“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2014
สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา

1คร 15:1-11…   

1พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้คำนึงถึงข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศกับท่าน ท่านได้รับไว้แล้วและยังคงเชื่อมั่นในข่าวดีนี้ 2ท่านกำลังรับความรอดพ้นอาศัยข่าวดีนี้ ถ้าท่านยังยึดมั่นตามที่ข้าพเจ้าประกาศ แต่ถ้าท่านไม่ยึดมั่น ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ 3ข้าพเจ้ามอบธรรมประเพณีสำคัญที่สุดให้กับท่าน เป็นธรรมประเพณีที่ข้าพเจ้าได้รับมาอีกทอดหนึ่ง คือพระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ 4และทรงถูกฝังไว้ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สามตามความในพระคัมภีร์ 5และทรงแสดงพระองค์แก่เคฟาส แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกสิบสองคน 6หลังจากนั้นทรงแสดงองค์แก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว คนส่วนมากในจำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าบางคนล่วงหลับไปแล้ว 7ต่อมาพระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่ยากอบ แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกทุกคน 8ในที่สุด ทรงแสดงพระองค์กับข้าพเจ้า ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วย


9ข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในบรรดาอัครสาวก และไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็น อัครสาวก เพราะข้าพเจ้าเคยเบียดเบียนพระศาสนจักรของพระเจ้า 10แต่ข้าพเจ้าเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ด้วยเดชะพระหรรษทานของพระเจ้า และพระหรรษทานของพระองค์ที่ประทานแก่ข้าพเจ้ามิได้ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้าทำงานหนักกว่าคนอื่น แต่มิใช่ข้าพเจ้า เป็นเพราะพระหรรษทานของพระเจ้าซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าที่ทำงาน 11เพราะฉะนั้น ทั้งข้าพเจ้าและเขาเหล่านั้นเทศน์สอนเช่นไร ท่านทั้งหลายก็จงเชื่อเช่นนั้น

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• “การเทศน์” คือ “หน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระสงฆ์ การเทศน์ คือ การประกาศพระวาจาของพระเจ้าการเทศน์คือการประกาศข่าวดีเรื่องพระเยซูคริสตเจ้า”

• พ่ออ่านจดหมายนักบุญเปาโลวันนี้ พ่ออยากกล่าวถึงการเทศน์จริงๆ พี่น้องครับ การเทศน์คืออะไร... การเทศน์คือ การประกาศพระวรสารจริงๆนะครับ เป็นอย่างอื่นไม่ได้

• พ่อเคยได้นำเสนอคำสอนของพระสันตะปาปาฟรังซิสเรื่องการเทศน์ พระองค์สอนพระสงฆ์หนักหน่วงครับในเรื่องการเทศน์ ทบทวนกันอีกหน่อยก็ดีครับ คำสอนจาก Evangelii Gaudium “ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร”
o พระสันตะปาปาฟรังซิส พระองค์ชี้ทางอย่างพิถีพิถันมากๆ ในเรื่อง “การเทศน์” เพราะว่านี่เป็นเรื่องสำคัญมากและต้องไม่หลีกเลี่ยงเด็ดขาด (EG 135)
o บทเทศน์จะต้องสั้นกระชับและหลีกเลี่ยงการทำแบบให้บรรยายหรือการสอนเรียน (EG138)
o การเทศน์ของพระสงฆ์ ในการเทศน์นัน จำเป็นต้องเป็นการพูดสื่อสารกันแบบใจถึงใจ (heart to heart speaking)
o ต้องหลีกเลี่ยงการสอนแต่ศีลธรรม หรือการประกาศข้อความเชื่อเท่านั้น (EG142)
o พระสันตะปาปาย้ำหนักมาก ว่า “พระสงฆ์ต้องเตรียมเทศน์” ถ้าพระสงฆ์ไม่เตรียมเทศน์ พระสงฆ์จะเป็นคนที่ขาดชีวิตจิต เป็นคนไม่ซื่อสัตย์และไร้ความรับผิดชอบจริงๆ (EG 145)
o การเทศน์ต้องเน้นการพูดด้านบวกเสมอเพื่อจะได้เป็นการให้ความหวัง โดยไม่ทำให้ผู้ฟังติดบ่วงด้านลบกลับไป (EG159)
o การเทศน์จะต้องเน้น “การประกาศพระวรสาร” ซึ่งต้องมีลักษณะเป็นด้านบวกเสมอ หมายความว่า ผู้ฟังสามารถเข้าถึงได้ง่าย เป็นการโอกาสที่พร้อมจะให้เกิดการเสวนาต่อไป ก่อให้เกิดความมานะพากเพียร ต้องมีการต้อนรับที่อบอุ่นในการเทศน์ และไม่เน้นการตัดสินแบบผู้พิพากษา (EG165)

• พระสันตะปาปาฟรังซิสสอนเตือนพระสงฆ์ แรงและตรงดีครับ... พ่อเองก็ได้รับเสียงจากสัตบุรุษไม่น้อยเรื่องการเทศน์ของพระสงฆ์ มีทั้งคำชื่นชม และมีเสียงบ่นด้วย... เอาเถอะ พ่อขอรับฟังและรำพึงอยู่แต่ในใจ แต่สิ่งที่อยากเน้น คือ พี่น้องอ่านคำสอนของพระสันตะปาปาฟรังซิสเรื่องการเทศน์ครับ และพ่อหวังว่าบรรดาพระสงฆ์ก็จะอ่านเช่นกัน... พวกเราพระสงฆ์ พระสังฆราช พึงใส่ใจอย่างยิ่งกับคำสอนและแบบอย่างของพระสันตะปาปา และนี่เป็น “พระสมณสาสน์เตือนใจ” ขอให้คำสอนของพระสันตะปาปาได้เตือนใจเราทุกคนจริงๆ ด้วยกัน โดยเฉพาะบรรดาพระสงฆ์ขอพระคริสตเจ้า... พระสงฆ์ต้องเตรียมเทศน์ และทำหน้าที่นี้อย่างมีความสุขที่สุด ทำด้วยความรักที่สุด เอาชนะอุปสรรคในการเทศน์ด้วยการเตรียม และศึกษาหาความรู้ “เรื่องพระคัมภีร์” เป็นสำคัญ เราต้องไม่ทำให้การเทศน์เป็นเพียงเรื่องโวหาร หลีกเลี่ยงการทอล์กโชว์หรือสร้างความสนุกสนานทางภาษาและคำพูด จนลืมไปว่า “การเทศน์คือการประกาศพระวรสาร” ด้วยความเชื่อศรัทธามากที่สุด สุดกำลังของเรา

• พี่น้องที่รักครับ พี่น้องพระสงฆ์เป็นพิเศษเลยนะครับ... คำสอนของนักบุญเปาโลวันนี้เตือนใจเราอย่างดีครับ เปาโลย้ำเตือนว่า...ต้องคำนึงถึง “ข่าวดี” หรือ “พระวรสาร” หรือเรื่อง “พระเยซูเจ้า” ไม่มีเรื่องอื่นสำคัญไปกว่านี้ครับ....
o “ข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้คำนึงถึงข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศกับท่าน ท่านได้รับไว้แล้วและยังคงเชื่อมั่นในข่าวดีนี้” เราต้องทำนหน้าที่ประกาศ เพื่อทุกคนได้ยึดมั่นในความเชื่อ ความเชื่อต้องแข็งแรงจากการประกาศข่าวดี พระสงฆ์ต้องทำนหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ประกาศพระวรสารและนำให้ทุกคนได้หยั่งรากลึกในความเชื่อครับ
o นักบุญเปาโล ยืนยันว่า ข่าวดีนั้น เพื่อความรอด “ท่านกำลังรับความรอดพ้นอาศัยข่าวดีนี้ ถ้าท่านยังยึดมั่นตามที่ข้าพเจ้าประกาศ แต่ถ้าท่านไม่ยึดมั่น ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์” เพราะถ้าเราไม่ยึดมั่นในความเชื่อในการประกาศพระวรสาร การประกาศข่าวดี ถ้าไม่เชื่อมั่นในข่าวดี... ย้ำ ความเชื่อก็ไร้ประโยชน์จริงๆ เปาโลไม่อยากให้คริสตชนละจากความเชื่อ หรือขาดความเชื่อมั่น และเปาโลย้ำสอน เตือน เทศน์ตลอดชีวิตของท่าน... เทศน์ถึงพระเยซูเจ้า... และเปาโลเรียกสิ่งนี้ในแก่นของความเชื่อนี้ว่า “ธรรมประเพณี”
o ธรรมประเพณีแห่งความเชื่อนี้คืออะไร เปาโลย้ำจริงๆ ตรงๆว่า “ข้าพเจ้ามอบธรรมประเพณีสำคัญที่สุดให้กับท่าน เป็นธรรมประเพณีที่ข้าพเจ้าได้รับมาอีกทอดหนึ่ง คือพระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ และทรงถูกฝังไว้ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สามตามความในพระคัมภีร์” พี่น้องที่รักครับ ท่องจำไว้ครับ ท่องจำกันสักหน่อยได้ไหมครับ ว่า ธรรมประเพณีแห่งความเชื่อของเราที่แท้จริงคือ “พระเยซู” นี่เอง... คำถามสำคัญของพ่อสำหรับพี่น้องคริสตชนครับ... พี่น้องครับ... พี่น้องครับ... พี่น้องครับ... เราได้รู้จักพระเยซูคริสตเจ้าอย่างลึกซึ้ง เราได้ตกหลุมรักพระองค์สุดชีวิตจิตใจ และหมดหัวใจเราได้รักพระองค์จริงๆ ไหมครับ... ไม่ใช่สิ่งนี้หรือที่เราประกาศทุกมิสซา “พระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม พระคริสตเจ้าได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ พระคริสตเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง...

• พี่น้องที่รัก พ่อยังชอบคำของนักบุญเปโตรมากๆ ด้วยเมื่อพระองค์ถามพวกอัครสาวกว่าจะไม่ทิ้งพระองค์ไปเหมือนคนอื่นๆ ด้วยหรือ... เปโตรตอบว่า “ซีโมน เปโตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า พวกเราจะไปหาใครเล่า พระองค์มีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร พวกเราเชื่อ และรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” (ยน 6:68-69)

• พ่ออยากให้พวกเรารู้สึกแบบนี้กับพระเยซู รู้สึกแบบนี้กับพระวาจาของพระเยซูเจ้า หรือพระวรสาร พ่ออยากให้ไม่เป็นเพียงความรู้สึก แต่ขอให้เป็นความเชื่อที่ลึกซึ้งที่สุดของพวกเราจริงๆ

• ครับ ท่านนักบุญเปาโลเอง ท่านได้ประกาศพระเยซูเจ้ามากที่สุด ท่านสอนชาวโครินท์ ท่านย้ำให้เห็นว่า ท่านเองไม่สมได้ชื่อเป็นอัครสาวกเลย... แต่ท่านนักบุญเปาโลเองย้ำว่าท่านทำหน้าที่ประกาศพระวรสารสุดกำลังจริงๆ...
o เปาโลย้ำว่า “แต่ข้าพเจ้าเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ด้วยเดชะพระหรรษทานของพระเจ้า และพระหรรษทานของพระองค์ที่ประทานแก่ข้าพเจ้ามิได้ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้าทำงานหนักกว่าคนอื่น แต่มิใช่ข้าพเจ้า เป็นเพราะพระหรรษทานของพระเจ้าซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าที่ทำงาน เพราะฉะนั้น ทั้งข้าพเจ้าและเขาเหล่านั้นเทศน์สอนเช่นไร ท่านทั้งหลายก็จงเชื่อเช่นนั้น”
o เปาโลย้ำชัดเจน ท่าน ทำทุกอย่างเพื่อการประกาศพระคริสตเจ้าจริงๆ ชีวิตของนักบุญเปาโล ประกาศ เทศน์สอน จนท่านย้ำว่า “ไม่ใช่ท่านที่มีชีวิต แต่เป็นพระคริสตที่มีชีวิตในท่าน”

• พี่น้องที่รักครับ... พ่อขอให้เราได้ดื่มด่ำในความเชื่อในพระเยซูเจ้า รักพระเยซูเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด และให้ชีวิตของเราได้มุ่งมั่นฟัง และประกาศพระคริสตเจ้าด้วยวาจาและกิจการอันเป็นประจักษ์พยานด้วยชีวิตนะครับ..

• พ่อขอย้ำเรื่องการเทศน์สอนของพระสงฆ์ตามคำสอนของพระสันตะปาปา และขอให้พี่น้องภาวนา และมุ่งมั่นที่จะรู้จักพระเยซูเจ้าให้มากที่สุดเช่นกัน และให้เราประกาศพระองค์ “ประกาศข่าวดีแบบใหม่” ด้วยวิธีการใหม่ เพื่อทำให้พระคริสตเจ้าได้เป็นแสงสว่างและพลังของทุกคน..

• ขอพระเจ้าอวยพรครับ... และขอสรุปด้วยคำเตือนครับ
o วันนี้พ่อขอย้ำความจริงแก่ บรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์ สังฆานุกร ผู้มีหน้าที่เทศน์สอนโดยนิตินัย ต้องเตรียมเทศน์เสมอๆ และทำอย่างดีที่สุดก่อนอื่นใด...
o แน่นอน พ่อคงไม่กล้าเตือนบรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์หรอกครับ แต่ทว่า บรรดาพระสงฆ์หนุ่มๆเป็นร้อยๆคนก็ ลูกศิษย์ที่พ่อเองเคยสอนพระคัมภีร์นี่นา... แต่ปกติบรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์ สังฆานุกร โดยปกติย่อมเป็นผู้ที่ต้องสุภาพถ่อมตนและเปิดหัวใจให้กับคำสอนของพระศาสนจักรอย่างเต็มที่อยูแล้ว...ดังนั้น วันนี้ขอย้ำเตือนพวกเราก่อนเลยครับ พระสังฆราช พระสงฆ์ และสังฆานุกรทั้งหลายด้วยคำสอนอันเป็นอาจารยานุภาพ (Magisterium) ของวาติกันที่สอง ที่ย้ำเตือนว่าทุกท่านต้อง “เทศน์สอนโดยการประกาศพระวรสาร” อ่านดีๆนะครับ...

o ดังนั้น บรรพชิตทั้งหลายโดยเฉพาะบรรดาพระสงฆ์ของพระคริสตเจ้า และคนอื่นๆ เช่นสังฆานุกร และผู้สอนคำสอน ซึ่งมีหน้าที่ประกาศสั่งสอนพระวาจาตามนิตินัย
1. จึงจำเป็นต้องใกล้ชิดกับพระคัมภีร์
2. โดยอ่านและศึกษาอย่างลึกซึ้งในรายละเอียดอยู่เสมอ
3. ขออย่าให้ใครในพวกนี้กลายเป็น “ผู้ประกาศพระวาจาของพระเจ้าแก่ผู้อื่นอย่างว่างเปล่าด้วยเสียงเท่านั้น แต่ภายในจิตใจเขามิได้เป็นผู้ฟัง พระวาจาเลย” (น.ออกัสติน) (สังฆธรรมนูญ วาติกันที่สอง Dei Verbum ข้อ 25)

o สำหรับสัตบุรุษ ก็ขอย้ำเตือนด้วยเอกสารคำสอนวาติกันเช่นเดียวกัน ข้อเดียวกัน ต่อเนื่องกันเลยครับ ให้เรารับคำสอนของพระศาสนจักรมารดาศักดิ์สิทธิ์ กันทั่วหน้าเลยนะครับ....
o “ในทำนองเดียวกัน สภาสังคายนานี้ขอเตือนอย่างหนักแน่นเป็นพิเศษให้คริสตชนทั้งหลาย โดยเฉพาะสมาชิกในคณะนักบวช อ่านพระคัมภีร์บ่อยๆ เพื่อจะได้เรียนรู้ “ความรู้ล้ำเลิศถึงพระเยซูคริสตเจ้า” (ฟป 3.8) “เพราะการไม่รู้พระคัมภีร์ คือการไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” (น.เยโรม)

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก