“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 6 เมษายน 2016

สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา 
กจ 5:17-26….

17มหาสมณะ และทุกคนที่อยู่กับเขาคือกลุ่มชาวสะดูสี มีความอิจฉาอย่างยิ่ง 18จึงจับกุมบรรดาอัครสาวกและจองจำไว้ในคุกสาธารณะ 19เวลากลางคืน ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าเปิดประตูคุก นำบรรดาอัครสาวกออกไป สั่งว่า 20”ท่านทั้งหลายจงไปที่พระวิหาร ประกาศพระวาจาเกี่ยวกับวิถีชีวิตใหม่นี้ ให้ประชาชนฟังเถิด” 21เมื่อบรรดาอัครสาวกได้ฟังดังนั้น ก็เข้าไปในพระวิหารตั้งแต่เช้าตรู่และเริ่มสั่งสอนที่นั่น


เมื่อมหาสมณะและทุกคนที่อยู่กับเขามาถึง ก็เรียกประชุมสภาซันเฮดรินและบรรดาผู้อาวุโสทุกคนของอิสราเอล แล้วให้พนักงานไปที่คุกนำตัวบรรดาอัครสาวกออกมา 22แต่เมื่อพนักงานไปถึง ก็ไม่พบบรรดาอัครสาวกอยู่ในคุกแล้ว จึงกลับมารายงานว่า 23”พวกเราพบคุกปิดไว้อย่างแน่นหนาและคนเฝ้าก็ยืนรักษาการณ์อยู่ที่ประตู แต่เมื่อเราเปิดประตูเข้าไปก็ไม่พบผู้ใดเลยสักคน” 24เมื่อนายทหารรักษาพระวิหารและบรรดาหัวหน้าสมณะได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ต่างรู้สึกสับสนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น 25ขณะนั้นเอง มีคนหนึ่งมาบอกว่า “ดูซิ คนเหล่านั้นที่ท่านทั้งหลายจองจำไว้ในคุก กำลังยืนสั่งสอนประชาชนอยู่ในพระวิหาร” 26นายทหารรักษาพระวิหารพร้อมกับนายทหารยามจึงไปนำบรรดาอัครสาวกมาโดยไม่ใช้กำลัง เพราะเกรงประชาชนจะขว้างด้วยก้อนหิน

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• “พระวาจาของพระเจ้าจะถูกจองจำไม่ได้”
• พันธกิจการประกาศข่าวดีเป็นพระพิเศษสำหรับศิษย์พรเยซูเจ้า ไม่มีใครสามารถจองจำข่าวดีหรือการประกาศข่าวดีได้เลย
• ความอิจฉาของบรรดาผู้นำศาสนายิว สมณะคนที่มีหน้าทีทางศาสนา พยายามกีดกัน และแม้บรรดาอัครสาวกจะถูกจองจำไว้ในคุกโดยมหาสมณะ และทุกคนที่อยู่กับเขาคือกลุ่มสะดูสีมีความอิจฉาอย่างยิ่ง
• แต่ทว่าบรรดาอัครสาวกกลับได้รับการปลดปล่อยจากทูตสวรรค์ของพระเจ้าให้ออกมา “แม้ประตูคุกปิดอยู่ แต่พวกเขาสามารถออกมาได้โดยทูตสวรรค์ของพระเจ้า...
• พร้อมกับคำสั่ง “ท่านทั้งหลายจงไปที่พระวิหาร ประกาศพระวาจาเกี่ยวกับวิถีชีวิตใหม่นี้ ให้ประชาชนฟังเถิด”
• พ่ออ่านมาถึงพระวาจาตอนต้นของวันนี้ ก็สะดุ้งปนสะดุดจริงๆ มหาสมณะ และบรรดาชาวสะดูสีอีกแล้ว....
• คนพวกนี้คือกลุ่มสมณะหรือเรียกตรงๆ ว่ากลุ่มพระสงฆ์คือคนที่ทำงานใกล้ชิดพระวิหาร ทำงานเหมือนพระสงฆ์สำหรับพระวิหารของพระเจ้านั่นเอง และพวกนี้ไม่เห็นด้วยกับการประกาศพระเยซูเจ้าซึ่งเป็นวิถีทางใหม่...

• ประเด็นนี้อ่านมาถึงแล้วเจ็บหัวใจ บอกตรงๆ ว่าถามตนเองว่า
o เราเป็นพระสงฆ์ในยุคปัจจุบัน เราเป็นเช่นนี้หรือไม่
o เราพระสงฆ์ในปัจจุบัน... เราได้เป็นผู้ประกาศพระวรสาร เราได้เป็นผู้สื่อสารเพื่อประกาศพระคริสตเจ้าจริงๆ หรือไม่
o เราได้ประกาศชีวิตในหนทางใหม่ของพระคริสตเจ้า หนทางแห่งความรักด้วยจริงๆ... หรือว่า
o เราเองทำเป็นเพียงหน้าที่ และทั้งๆที่เป็นหน้าที่
• พ่อเองได้ทำหน้าที่ประกาศพระวาจาของพระเจ้าอย่างจริงๆ แล้วหรือ???

• พ่อเองได้เป็นพระสงฆ์ประกาศพระคริสตเจ้าจริงๆ แล้วหรือ

o นี่เป็นคำถามที่พ่อเองต้องตอบด้วยความระวังจริงๆ... เพราะบางทีพ่ออาจจะยังไม่ได้เป็นผู้ประกาศพระวาจาที่ดี แถมบางที ชีวิตของพ่ออาจจะเป็นการจับพระวาจาของพระเจ้าขังไว้ในคุกก็เป็นได้เหมือนกัน....
o เมื่อถามตนเองเช่นนี้ พ่อก็ถามถึงพี่น้องคริสตชนทุกคนด้วยการประเมินตนเองเช่นกัน เราได้เป็นผู้ประกาศพระวาจาของพระเจ้าด้วยคำพูด ด้วยกิจการดี ด้วยประจักษ์พยานชีวิตหรือไม่ หรือว่าเราจองจำข่าวดีของพระเจ้าด้วยกิจการที่ไม่ดีของเรา หรืออาจเป็นกิจการที่อาจอยุติธรรม โดยเฉพาะสิ่งที่ทำลายทำร้ายข่าวดีของพระคริสตเจ้ามากที่สุดคือความอิจฉาริษยา...
o พ่อเขียนมาถึงตอนนี้ พ่อคิดถึงคำสอนของพระสันตะปาปาฟรังซิสอีก... ในพระสมณสาสน์เตือนใจ ชื่อ Evangelii Gaudium ความยินดีแห่งพระวรสาร พระองค์ย้ำสอนว่า “พระสันตะปาปาทรงอุธรณ์ร้องขอ... ชุมชนพระศาสนจักรอย่าได้ตกเป็นเหยื่อของความอิจฉาริษยา เพราะมีการทะเลาะเบาะแว้งกันมากเหลือเกินในหมู่ประชากรของพระเจ้า และในความท่ามกลางความแตกต่างของหมู่คณะคริสตชน (EG 98) แล้วเราจะไปประกาศกับใครได้ถ้าพวกเราคริสตชนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้??? (EG 100)
o พ่อคิดว่า บางทีอาจไมใช่ศัตรูหรือคนจากภายนอกที่มาจองจำข่าวดีไว้ แต่บ่อยครั้ง พวกเราคริสตชนเอง หมู่คณะนักบวช พระสงฆ์ บ่อยครั้งเป็นพวกเราเองที่จองจำข่าวดีไว้เพราะการประพฤติของพวกเรา เพราะการทะเลาะเบาะแว้งอิจฉาริษยากันของพวกเรากันเอง ก็คงน่าเสียดายถ้าเราไม่ได้เป็นข่าวดี แต่จองจำข่าวดีของพระคริสตเจ้าไว้เพราะความประพฤติของเรา แล้วเราจะเทศน์สอนได้อย่างไร ถ้าเราเกลียดชัง อิจฉา ดูถูกกันและกัน หรือข่มเห่งกันและกันทางความคิดกิจการของเรา
o พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงปฏิเสธ “สงครามในระหว่างเรา” เรามาอ่านข้อเหล่านี้เต็มๆกันหน่อยครับ อ่าน Evangelii Gaudium ข้อ 98-100 นี้เลยครับ บาดลึกลงในหัวใจของเราแน่นอน คำสอนของสันตะบิดรของเรา....
98. มีสงครามเกิดขึ้นมากมายภายในประชากรของพระเจ้า และในชุมชนต่าง ๆ ในย่านถิ่นที่ทำงาน มีสงครามอันเกิดจากความอิจฉาริษยา และในระหว่างคริสตชนด้วยเช่นกัน จิตตารมณ์ทางโลกในคริสตชนบางคน ก่อให้เกิดสงครามกับคริสตชนอื่น ๆ ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการแสวงหาอำนาจ อภิสิทธิ์ ความพอใจและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของพวกเขา ยิ่งกว่านั้น บางคนยังเลิกดำเนินชีวิตการเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร หล่อเลี้ยงจิตตารมณ์การต่อต้าน แทนที่จะเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรทั้งมวล ที่มีความหลากหลาย เขากลับเป็นสมาชิกของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกว่าตนเองแตกต่างหรือพิเศษกว่าคนอื่น
99. โลกถูกฉีกขาดด้วยสงครามและความรุนแรง หรือบาดเจ็บเพราะปัจเจกนิยม ที่แบ่งแยกมนุษย์และทำให้มนุษย์ต่อสู้กัน เพื่อแสวงหาสภาพความเป็นอยู่ที่ดีของตนเอง ในหลาย ๆ ประเทศเกิดความขัดแย้งและความแตกแยกเดิม ๆ ซึ่งเราคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องล้าสมัยแล้ว ข้าพเจ้าปรารถนาขอร้องคริสตชนในทุกชุมชนเป็นพิเศษ ให้เป็นประจักษ์พยานถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันฉันพี่น้อง ซึ่งมีเสน่ห์ดึงดูดและให้แสงสว่าง ขอให้ทุกคนได้ชื่นชมว่าท่านเอาใจใส่และให้กำลังใจซึ่งกันและกันอย่างไร และท่านเป็นเพื่อนร่วมทางแก่กันอย่างไร “ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา” (ยน 13:35) นี่คือสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงวอนขอจากพระบิดา ในการภาวนาอย่างเข้มข้นของพระองค์ “ข้าแต่พระบิดา ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนา เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงอยู่ในข้าพเจ้า และข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์ เพื่อให้เขาทั้งหลายอยู่ในพระองค์และในข้าพเจ้า โลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา” (ยน 17: 21) จงระวังการประจญเรื่องความอิจฉาริษยา เราอยู่ในเรือลำเดียวกัน และเราจะไปสู่ท่าเรือเดียวกัน ให้เราวอนขอพระหรรษทานที่จะชื่นชมยินดีในผลงานของผู้อื่น ซึ่งเป็นของทุกคน

100. สำหรับผู้บาดเจ็บจากความแตกแยกเดิม ๆ เป็นการยากที่จะยอมรับว่า เราเชื้อเชิญเขาให้อภัยและคืนดี เพราะเขาคิดว่าเราละเลยความทุกข์ยากของเขา หรือขอให้เขาลืมความทรงจำ หรือยกเลิกอุดมคติของเขา แต่หากพวกเขาเห็นประจักษ์พยานของชุมชนที่มีความเป็นพี่น้องและคืนดีกันอย่างแท้จริง สิ่งนี้จะเป็นแสงสว่างที่ดึงดูดเสมอ ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจที่เห็นว่าในชุมชนคริสตชนบางแห่ง และแม้แต่ในระหว่างนักบวชด้วยกัน เราให้ที่ว่างแก่ความเกลียดชังรูปแบบต่างๆ ทั้งความแตกแยก การดูถูกเหยียดหยาม การแก้แค้น ความอิจฉาริษยา ความต้องการยัดเยียดความคิดของตน จนกระทั่งถึงการเบียดเบียนข่มเหง ที่คล้ายคลึงกับการตามล่าบรรดาแม่มดในสมัยโบราณ เราจะประกาศพระวรสารด้วยพฤติกรรมเช่นนี้แก่ใครได้เล่า

• แต่ “พระวาจาของพระเจ้าจะถูกจองจำไว้ไม่ได้”
• ไม่มีอะไรหรือใครจะขวางกั้นการประกาศพระวาจาของพระเจ้าได้เลย แต่ในยุคปัจจุบันก็ไม่ง่ายเหมือนกัน...
• พี่น้องที่รัก พ่อเชื่อว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องประกาศข่าวดี ต้องประกาศข่าวดีจริงๆ อย่างมีคุณภาพมากๆ ให้ได้
• เราคริสตชน พระสงฆ์ นักบวช คือเราทุกคนต้องเป็นศิษย์พระเยซูที่รู้จักพระเยซูจริงๆ ต้องรักพระเยซูสุดกำลัง ต้องกล้าที่จะประกาศพระคริสตเจ้าด้วยชีวิตของเรา ด้วยการเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้าให้เต็มกำลังความสามารถจริงให้ได้มากที่สุด...

• พ่อมีคำถามสำหรับบทเทศน์ของพ่อวันนี้จริงๆว่า
o เราคริสตชน นักบวช พระสงฆ์ แม้แต่ตัวพ่อเอง เวลานี้ พวกเรารู้จักพระเยซูเจ้ากันจริงๆ แล้วหรือ???
o เราได้จำเรื่องราวของพระเยซูเจ้าในพระคัมภีร์ได้จริงๆ เพราะรักที่จะรู้จักพระองค์ รู้รักพระคัมภีร์จริงๆแล้วหรือ
o เรารักการอ่านพระคัมภีร์ พระวาจาของพระเจ้าจนเป็นความรักต่อพระวาจา เป็นลมหายใจ เป็นชีวิตจิตใจที่เรารักพระองค์จริงๆ แล้วหรือ???
o เราอ่านพระคัมภีร์อย่างเป็นชีวิตจิตใจ ภาวนาตอบสนองพระวาจาด้วยความรักต่อพระเจ้าเพียงใด??
o เราลุ่มลึกในความรู้จักพระคริสตเจ้า พระวาจาของพระองค์ จริงๆไหม??? “ใครไม่รู้จักพระคัมภีร์ ไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” (นักบุญเยโรม)
o เรายืนยันว่าเรารู้จักพระคริสตเจ้า เราประกาศพระคริสตเจ้ามากและลึกซึ้ง... เรารู้จักพระคัมภีร์จริงๆ แล้วหรือ เรารักพระคัมภีร์พระวาจาของพระจ้ามากจริงๆ เพียงใด...

• พ่อเชื่อว่า นี่เป็นคำถามมากมายที่พ่อเองรู้สึกและรับรู้ได้และพ่อเองต้องยอมรับว่า บ่อยครั้งทีเดียว...พระวาจาอาจจะไม่ได้ถูกจองจำในคุกดังเช่นสมัยอัครสาวก...

• แต่ทว่า พระวาจาของพระเจ้าถูกจองจำไว้ด้วยความจำกัดของชีวิตของเราเองต่างหาก....
o บางทีเราเองพระสงฆ์เช่นพ่อเอง เราคริสตชน นักบวช ทั้งหลาย เราเองอาจเป็นเหมือนชาวสะดูสีสมัยอัครสาวก ที่เราเองนี้อาจเป็นผู้จองจำพระวาจาของพระเจ้าไว้ด้วยความจำกัดของความรู้ โดยเฉพาะความจำกัดของความรัก และจำกัดพระวาจาด้วยความเกลียดชังต่อกัน ทำร้ายกัน หรือล่อลวงหลอกกัน โดยไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อมโนธรรมและเจตนาดีแท้จริง
o พ่อเห็นภาวะนี้ในปัจจุบัน... ภาวะที่ทำผิดแต่ต้องประกาศว่าถูกต้อง และก็ยุยงกันให้เกิดความแตกแยกภายในหมู่เราคริสตชน แม้แต่การพยายามทำร้ายกันในรูปแบบต่างๆ และบ่อยครั้ง ก็หน้าใสๆ แต่ใจทำร้ายและทำลาย ทำดูใสแต่เบื้อหลังคือผลประโยชน์และเงินทอง

• ที่สุด คริสตชนเราก็ต้องพบกับ
o ความจำกัดของความปรารถนาที่จะประกาศข่าวดี โดยเฉพาะด้วยชีวิตที่เป็นประจักษ์พยาน และ
o ความจำกัดของความรู้จักพระเยซูเจ้าในชีวิตของเรา
o ความจำกัดของความประพฤติของเราที่อาจจะขัดแย้งกับคำสอนของพระเยซู
o จนกลายเป็นการขัดขวางและอุปสรรคเพื่อกระประกาศพระวาจาก็ได้...

• พี่น้องที่รัก พ่อคิดว่า ถึงเวลาจริงๆ สำหรับโลกปัจจุบันที่ต้องการพระวาจาแห่งความรัก โลกปัจจุบันที่เป็นทะเลทรายแห่งการแล้งความรักและความรักแท้...
o ทะเลทรายที่แล้งความรักแท้ มีแต่ความเห็นแก่ตัว... จนแผ่นดินโลกเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวเพราะความแล้งความรักนี่เอง...
o แต่พระวาจาของพระเจ้าอันที่จริงต้องเป็นดัง “น้ำค้างจากฟ้า” มิใช่หรือ????
o พระเจ้าเคยสัญญาจะเปิดทางน้ำในทะเลทรายไม่ใช่หรือ???
o เป็นพระเจ้าที่ประกาศว่าพระองค์จะทำทางน้ำไหลในถิ่นทุรกันดารไม่ใช่หรือ???

• พ่อจึงมั่นใจว่า พวกเราต้องประกาศพระวาจาจริงๆ ถึงเวลาแล้วจริงๆที่ จะต้องประกาศด้วยชีวิตที่เป็นพยานถึงพระวาจาของพระเจ้าให้ได้มากที่สุด กล้าประกาศด้วย “วาจา” ด้วย ใช้สื่อสิครับ ใช้ facebook ที่เรามีนี่แหละครับ ใช้ในทางบวกสร้างสรรค์ไม่ทำลายกันเอง... ช่วยกันประกาศพระคริสตเจ้าให้มากที่สุด ช่วยกันดำเนินชีวิตประกาศด้วย “กิจการ” กิจการดีเท่านั้น ที่จะประทับใจ และทำให้พี่น้องรอบข้างได้สัมผัสถึงความรักของพระเจ้าได้ตกหลุมรักพระองค์ได้อย่างแท้จริง

• พี่น้องที่รัก... ขอให้เราเป็น “ผู้ประกาศข่าวดีให้ได้จริงๆนะครับ” พระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ เคยได้สอนย้ำในปีแห่งความเชื่อ พระองค์สอนในเอกสาร “ประตูแห่งความเชื่อ” ว่า “เราไม่สามารถยอมรับได้กับเกลือที่ไม่เค็ม หรือแสงสว่างที่ถูกซ่อนไว้...”
o และคงจะแย่กว่าถ้า “เกลือเป็นหนอน” วลีนี้แรงมากมีเฉพาะในภาษาไทยกระมังครับ พระเยซูเคยตำหนิเกลือที่ปราศจากความเค็มย่อมไม่มีประโยชน์นอกจากทิ้งให้คนเหยียบย่ำ
o แต่ถ้ากรณีเกลือเป็นหนอนละก็เรากลับเหยียบย่ำกันเอง ไม่น่ารักมากๆ เลยจริงไหมครับ เป็นคริสตชนเป็นเกลือมีคุณภาพนะครับ อย่าตัวเป็นเกลือเป็นหนอนเด็ดขาด

• พี่น้องที่รักครับ พ่อเชื่อว่าพวกเราจำเป็นต้องพาพี่น้องของเราออกจากทะเลทรายของโลกปัจจุบันให้ได้นะครับ... และถ้าความแล้งใด หรือทะเลทรายใดๆ เกิดขึ้น เพราะชีวิตของเราเอง เรายิ่งต้อง “กล้า” ออกไปประกาศและดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยานให้ได้นะครับ... ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ อ่านพระคัมภีร์เสมอรำพึงพระวาจาเสมอ และเราจะได้รับการขัดเกลาให้งดงามจากพระวาจานะครับ อย่าจองจำพระวาจาของพระเจ้าเด็ดขาด ขอให้เราเป็นผู้ประกาศข่าวดีเสมอนะครับพี่น้องคริสตชนที่รักครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก