“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2016

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา

ยก 4:13-17…
13ท่านพูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้ เราจะไปเมืองนี้เมืองนั้น จะอยู่ที่นั่นสักหนึ่งปี จะค้าขายได้กำไร” 14ท่านไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าชีวิตของท่านจะเป็นอย่างไร ท่านทั้งหลายเป็นเหมือนหมอกซึ่งปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป 15ดังนั้น ท่านควรจะพูดว่า “หากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระประสงค์ เราจะมีชีวิตอยู่และจะทำสิ่งนี้สิ่งนั้น” 16แต่บัดนี้ ท่านได้แต่โอ้อวดในความเย่อหยิ่งของท่าน การโอ้อวดเช่นนี้ล้วนแต่เลวร้าย 17คนที่รู้ว่าต้องทำความดี แต่ไม่ทำ ก็ทำบาป

• พระคัมภีร์ประจำวันนี้ ประจำมิสซาบูชาขอบพระคุณของเราคริสตชนคาทอลิกวันนี้แสนสั้น แต่ล้ำค่าและน่าทึ่งจริงๆ ถ้าเราจะไตร่ตรองรำพึงเพิศเพ่งให้เห็นคำสอนของพระเจ้า เห็นพระประสงค์ของพระเจ้า พระวาจาวันนี้สอนสิ่งที่สำคัญจริงๆแก่เรา ชีวิตที่ต้องรู้จักคำว่า “พอ” พอเถอะ “พอเพียงและให้เพียงพอ”

• ยากอบวันนี้ตั้งใจสอนคนร่ำรวย คนที่มีฐานะ คนที่มีโอกาส และมีมากกว่าคนอื่นๆ ร่ำรวย (ถ้าไม่โกงนะครับ) พ่อคิดว่าเราต้องแบ่งคนรวยออกเป็นสองกลุ่มจากกัน

• คนที่ร่ำรวยประเภทแรก
o คนที่ร่ำรวยเพราะขยันทำมาหากิน สุจริต ซื่อตรง ออกแรงทำงานเพื่อหาเงิน ประหยัดอดออม หลายคนขายบะหมี่ ขายอาหาร พี่น้องคนไทยเชื้อสายจีนมากมายที่อดทนทำงานอย่างสุจริต ทำงานไม่เลือกแม้ขี่ซาเล้งเก็บขยะพลาสติกจนร่ำรวยได้ เพราะเขาได้ทำอย่างซื่อสัตย์ น่าศรัทธาน่าสรรเสริญ ชีวิตคือวีระบุรุษของลูกหลานและสังคม หลายคนมานะเหลือเกิน ทำมาหากินหนักเหลือเกิน...
o คนร่ำรวยชนิดนี้มีมากอยู่ เป็นคนศรัทธา เป็นคนดี ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง และรู้คุณค่าของเงินทอง มีชีวิตอย่างมีความสุข พอเพียง ไม่แสวงอำนาจ แต่สุภาพถ่อมตน น่ายกย่อง คนแบบนี้ก็มีมากในหมู่พี่น้องคริสตชนคาทอลิกครับ ยืนยันว่ามีอยู่จริงๆ และสมควรจะได้ชื่อว่านักบุญตั้งแต่ในโลกนี้ เพราะน่ารักและดีจริงๆ น่าเลียนแบบ

• คนที่ร่ำรวยประเภทที่สอง
o ร่ำรวยเงินทองและบ่อยครั้งมหาศาลจนเวอร์เกินจริงๆ เพราะไม่มีทางรวยแบบนี้ได้ถ้าไม่รวย “ทางลัด” โดยเอารัดเอาเปรียบและโกง ฉ้อฉลกลโกง หลบหลีกเลี่ยงเบี่ยงเบนหนทางคดเคี้ยวให้ดูว่าตรง รวยมหาศาลเพราะวิ่งเต้นเซ่นสายหานาย ประเภทนั่งเฝ้ารอหน้าห้องเพื่อขอโอกาส ขอสิ่งที่เรียกว่าสัมปทาน คือ ผูกขาดเพื่อข้ารวยแต่เพียงผู้เดียว ไม่ให้โอกาสคนอื่นได้มีโอกาส คือ ทำลายโอกาสคนอื่นทั้งหมดไม่ให้ได้เข้ามามีโอกาสหรือมีส่วน คำนี้น่าศึกษาจังเลยครับ
o “สัมปทาน” คือ “[สำ-ปะ-ทาน] (มค. สมฺปทาน สก. สมฺปฺรทาน) คำนามคำนี้น่าศึกษา แปลว่า “การให้, การมอบให้, การอนุญาตให้มีสิทธิทำกิจการบางอย่างแต่ผู้เดียว”
o ภาษาอังกฤษใช้ “Concession” รามาจากภาษาลาติน “concessionem, จาก concessio” แปลว่า การอนุญาต การยอมให้มีสิทธิ์ มีอภิสิทธิ์ โดยอำนาจรัฐบาล
o รากลึกลงไปอีกคือคำว่า “Concedere” คือ ร่วมกันเปิดหนทาง ร่วมกันหยิบยื่น ความเห็นร่วมกันของรัฐบาลกับบางคน ยอมให้โอกาสโดยมองอีกด้านหนึ่งคือปิดโอกาสคนอื่นๆ ไม่ให้มีโอกาส “concedere” แปลว่า ร่วมกันเปิดทางให้ อำนวยหนทางให้ไปเดี่ยวๆ ไม่ให้ใครไปด้วย ไม่ให้ใครมีโอกาสด้วย แต่เป้าหมายสูงสุดต้องเป็นการให้เพื่อความดีส่วนรวมเป็นสำคัญ

• หลังจากพ่อนั่งคิดไตร่ตรองคำว่า “สัมปทาน” ที่ได้ยินได้ฟัง ได้อ่านมาโดยตลอด พอไปดูรากศัพท์เข้าลึกๆ พ่อรู้พบว่า
o คนรวยประเภทที่สองนี้ บ่อยครั้งมักจะรวยมาก รวยจนเวอร์จนไม่รู้จะอธิบายตัวเลขจำนวนเงินที่มี ที่ได้มามากเกินกว่ามนุษย์ปุถุชนทั่วไปจะร่ำรวยได้ แปลว่า รวยแบบนี้ไม่ได้ ถ้าไม่ยึดโอกาสและยึดทรัพยากรมาเป็นของตนเอง โดยความเห็นชอบของรัฐฯ
o ซึ่งอันที่จริงความเห็นชอบของรัฐบาลต้องชอบธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชนเพื่อความดีส่วนร่วมเพื่อคนส่วนใหญ่ นั่นก็คือว่าซื่อตรงและเป็นระบบที่ดีอยู่แล้ว (ที่ควรเป็น) แต่ถ้ารัฐบาลฉ้อฉลด้วยกลโกงด้วย สัมปทานก็ตกอยู่กับคนที่ฉ้อไม่กี่คน อีกทั้งถ้าผลประโยชน์สูงสุดไม่ได้ตกเป็นของประชาชน แต่ตกอยู่กับกลุ่มคนรวยที่ผูกขาดสัมปทานเพื่อตนเอง และพวกพ้องเท่านั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับประชาชนและประเทศชาติ ประเภทแก้กฎหมายเพื่อรวยอวยประโยชน์ให้ตนเองหรือพวกพ้อง ปล่อยกู้ให้พวกพ้อง ซื้อเสียงเข้าสภาเพื่อสนับสนุนให้ตนทำผิดแต่ดูดีและมีเกียรติ ทำสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่ควรทำเลยในทางศีลธรรมจรรยา และธรรมาภิบาล แต่ว่าก็ก็มันทำได้ไม่ได้ไม่ผิดกฎหมายอะไรนี่นา หรือถ้าเห็นว่าจะผิดกฎหมายใช้อำนาจแก้กฎหมายได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องอย่างแน่นอน

• คนรวยประเภทที่สองนี้ ก็มักจะแสวงหาพรรคพวกเสริมกำลัง หาพวกพ้องที่พากันรวยเพราะเข้าไปมีส่วนร่วมกันแสวงสิทธิ์ สวมสิทธิ์ และทำลายสิทธิ์คนอื่นๆ หลายคนช่างเขลาเบาปัญญาไม่มีความสามารถอะไรเลย นอกจากเสียงข่มขู่จากความเขลา ไม่มีความรู้จริงๆ อย่างเจาะจงต่อเรื่องนั้นๆ แต่กลับได้ไปนั่งเป็นที่แบบเขาเรียกว่า “บอร์ด” เป็น “ท่านที่ทำให้กิจการต่างๆนั้นๆหรือองค์กรนั้นๆบอดไปเลย” ไร้ความรู้และคุณธรรมบอดจนสนิทแต่ก็ไปนั่งอย่างมีเกียรติแต่ไร้ศักดิ์ศรีแต่รวยและได้โอกาส สำแดงความ “ขี้เท่อเป้อเปิ่นออกมา” เป็นเหมือนขอทานกิตติมศักดิ์ขอส่วนบุญที่เบียดบังเอารัดมาจากคนยากจนหรือจากความดีส่วนรวม นั่งรับเงินปีละหลายๆล้านจากสิ่งที่เรียกว่า “เบี้ยประชุมและสวัสดิการ” อันมาจากการขูดรีดเลือดเนื้อและเอาเปรียบพี่น้องร่วมชาติ นี่เป็นความคนรวยและความรวยแบบกินรวบที่เรียกว่าหรูๆ “สัมปทาน” ผูกขาด นี่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและมีอยู่จริงๆในโลก ในสังคมทั้งระดับโลกและบ้านเมือง ในหลายๆประเทศ..

• พี่น้องที่รักครับ พ่อนำเสนอเรื่องราวของความร่ำรวยของคนร่ำรวยดีๆที่มีอยู่จริง คนร่ำรวยที่น่ารักน่ายกย่องเพราะความพยายามทำมาหากินอย่างสุจริตและเพียรทน กับความร่ำรวยความรวยที่อาจจะมิได้มาจากความเที่ยงธรรม

• อย่างไรก็ตามเราพบกว่าคำสอนของยากอบวันนี้ก็เป็น “คำเตือนสอนสำหรับคนร่ำรวย” อย่างดีเยี่ยม
o เพราะความร่ำรวยทางทรัพย์สินและเงินตรา ต่างก็มีเพียงชั่วขณะ ชีวิตสำคัญกว่าทรัพย์สิน ความน่ารัก ความงดงามและความดีมีเมตตา คือ ความเป็นคนแท้จริงที่พระเจ้าประทานให้ เพราะพระองค์สร้างเรามาในภาพลักษณ์ของพระองค์ สร้างมาให้เหมือนพระองค์ ในความรัก
o เพราะว่า “พระเจ้าทรงเป็นความรัก” คำสอนนี้จึงงดงามมากๆ ครับ พ่อเสนอให้เราอ่านพระวาจานี้อย่างดีๆ และศรัทธาอีกครั้งนะครับ

อรรถาธิบายบางประเด็นจากคำสอนของนักบุญยากอบวันนี้

• ความจริงพ่อไม่ต้องอธิบายอะไรด้วยซ้ำ อ่านซ้ำอีกสักรอบสองรอบก็ได้พบคำสอนเตือนใจแก่เราทุกคนครับ เราอาจจะวางแผน เราอาจจะเตรียมหลายเรื่องทางธุรกิจและการค้า ฯลฯ แต่ที่สุด ยากอบเตือนเราด้วยความจริงว่า ชีวิตของเรามนุษย์นั้นสั้น และเรามิอาจรู้อนาคตได้ว่าเราจะจากโลกนี้ไปเมื่อใด พระเยซูเจ้าสอนเราเองเสมอว่า “จงเตรียมพร้อมไว้” ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นการเตือนสอนเราอย่างดี ดีอย่างไร คำตอบสำหรับพ่อ คือ
1. สะสมชีวิตที่พอเพียงและรู้จักคำว่า “พอเพียงและเพียงพอ”
2. สะสมความรักเมตตา ดีกว่าสะสมทรัพย์สมบัติ
3. สะสมความจริง ดีกว่าสั่งสมความเท็จ
4. สะสมความสุขใจใฝ่คุณธรรม ดีกว่าสั่งสมความอิจฉาริษยาซึ่งเป็นเหตุของสงครามและการฆ่าฟัน และความเกลียดชัง ใจก็ไม่เป็นสุข...
5. สะสมมิตรภาพเพื่อนพ้อง ดีกว่าสร้างและสั่งสมซ่องสุมศัตรู
6. สะสมเพิ่มพูนความเชื่อ ความวางใจ และความหวัง ดีกว่าวิ่งหนีความจริงไปวันๆ เพราะการฉ้อโกงและต้องปกปิดจนที่สุดต้องเข้าตาจน
7. สะสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์นิรันดรที่ไม่มีอะไรหรือใครจะแย่งชิงไปจากเราได้ ดีกว่าสะสมทรัพย์สมบัติของโลกนี้ที่เน่าเปื่อยผุพัง และแม้เราเองวันหนึ่ง ไม่นานก็ต้องผุพังไปอย่างรวดเร็วเหมือนกัน

• วางใจในพระประสงค์ของพระเจ้า น้ำพระทัยของพระองค์ พระวาจาของพระองค์ ปฏิบัติตามพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “รักที่จะถือและปฏิบัติตามบัญญัติแห่งความรัก” นั่นคือความสุขแท้จริงๆสำหรับชีวิตของเราเสมอไป

• ที่สำคัญ “ความสุภาพ ถ่อมตน ยอมรับความจริง” คือพระพรอันประเสริฐ ความสุขประเสริฐสำหรับเราตลอดไป อย่าให้ชีวิตของเราเย่อหยิ่งทะนงตนว่าเก่ง อย่าให้ชีวิตของเราเย่อยิ่งทะนงตนว่ามีความรู้ความสามารถ แต่จงมอบถวายทุกอย่างเพื่อพระเจ้า ทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อวิญญาณและชีวิตของเพื่อนพี่น้อง นั่นคือความสุขที่สุดเช่นกัน ยั่งยืน และปล่อยวางด้วยความรักต่อทุกคนอย่างงดงามยิ่งครับ

• สุดท้าย พระวาจาวันนี้ให้ข้อคิดสำคัญ “คนที่รู้ว่าต้องทำความดี แต่ไม่ทำ ก็ทำบาป”
o สำหรับเราคริสตชน บาปไม่ได้จบอยู่เพียงที่การทำความชั่ว การทำสิ่งที่บาปและชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้า หรือเพียงการทำผิดต่อพระบัญญัติของพระเจ้า หรือบัญญัติของพระศาสนจักร
o สิ่งที่โดดเด่นมากสำหรับคริสตชน คือ “การละเลย” ก็เป็นบาป ยากอบย้ำว่า “คนที่รู้ว่าต้องทำความดี แต่ไม่ทำ ก็ทำบาป”
o พ่อเชื่อว่านี่เป็นความอ่อนโยนในการอบรมมโนธรรมคริสตชนมากๆ ครับ การละเลยกระทำความดี รู้ว่าต้องทำความดี แต่ไม่ทำก็เป็นบาป ดังนั้น ไม่เพียงแต่กระทำความชั่วร้าย กระทำความรุนแรงเลยครับ แต่การไม่กระทำความดี หรือก่อกิจการดี ถ้าละเลยก็เป็นบาปหรือกล่าวง่ายๆ ผิดบัญญัติแห่งความรัก ผิดต่อพระเจ้าองค์ความรักแล้วครับ...

• ดังนั้น คำสอนจากพระคัมภีร์ ยากอบสอนเราให้เชื่อฟัง “บัญญัติแห่งความรัก” ถ้าเราเชื่อฟังบัญญัติแห่งความรัก ผลตามมาคือ “ความอ่อนโยนต่อความจริงและความดีแน่นอน” ศาสนาคริสต์ล้ำค่าก็ตรงที่เราคริสตชนต้องไม่เป็นคนรุนแรงโดยเด็ดขาด ไม่เป็นคนกระทำด้วยอารมณ์ความรู้สึก หรือกระทำบาป แต่ที่สำคัญมุ่งกระทำความดีโดยไม่ละเลยเด็ดขาด พร้อมจะรัก พร้อมจะเมตตา พร้อมจะให้อภัยเสมอไปครับ

• พี่น้องที่รักครับ สังคมโลกต้องการสันติสุขและต้องการคริสตชนที่เปี่ยมด้วย “พระจิตเจ้าองค์ความรัก” อย่างแท้จริงเสมอไปนะครับ พ่อขอสรุปด้วยคำสอนของพระสันตะปาปาฟรังซิส Evangelii Gaudium อีกนิดหน่อยนะครับ

• คริสตชนทุกคน ทุกคนจริงๆ ต้องรู้สึกให้ได้ถึงความจำเป็น
o รู้สึกจริงๆว่าต้องนำความรักของพระคริสต์ไปยังผู้อื่น และต้องทำให้เป็น “พันธกิจถาวร” ของเราทุกคน
o ต้องเอาชนะความยากของปัจจุบัน โลก กระแสโลก ที่หยิบยื่นปัจเจกนิยมให้กับเรา แต่เราต้องเอาชนะด้วยการออกไปเพื่อนำความรักไปจริงๆ (2) (พ่อเสริมว่า เราต้องกล้าเป็นคนดี ต้องกล้ากระทำความดี ต้องไม่ละเลยที่จะกระทำความดี)

• พระสันตะปาปาอธิบายว่า ในการที่เราสัมพันธ์และสัมผัสกับโลก
o เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องให้เหตุผลจริงๆของ “ความหวัง” ของเรา ไม่ใช่กระทำไปแบบตั้งตนเป็นศัตรูที่คอยเอาแต่วิจารณ์และกล่าวหาตัดสิน (271)
o เฉพาะคนที่ “รู้สึกรู้สาถึงความสุขในการแสวหาความดี และแสวงหาด้านที่ดีของเพื่อนพี่น้องเท่านั้น และเป็นคนที่ปรารถนาให้เพื่อนพี่น้องมีความสุขเท่านั้น” สามารถเป็นมัชชันนารีผู้ประกาศพระวรสารได้อย่างแท้จริง (272)

• พระสันตะปาปาย้ำว่า
o “เพียงถ้าเราสามารถช่วยคนอื่นสักคนให้พ้นจากชีวิตระทมทุกข์ไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า เพียงเท่านี้ ชีวิตของเราก็ได้เป็นผู้ชอบธรรมหรือมีความเชื่อจริงๆแล้ว” (274)
o จงดูตัวอย่างจากพระแม่มารีย์ เมื่อเราพิศเพ่งพระมารดามารีย์จริงๆ อยู่เสมอ เราก็กำลังก้าวมาสู่ความเชื่อ เชื่อมั่นถึงธรรมชาติของการปฏิวัติเรื่องความรักและความอ่อนโยนจริงๆ ได้แน่นอน (288)

         พี่น้องที่รักครับ ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านและพ่อด้วย ให้เราอ่อนโยน ให้เราปฏิวัติความรักให้เกิดขึ้นจริงในชีวิตของเรา ปฏิวัติตัวเราให้อ่อนโยน ถ่อมตน และพร้อมจะกระทำกิจการดีทุกอย่างเสมอไป ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก