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2016

สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

1 คร 4:1-5……………
1คนทั้งหลายจงยึดถือว่าเราเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า เป็นผู้จัดการดูแลธรรมล้ำลึกของพระเจ้า 2คุณสมบัติที่เขาแสวงหาในผู้จัดการก็คือ ต้องเป็นผู้ที่วางใจได้ 3ส่วนข้าพเจ้าการที่ท่านหรือมนุษย์คนใดจะตัดสินข้าพเจ้านั้นเป็นเรื่องไม่สำคัญ แม้ข้าพเจ้าก็ยังไม่ตัดสินตนเอง 4จริงอยู่ มโนธรรมไม่ได้ตำหนิอะไรข้าพเจ้าเลย แต่นี่ไม่หมายความว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ชอบธรรม ผู้ตัดสินข้าพเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้า 5ดังนั้น จงอย่าตัดสินเรื่องใด ๆ ก่อนจะถึงเวลา จงคอยจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา พระองค์จะทรงฉายแสงให้ความลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดแจ่มแจ้ง และจะทรงเปิดเผยความในใจของทุกคนให้ปรากฏ เมื่อนั้น ทุกคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้าตามสมควร

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “คนเรามีลักษณะที่มีความสามารถในการ “ตัดสิน” หรือชอบตัดสิน... เริ่มจากการได้มีประสบการณ์ทางผัสสะและเราก็นำสู่กระบวนการคิด และในกระบวนการคิดเราก็มีการตัดสิน มีการเลือก และตัดสินใจ...”
o มีหลายครั้งในชีวิตของเราที่ตัดสิน และตัดสิน
o บ่อยครั้งเมื่อเราเป็นเด็ก ในวัยเด็กๆของเรา เราก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ตัดสินใจอะไรเลยเพราะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เสียเป็นส่วนใหญ่ที่จะตัดสิน ที่จะบอก ที่จะเลือก และเราคนไทยในประสบการณ์ของพ่อได้เรียนรู้มาก เด็กๆไม่ได้มีสิทธิ์อะไรในการเลือกมากนัก นอกจากปล่อยให้ผู้ใหญ่ตัดสินใจ เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่และเราเป็นเด็กๆ
o (บ่อยครั้งที่ผ่านมา การเลือกตั้งผู้แทนฯของคนไทยที่เรามีการเมืองที่ล้มเหลวมาโดยตลอด ล้มเหลวจริงๆ เพราะคนไทยไม่ได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องคิดเป็น เพราะแล้วแต่ผู้ใหญ่ (ผู้ใหญ่บ้าน กำนัล)
o พวกท่านว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน เบื้องหลังหรือ ท่านเชียร์ใคร ท่านรับประโยชน์จากใคร...เป็น “ฐานเสียงหรือเรียกอีกอย่างเป็นขี้ข้าเป็นทาสเงินตราใครพรรคใดก็ว่าตามนั้น... ชาวบ้านก็เชื่อผู้ใหญ่.. เชื่อกำนัล และพวกท่านไปๆ ก็ได้ไปเป็นผู้แทน...กันต่อๆไป...) อ้าวแวบไปเข้าการเมืองได้อย่างไร...อ๋อเขียนเรื่อง “การ ตัดสินใจ”

 

• กลับมาต่อครับ.... เรื่องการตัดสิน..
o สำหรับคนไทยเรานี้หรือคนเอเชียนี้เรามักจะยกให้เป็นเรื่องของคนที่โตกว่าที่ต้องมีหน้าที่ตัดสิน เด็กๆตัดสินอะไรไม่ค่อยได้ หรือไม่ค่อยได้คิดตัดสินอะไร และถ้าจะให้เด็กๆตัดสิน เราเองเด็กๆก็อันที่จริงมักตัดสินผิด เลือกผิดบ้างเป็นธรรมดา
o ในประสบการณ์ชีวิตของพ่อเองมีหลายครั้งหลายเรื่องจริงๆ ที่พ่อต้องยอมรับความจริงว่าในชีวิตมีการตัดสินใจผิดๆ หรือน่าขำหลายครั้งหลายหน มีการตัดสินใจที่ต้องบอกว่าฉลาดน้อยเหลือเกินก็บ่อยมากๆ หลายครั้งเมื่อเราตัดสินใจหรือตัดสินใคร หรือตัดสินอะไร หลายครั้งๆเราต้องยอมรับว่า เราตัดสินผิด
o บ่อยครั้งเราตัดสินคนแต่เพียงภายนอก จากที่เห็น ถ้าไม่ใช่เราเห็นผิด เข้าใจผิด และต้นฉบับผิดที่เราเห็นไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด การตัดสินของเราก็ผิดไปด้วย... การตัดสินไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มนุษย์โดยธรรมชาติก็มีความสามารถและปรารถนาที่จะตัดสินเสมอ...

 

• วันนี้พ่ออยากให้ความสำคัญของการ “ตัดสินใจ หรือจากความเข้าใจของเรา” เป็นพิเศษ การตัดสินเริ่มจากความเข้าใจ การได้เห็น ได้รับรู้ ได้ยิน ได้สัมผัสหรืออะไรก็ตาม และตามมาด้วยความเข้าใจ ตระหนักและตัดสินใจ...
o ก่อนอื่นพ่อขอเน้นที่คำว่า “เข้าใจ” “ความเข้าใจ”... ซึ่งคำนี้ในหลายภาษามีความแตกต่างกันจริงๆ และมีความน่าสนใจอย่างยิ่งครับ และจากความเข้าใจนี้เป็นบ่อเกิดของการตัดสินใจ... ดังนั้น เรามาพิจารณาเรื่อง “ความเข้าใจ” หรือเข้าใจ...
o ภาษาอังกฤษ... ใช้คำว่า “to understand” ที่เราแปลเป็นภาษาไทยว่า “เข้าใจ” ถ้าเราพิจารณาดีๆนะครับ เราจะเห็นรากศัพท์อยู่บ้างในนี้ คำรากที่ชัดเจนของคำๆนี้
1. “under แปลว่า ใต้ ภายใต้ อยู่ใต้” และคำว่า
2. “stand แปลว่า ยืน ยืนอยู่”
o ดังนั้น คำว่า “เข้าใจ” ในภาษาอังกฤษที่เราคุ้นเคย “understand” มีความหมายว่า
o เราสามารถครอบครองความรู้นั้น เราจัดการได้ อยู่ใต้ความสามารถของเรา เรายืนอยู่เหนือมันแล้ว มันอยู่ใต้เท้าของเรา เรายืนครอบครองมันได้แล้ว...
o สรุปว่า understand แปลว่า เราจัดการมันได้ อยู่ภายใต้อำนาจของเรา อยู่ในการจัดการของเราได้แล้ว... พ่อมีข้อสังเกตว่าคำว่า “stand” ภาษาอังกฤษที่โบราณมากคือ “under+standan” ความหมายเดียวกัน คือมันอยู่ในความสามารถจัดการของเรา หรือแปลเอาแบบตรงคือมันอยู่ใต้เท้าเราเรียบร้อย “เหยียบอยู่แล้ว ตายคาบาทาของเราแล้ว”

o ภาษาอิตาเลียน ใช้คำว่า “capito” แปลว่าเข้าใจ...มาจากลาตินรากคือ caput, capitatis แปลว่า “ศีรษะหรือหัว” ภาษาอังกฤษที่เราได้ยินบ่อยคือ Capital ที่แปลว่าเมืองหลวงนะคือเมืองที่เป็นหัวนั่นเอง ดังนั้น ความเข้าใจในภาษารากโรมัน อิตาเลียน หมายถึงอยู่ในหัวแล้ว เข้าหัวไปแล้ว อยู่ในระบบความคิดแล้ว จำได้แล้ว....

o ภาษาไทย คำนี้เยี่ยมที่สุด “เข้าใจ” คนไทย คนเอเชีย ส่วนใหญ่ใช้หัวใจ... เราจึงแปลคำว่า understand, capito จะอยู่ใต้เท้าหรือเข้าในหัว นั้นมาที่ “หัวใจ” สำหรับเราคนไทย เน้นที่ “หัวใจ” เข้าไปในใจ อยู่ในหัวใจ ใช้ใจเป็นฐานของการไตร่ตรอง พิจารณา และตัดสิน “ใจ” ในที่สุด

 

• กรณีนี้ พ่อประทับใจภาษาไทยของเรา และภูมิใจจริงๆ...


• ใช่เราคนไทย คนเอเชีย... เราใช้หัวใจ เราใช้ใจในการตัดสิน และ


• ภาษาทางพระคัมภีร์ โดยเฉพาะในพันธสัญญาใหม่ และในพระวรสารนั้น หัวใจเป็นรากฐานสำคัญอย่างยิ่ง
o เพราะหัวใจปรากฏในพระคัมภีร์ว่าเป็นที่ของความคิด “seat of thoughts” (มธ 9:4; 24:48)
o หัวใจเป็นที่ตั้งหรือบัลลังก์ของความเข้าใจ (13:15) คือ หัวใจ...
1. เป็นที่มาของการแสดงความคิด
2. เป็นศูนย์กลางของปัญญา และ
3. เป็นศูนย์กลางของความตั้งใจ
4. เป็นที่มาของอารมณ์ความรู้สึก
5. เป็นแหล่งที่มาของพฤติกรรมทุกสิ่ง และ
6. เป็นที่เกิดของความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างหรือความสัมพันธ์ใดกับพระเจ้า
7. เป็นบ่อเกิดความรัก ความเชื่อมโยง ความเป็นหนึ่งเดียวกับเพื่อนมนุษย์

 

• สรุปว่า “การตัดสิน” สำหรับเรามนุษย์อันที่จริง... พบกว่ามีรากฐานจำเป็นนั้นต้องอยู่ที่ใจ เราคนไทยทราบเรื่องนี้ดี จึงใช้คำว่า “ตัดสินใจ” คือ “ตัดสินด้วยใจ” และต้องใช้หัวใจมากๆ


• เพราะเหตุว่า หัวใจที่เป็นที่ตั้งของความคิด และความรู้สึกที่ดี และถ้ารู้สึกดี รู้สึกและคิดบวก การตัดสินใจย่อมเต็มไปด้วยความเมตตา ความใจดี และการคิดอย่างดี


• พี่น้องที่รักครับง.. พ่อเล่าเรื่องคำว่า “เข้าใจ” ภาษาที่แสนดีของไทยเราให้ฟังเพื่อประกอบการอ่านพระคัมภีร์วันนี้ เพราะเหตุว่าจดหมายถึงชาวโครินท์ ท่านนักบุญเปาโลสอนเราคริสตชนหนักแน่นมากๆ เปาโลเน้นให้เราต้องเป็นคนที่คนอื่นๆเขามองดู เขาได้เห็นเราคริสตชนแล้วนั้น
o พวกเราทุกคน ต้อง ต้อง ต้อง เป็น “คนที่วางใจได้” เปาโลเน้นว่า “(ควรที่)คนทั้งหลายยึดถือว่าเราเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า เป็นผู้จัดการดูแลธรรมล้ำลึกของพระเจ้า คุณสมบัติที่เขาแสวงหาในผู้จัดการก็คือ ต้องเป็นผู้ที่วางใจได้” (This is how one should regard us, as servants of Christ and stewards of the mysteries of God. (1Co 4:1 RSV))
o จริงๆ แล้วพวกเราคริสตชนถูกเรียกร้องมากๆครับ ให้เป็น ผู้จัดการธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้า คือ เรารู้จักพระคริสตเจ้า ต้องรู้จริงๆ ต้องรู้อย่างลึกซึ้ง.. (จริงไหมหนอ อันนี้พ่อถามพี่น้องครับ ถามว่าเรารู้จักธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้าจากพระคัมภีร์จริงๆไหมหนอ) เปาโลเน้นว่า
1. เราต้องรู้จักพระคริสตเจ้าจริงๆ ลึกซึ้งด้วย
2. เราต้องเป็นผู้จัดการ และเป็นผู้รับใช้ ผู้ประกาศพระคริสตเจ้าจริงๆ และ
3. ต้อง ต้อง ต้อง “ไว้ใจได้” ด้วยนะครับ”
o คนอื่นๆ เขามองดูพวกเราคริสตชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อขอเน้น “บรรดาพระสงฆ์ นักบวช พระสังฆราช... และขอเน้นถึงพี่น้องคริสตชนด้วย” ว่า พวกเราทั้งหลายได้เป็นจริงๆไหม คือ
1. เป็นผู้จัดการธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้า
2. เป็นผู้รับใช้พระวาจาขอพระเจ้า
3. เป็นผู้ประกาศพระคริสตเจ้า
4. เป็นผู้ที่ประกาศเทศน์สอนพระวาจาและ
5. เป็นประจักษ์พยานสิ่งที่เทศน์สอนด้วยชีวิต “ไว้วางใจได้” เพียงใด
6. เป็น “ผู้รับใช้” ของพระเจ้าชัดเจนในการรับใช้เพื่อนพี่น้องเพียงใด
7. สรุปคือ พวกเรา “ไว้ใจได้ในเรื่องพระคริสตเจ้า” หรือไม่...

 

• พี่น้องที่รักครับ....เพื่อเราจะสามารถได้รับคำสอนของนักบุญเปาโลที่สอนชาวโครินท์ และสอนเราคริสตชนจริงๆ จนกระทั่วว่า คนอื่นๆ คนต่างศาสนาและต่างความเชื่อ เขามองเห็นพวกเราแล้ว เราเป็นจริงๆ ควรเป็นเช่นนั้น คือ เป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้าที่ไว้ใจได้จริงนั้น พ่อคิดว่า ข้อปฏิบัติสำหรับเราคือ
o เราทั้งหลายจงเป็นคริสตชนที่มีหัวใจเต็มเปี่ยมด้วยความรัก หัวใจเต็มเปี่ยมด้วยความดี
o จงมีความเพียรทนกับเพื่อนพี่น้อง
o จงรอคอยด้วยความหวังและรอบคอบ และ
o จงอย่าด่วนตัดสินเพื่อนพี่น้องด้วยวาจา ความคิด ที่เรามักจะตัดสินและติฉินนินทากันจนเมา จนมัน จนมึนทั้งคนฟังและคนพูด เรียกว่า ตั้งวงเมามึนในการตัดสิน ซุบซิบ ซึ่งนิสัยคนไทยเราก็ชอบอยู่ บนโลกโซเชียลีมีเดีย ก็ชอบนัก กอสซิปทั้งหลาย พูดไม่คิด เขียนทำร้ายคนอื่นๆ ไม่รับผิดชอบอะไรทำนองนี้
o วันนี้ขอแตะเฟสบุคของเรากันหน่อย... พ่อเห็นบนโลกออกไลน์ สิ่งที่ขัดแย้งกันมากๆๆๆๆๆๆ ขอย้ำๆๆๆๆ ขอเตือนด้วย ชุมชนวัดชุมชนคริสตชนออนไลน์ของเรา
o หลายครั้งที่พ่อเห็นหลายคนได้ลงรูปตนเองไว้ น่ารักครับ หน้าตาดีมากๆ รูปสวยด้วยคาเมรา 360 องศา หรือแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อะไรทำนองนี้... อีกทั้งเนื้อหาบางโพสต์ก็แสนศรัทธา มีรูปเข้าวัดเข้าวา มีรูปไปทำกิจกรรมของวัด ประชุมกลุ่มกิจกรรมต่าง มีรูปไปฉลองวัดโน้นวัดนี้เยอะแยะ ลงรูปพระ รูปนักบุญสวยๆ น่าทึ่ง
o แต่พอดูโพสต์ต่อๆไปบ่อยครั้ง... เป็นโพสต์นินทา ด่าว่า ด่าทอ หรือใช้คำหยาบคายน่าขายหน้า (เฟส, Face “เฟสบุค” นะครับ เป็นหนังสือแบบใหม่เพื่อให้คนเราได้รู้จักกันทางใบหน้าของเรา ข้อเขียนของเรา ที่รู้จักหน้ากัน ไม่ใช่สื่อที่น่า “ขายหน้า” ต่อกัน)
o แต่บ่อยครั้งพ่อก็เห็นความน่าขายหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ ดูหน้าเฟสแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะมีพระเจ้าในชีวิต...


• พ่อพบเช่นนี้จริงๆ บ่อยครั้งคนในสังคมเราใช้คำหยาบคายมากๆ ด่าทอใส่กัน... แบบที่พ่อต้องปรารภจริงๆว่า “ลูกๆที่รักครับ บ่อยครั้งถ้อยคำของลูกๆ ที่ใช้โพสต์เข้าใส่กัน ทำร้ายกัน ด่าทอกัน มันช่างทำลายใบหน้าอันงดงามจนหมดสิ้น มันทำลายคุณค่าแห่งศีลล้างบาป และทำร้ายทำลายจนเละซึ่งการเป็น “ผู้จัดการธรรมล้ำลึกหรือผู้รับใช้พระเจ้า””
o ลูกๆ ที่รัก พี่น้องที่รัก... ความหยาบคาย วาจาซุบซิบเปิดเผย ประจานทำร้ายกันออนไลน์ ล้วนทำลายคุณค่าแห่งการเป็นคริสตชนของเรากันจนหมดเกลี้ยง แถมทำให้คนอื่นเขามองดูชีวิตคริสตชนของเราติดลบไปมากมาย
o พ่อเห็นว่า อ่านจดหมายของเปาโลวันนี้แล้ว พบว่าถึงเวลาครับ เราต้องจัดระเบียบชีวิตคริสตชนบนโลกออนไลน์ด้วยนะครับ...
o พ่อขอเรียกอาการแบบที่กล่าวมาของเฟสบุคของพวกเราบางท่าน... คนที่ชอบสลับไปมาในการโพสต์ระหว่างศรัทธาและความไม่น่ารักรูปแบบต่างๆ แบบนี้พ่อเรียกว่า เป็นอาการของโรคยุคใหม่ครับ คือ โรค “ไบโพลาร์ออนไลน์” ครับ หรือถ้าเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายหน่อย คือ โรค “ผีเข้าผีออกออนไลน์” “ลูกผีลูกคนออนไลน์”
o ถึงเวลาต้องปฏิรูปจัดระเบียบกันหน่อยนะครับ... อีกหน่อยเวลาไปสารภาพบาป อาจต้องเอาสมาร์ทโฟนไปด้วย และไปสารภาพสิ่งที่เขียน สิ่งที่โพสต์ สิ่งที่ทำร้ายคนอื่น ในกิจการที่ทำไป... อาจต้องกำหนดบาปแบบใหม่ที่ทำผิดต่อกันทางโลกออนไลน์กระมังครับ...
o ในทางกลับกัน... พ่อขอส่งเสริมความน่ารักของโพสต์ดีๆ มีมรรยาท วาจาน่ารัก สื่อความดี เสริมศรัทธา... พ่อเคยบอกแล้วบ่อยๆว่า “เราต้องเอาสื่อมาเป็นทาสเราในการประกาศพระวาจาและประกาศความดี อย่าเป็นทาสสื่อ”
o พ่อจึงใช้คำนี้บ่อยๆ จำได้ไหม “เพื่อนๆเฟสบุคคริสตชน” ครับ เราต้องช่วยกันล้างบาปให้เฟสบุคครับ คือ ทำให้เฟสบุคเป็นคริสตชน เป็นสิ่งที่ไว้วางใจได้เพื่อความดี คือ เราทุกคนนั่นแหละครับ...
o สรุปด้วยคำของนักบุญเปาโลก็ได้ครับว่า เพื่อคนอื่นๆที่เห็นเฟสบุคของเรา เห็นหน้าเรา เห็นนิสัยเรา... “คนทั้งหลายจงยึดถือว่าเราเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า”
o พ่อคิดว่า ถึงเวลาแห่งยุคที่เราต้องมีไม่ใช่เพียงจรรยาบรรณครับ แต่ต้องมี “มโนธรรมออนไลน์” กันแล้วครับ

 

• พี่น้องที่รักครับ...อย่างน้อยที่สุด
o พ่อขอให้เราต้องไม่ใช่เพียงหัวคิด “capito” จัดการทุกสิ่งให้อยู่ใต้เท้าใต้อำนาจ “understand”
o แต่เราต้อง “ตัดสินใจ” ให้เพื่อนพี่น้องของเรา “อยู่ในใจของเรา” เสมอ เหมือนเวลาคนไทยเรียนคณิตศาสตร์ยังมี “คณิตคิดในใจเลย”
o ใจสำคัญนะครับ ตัดสินใจสำหรับเรา จึงต้องใช้หัวใจจริงๆครับ แบบที่เขามักจะพูดว่า “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” หรือ “เข้าใจกันให้มากๆ” ใช้สื่อออนไลน์เพื่อประกาศ “ใบหน้า” คริสตชนของเราที่ไว้วางใจได้มากๆนะครับ.... อ่านพระคัมภีร์ด้วย ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก