“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2015
สัปดาห์ที่สิบเอ็ด เทศกาลธรรมดา
มธ 5:38-42…

38“ท่านเคยได้ยินเขากล่าวว่า ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ 39แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า อย่าโต้ตอบคนชั่ว ผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย 40ผู้ใดอยากฟ้องท่านที่ศาลเพื่อจะได้เสื้อยาวของท่าน ก็จงแถมเสื้อคลุมให้เขาด้วย 41ผู้ใดจะเกณฑ์ให้ท่านเดินไปกับเขาหนึ่งหลัก จงไปกับเขาสองหลักเถิด 42ผู้ใดขออะไรจากท่าน ก็จงให้ อย่าหันหลังให้ผู้ที่มาขอยืมสิ่งใดจากท่าน


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• กฎแห่งการแก้แค้น “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” เป็นกฎเกณฑ์แห่งการแก้แค้นที่ยุติธรรมและดีมาก ถ้าต้องการจะแก้แค้น ทั้งนี้เพราะว่า ถ้าเขาทำตาเราบอดข้างหนึ่ง... ย้ำถ้าจะแก้แค้นต้องแก้แค้นไม่เกินจากที่เขาทำกับเรา คือ ทำตาเขาบอดคืนได้ข้างหนึ่ง หรือถ้าเขาทำฟันเราหักซี่หนึ่ง เราก็ย้ำว่าถ้าต้องการแก้แค้น ก็มีสิทธิ์แก้แค้นทำฟันเขาหักได้ซี่หนึ่ง เท่านั้น ย้ำเท่านั้น ไม่มากไปกว่านั้น ดังนั้น สำหรับชาวยิว คำโบราณจึงใช้คำว่า “ตาต่อตาฟันต่อฟัน”

• สำหรับบัญญัติของโมเสส เรื่องนี้ถือว่าสำคัญและเป็นกฎแห่งความรอบคอบที่จำเป็น... เพราะอะไร คำตอบคือ เพราะว่า “การแก้แค้นนั้นมักจะเกินกว่าเหตุเสมอ” เช่นถ้าคนหนึ่งมาทำตาเราบอด บางทีเราอาจจะไปทำร้ายแก้แค้นฆ่าเขาทิ้งเลย หรืออาจจะมากกว่านั้น... คำตอบคือ “การแก้แค้น ไม่ดี และมักจะเกินกว่าเหตุเสมอจริงๆ” ดังนั้น บัญญัติต้องกำหนดไว้เช่นนี้เพื่อความปลอดภัย และรักษาความยุติธรรมในการแก้แค้นต่อกันอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดความเลวร้ายที่ร้ายกว่าต่อกัน (พี่น้องว่าจริงไหม)

• พระเยซูเจ้าสอนประชาชนว่า พวกท่านได้ยินคำ “กล่าวแต่โบราณ” ซึ่งหมายถึงบัญญัติของโมเสส บัญญัติเดิมที่ถือกันมาเป็นพันปี และถือว่านี่คือความยุติธรรมในการแก้แค้น.. (ถ้าจะแก้แค้น) ประเด็นสำคัญที่เราต้องดูดีในพระวาจาของพระเยซูเจ้า คือ 

o “แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า อย่าโต้ตอบคนชั่ว” นั่นหมายความว่า บัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้านั้น เน้น มาตรฐานที่สูงกว่า มาตรฐานใหม่ เพราะการโต้ตอบคนชั่ว ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ พระองค์จึงย้ำว่าการกระทำความเสียหายให้คนอื่นเป็น “ความชั่ว คนชั่ว” พระองค์จึงย้ำว่า “อย่าตอบโต้คนชั่วเลย” เพราะการแก้แค้นต่อการถูกกระทำของคนชั่ว ไม่ใช่สิ่งที่เราควรจะไปโต้ตอบ

o และสิ่งสำคัญมาก...พระเยซูเจ้าเน้นไม่ให้มีการตอบโต้หรอแก้แค้นเด็ดขาด เพราะถ้าเริ่มต้อบโตกัน ก็มีแต่จะแรงกับรงขึ้น และแรงขึ้นไม่รู้จบเลย... ดังนั้น พระองค์สอนด้วยภาษาที่เรียกร้องมาก เป็นภาษาแบบใช้สำนวนเกินความจริง (Hyperbole) พูดเกินความจริงเพื่อให้เห็นว่า ไม่ควรแก้แค้นตอบโต้เลย.... 

o นั่นคือ “ผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย 

o ผู้ใดอยากฟ้องท่านที่ศาลเพื่อจะได้เสื้อยาวของท่าน ก็จงแถมเสื้อคลุมให้เขาด้วย 

o ผู้ใดจะเกณฑ์ให้ท่านเดินไปกับเขาหนึ่งหลัก จงไปกับเขาสองหลักเถิด 

o ผู้ใดขออะไรจากท่าน ก็จงให้ อย่าหันหลังให้ผู้ที่มาขอยืมสิ่งใดจากท่าน”

• พ่อยอมรับว่ามาตรฐานของพระเยซูเจ้านั้น เรียกร้องให้ปฏิเสธการแก้แค้นโดยเด็ดขาด ศิษย์พระเยซูเจ้าต้องอยู่กับพระบัญญัติใหม่อย่างแท้จริง กล่าวคือ

o การตอบโต้คนชั่วหรือการกระทำที่ชั่วร้าย เป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย พระเยซูเจ้าได้ยกมาตรฐานคำสอนให้สูงขึ้น จำคำสอนของชาวยิว บัญญัติของโมเสส ทรงยกขึ้นมาเป็นคำสอนสำหรับคริสตชนจริงๆ นั่นคือบัญญัติแห่งความรักและการให้อภัย ไม่โต้ตอบความชั่วร้ายหรือความเลวร้ายใดๆ

o คริสตชน ต้องไม่ติดบ่วงความชั่วร้ายรุนแรงของการแก้แค้นโดยเด็ดขาด จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราแก้แค้น... จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราเอาคืนรุนแรง และการแก้แค้นคือความโกรธที่สะสมในใจเราจนกลายเป็นความเกลียดชัง... ไม่เอา ไม่มีประโยชน์ และไร้ค่า สรุปว่า ถ้าเราแก้แค้น เราก็แย่พอกับเขาหรือร้ายกาจพอกัน.... 

o คริสตชน ก็แน่นอนที่เราเป็นมนุษย์ เราย่อมมีความแค้นโกรธเคืองขุ่นมัวหมองหม่นอยู่บ้าง... แต่พวกเขาจะต้องสามารถก้าวข้ามจุดแค้นนั้นไปให้จงได้ และต้องเลือกที่จะไม่แก้แค้นและเลือกใหม่ สำคัญมาก คือ “เลือกที่จะให้อภัยความผิด”

o เราคงต้องพิจารณาดูพระเยซูเจ้าเป็นตัวอย่างสำคัญและพลังของเราตลอดกาล... พลังแห่งความรักและการให้อภัย... “พระบิดาเจ้าข้า โปรดยกโทษแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป” นอกนั้น พระองค์ยังตรัสกับโจรบนกางเขนว่า “วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในพระอาณาจักรสวรรค์”

• พ่อจึงสรุปว่า คริสตชน ต้องไม่แค้น ไม่แก้แค้น... พ่อเคยพบสัตบุรุษที่น่ารักมากๆ มาจริง แต่เขาพูดกับพ่อเสมอว่า “พ่อมันมีความแค้นอยู่ ให้อภัยยากจริงๆ แค้นน่ะ...” พ่อก็ฟังเยอะ คุยบ้าง เสนอให้เขาให้อภัยเถิด... แต่คำตอบก็คือ “แค้นอยู่” คนเรานะครับ แค้นแล้วสบายใจไหมหนอ... จะมีประโยชน์ไหมหนอ.... พ่อขอบอกตรงๆ บ่อยครั้ง ก็เป็นความเกียจเคียดแค้นกันเอง ในครอบครัวตนเอง กับพ่อแม่ต้นเอง กับสามีกับภรรยาตนเอง... (ส่วนใหญ่จะเป็นแค้นสามีเสียเยอะหน่อย เพราะผู้ชายหลายคนก็เหลวไหลไร้รับผิดชอบจัง...) พ่อได้ยินได้ฟังมาเยอะ พ่อรู้ครับว่ายากนะครับ... แต่ แต่ แต่ แค้นแล้วสนุกหรอ แบกไว้แล้วสบายหรือ ถ้าพระเยซูต้องแบกกางเขนไปตลอดการไม่เฆี่ยนจนหมดกำลัง ไม่ถูกตรึงและไม่สิ้นพระชนม์... อันไหนทรมานกว่ากัน ความตายน่ากลัวมาก แต่ผ่านแล้วก็ไม่ทรมานอีกแล้ว คนตายไร้รอยแค้น สีหน้ายิ้มแย้มทุกคนจริงๆนะครับ
o ประสบการณ์ตรงกับพ่อที่เพิ่งผ่านงานศพจาไป... พ่อเห็นจาค่อยๆผ่านความเจ็บปวด ความทรมานใจ (กายก็ทุกคนแหละ) แต่จาเมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็งเมื่อสามปีก่อน เราก็รู้ใจของเขารู้แน่นอนว่า เวลากำลังจะหมด... และธรรมชาติชีวิตก็ค่อยเยียวยาให้รับได้แม้ต้องยอมรับและจำนน... แต่ความเชื่อก็เสริมอย่างน่าอัศจรรย์ จนวาระสุดท้าย ก็ทรมานตามธรรมชาติ

o พ่อถามตนเองว่า ถ้าพ่อสามารถขอพรได้ และขอให้จาฟื้นขึ้นมาจากความตายได้ มีชีวิตต่อไประยะหนึ่ง เท่าไรก็ตามตามใจ แต่ไม่นิรันดร์นะ ที่สุดต้องตายอีก ต้องผ่านความตายของร่างกายแบบนี้อีกครั้ง... พ่อจะเสกให้จาฟื้นไหม... พ่อตอบเลยว่า “ไม่” เพราะพ่อเห็นความทรมานการก้าวผ่านความตายของจา และของคนมากมาย แม้แต่พระเยซูเจ้า... พ่อดีใจที่คนเราไม่ต้องตายครั้งที่สอง แต่ได้กลับคืนชีพ.. ในพระคัมภีร์วิวรณ์ยืนยันว่าคนเลวเคียดแค้นโกรธและทำร้ายจะต้องตายครั้งที่ สอง คือ อยู่ในไฟนิรันดร ไม่เอา ไม่เอาจริงๆ

o พี่น้องที่รัก... ความแค้น โกรธ อาฆาต คือการกระทำให้ตายซ้ำตายซาก คือ ตนเองที่เชือดเฉือนตนเองด้วยความที่เรียกว่า “สะใจ” ดีหรอ มีความสุขหรืออย่างไร ไม่หรอก สู้กลั้นใจแรงและให้อภัย ยกโทษ เราจะเหมือนคนที่ผ่านความตายได้อย่างสงบ “ตายต่อตนเอง ตายต่อความโกรธเกลียดอาฆาตพยาบาท” ไม่ดีกว่าหรือ... สงบ สุข สันติ จิตใจเบา หายแค้น หน้าไม่ย่น ตีนกาจางหาย คิ้วไร้ขมวด หน้าตึงเปล่งปลั่งไม่ต้องฉีดโบท๊อกซ์ ดีกว่าไหม... นี่อะไรกัน จะแค้นฝังหุ่น แบบเอาหน้าโกรธเกลียดสตั๊ฟแบบแช่ฟอร์มาลีนกันเลยหรืออย่างไร... แช่กันแบบผ่านพันธุกรรมถึงชั้นลูกชั้นหลานเลยละหรือ... จนบ้านรกร้างไร้คนอยู่เหลียวแลเพราะวางแผนแย่งชิงกัน เกลียดกัน แล้วเราก็จะเป็นอีกยุคหนึ่งที่ผ่านไป แช่ฟอร์มาลีนความแค้นกันไป... เฮ้อ... “ดูอีแย้มสิ...สุดแค้นแสนรักน่ะ” ดูแล้วเหนื่อยจริงๆเลย... พ่อเปิดดูอาทิตย์เดียว...เหนื่อยกับใบหน้าอีแย้มแห่งสุดแค้นแสนรัก พร้อมกับลูกชายที่สุดโง่และแสนเขลา...เฮ้อ เหนื่อยจริงๆ... ไปศาลาวัดทำบุญยั่งนั่งทับที่กันแย่งที่นั่งกันให้มันสะใจ... เหนื่อยนะ “ความแค้น”...

• พี่น้องที่รัก ฟังพระเยซูเจ้าสอนดีกว่านะครับ.. เชื่อในคำสอนของพระองค์ดีกว่าจริงๆ“แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า..... 

o อย่าโต้ตอบคนชั่ว (ถ้าโต้ตอบเราก็ชั่วไปด้วยสิ)

o ผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย (ถ้าตบกลับแบบละครไทย เราก็เลวพอกัน)

o ผู้ใดอยากฟ้องท่านที่ศาลเพื่อจะได้เสื้อยาวของท่าน ก็จงแถมเสื้อคลุมให้เขาด้วย (อยากได้มากใช่ไหม... ใจดีไปเลย ให้เพิ่มไปเลย)

o ผู้ใดจะเกณฑ์ให้ท่านเดินไปกับเขาหนึ่งหลัก จงไปกับเขาสองหลักเถิด (เดินเป็นเพื่อนเดินกันไปเลย... เขาคงกลัวที่จะเดินคนเดียว)

o ผู้ใดขออะไรจากท่าน ก็จงให้ อย่าหันหลังให้ผู้ที่มาขอยืมสิ่งใดจากท่าน” (เมตตา รัก แบ่งปัน ใจมีความสุข และเราก็ต้องเป็นคนดีจริงๆเราจึงทำเช่นนี้ได้...)


• ขอให้ชีวิตเรายอดเยี่ยมในความรักและความดีนะครับ... ขอพระเจ้าอวยพรครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก