“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2017
สัปดาห์ที่ยี่สิบ เทศกาลธรรมดา
มธ 22:34-40…
34เมื่อชาวฟาริสีได้ยินว่าพระเยซูเจ้าทรงทำให้ชาวสะดูสีนิ่งอึ้งไป จึงมาชุมนุมพร้อมกัน 35มีคนหนึ่งเป็นบัณฑิตทางกฎหมายได้ทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า 36“พระอาจารย์ บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรมบัญญัติ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า 37“ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน 38นี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก 39บทบัญญัติประการที่สองก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง 40ธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศกก็ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติสองประการนี้”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• บัณฑิตทางกฎหมาย คือ ผู้เชี่ยวชาญกฎศาสนาของโมเสส มาถามพระเยซูเจ้าว่า บัญญัติของใดสำคัญกว่าหมด ฟังดูแล้วขำๆ เพราะเขาคือบัณฑิตทางกฎหมาย แต่(ภาษาง่ายคือทะลึ่งมาถามพระเยซูเจ้าหวังจะจับผิด เป็นบัณฑิตไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ได้อย่างไร) แต่มองอีกด้านหนึ่ง รับดับัณฑิตทางกฎหมาย แต่กลับต้องมาถามพระเยซู ทั้งๆที่เขารู้บัญญัติโมเสสอย่างดี การเช่นนี้ก็แสดงว่า พระเยซูเจ้ายิ่งใหญ่กว่าโมเสสมากมายนัก ความมั่งคงและข้ออ้างของพวกนักกฎหมายคืออ้างโมเสส.. ดังนั้น การที่เข้ามาถามพระเยซูเจ้า มองอีกแง่ คือ หมดยุคของโมเสสแล้ว ต่อไปนี้ ต้องเป็นพระเยซูเจ้าที่จะเป็นหลักแห่งกฎหมายแห่งชีวิตของพวกเขาเสมอไป

• พระเยซูเจ้าตอบพวกเขาถึงพระบัญญัติเอก และก็เป็นพระบัญญัติเอกที่เราทราบ และควรต้องทราบดี นั่นคือ
o “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน นี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก
o บทบัญญัติประการที่สองก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”

• ความสมบูรณ์ของธรรมบัญญัติอยู่ที่สองประการนี้ ประการเอกคือ “ความรักต่อพระเจ้าสุดดวงใจ และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง.. บัญญัติที่พระเยซูเจ้าทรงสอนและสรุปคำสอนของบรรดาประกาศก สรุปคำสอนของโมเสสหรือบัญญัติสิบประการหรือแม้แต่สรุปธรรมเนียมประเพณีมากมายของโมเสสและฟาริสีในศาสนยาวที่แท้จริงก็มีเพียงเท่านี้

• พี่น้องที่รัก พ่อเคยได้ยินคำปรารภจากพี่น้องต่างศาสนาว่า เป็นคริสตชนนั้นยากและต้องรับผิดชอบไปวัดทุกวันอาทิตย์ ไม่ไปก็เป็นบาป และยังต้องไปวัด ไปฉลองโอกาสต่างๆอีกมากมาย ทุกอาทิตย์ ทุกเดือน หรือแม้แต่ทุกวันก็ต้องมีการสวดภาวนาหรือทำหน้าที่คริสตชน...
o พ่อคิดว่าถ้าคิดอย่างนั้นก็เข้าใจศาสนาผิดไปหน่อย ศาสนาคือชีวิต และชีวิตคือศาสนา การดำเนินชีวิตศาสนิกชนก็เหมือนกับร่างกายที่ต้องรับประทานอาหารทุกวัน ต้องหายใจ ต้องได้รับการหล่อเลี้ยงดูด้วยอาหาร น้ำ อากาศ ทุกวัน
o ฉันใดก็ฉันนั้น ชีวิตศาสนาเพราะศาสนาคือชีวิตในมิติที่สูงส่งกว่า ก็ยิ่งจำเป็นต้องรับการเลี้ยงดูเอาใจใส่ หล่อเลี้ยงให้มีชีวิตศาสนาหรือมีพลังแห่งชีวิตของพระเจ้าได้ดำรงอยู่ในชีวิตมนุษย์ของเราเพื่อเสริมคุณค่า เติมเต็มสังคม ด้วยพลังแห่งพระพรของพระเจ้ามิรู้ขาดได้... พ่ออยากบอกว่า... ชีวิตศาสนาไม่ใช่ภาระเพิ่มแต่เป็นชีวิตที่สมบูรณ์ต่างหาก ทำให้เราต่างจากสรรพสัตว์ และต่างจากแม้แต่มนุษย์ที่ไม่มีวัฒนธรรมและศาสนา (ปกติมนุษย์ต้องมีวัฒนธรรมทางภาษา ศาสนา ค่านิยม ฯลฯ) ดังนั้น

• พ่อกล่าวได้ไหมว่า... ศาสนา ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ในสองมิติตามบัญญัติเอกของคำสอนของพระเยซูเจ้าเลยครับ พ่อแยกแยะให้ดูครับ
1. “ความรักต่อพระเจ้าสุดดวงใจ สุดกำลัง สุดปัญญา” คือ มิติชีวิตของเรามนุษย์ที่ถูกยกให้สูงส่งกว่าธรรมชาติวิสัยของมนุษย์ ยกเราขึ้นให้มีความสัมพันธ์กับชีวิตนิรันดร ความดีนิรันดร ความรักนิรันดร เป็น... การยกธรรมชาติมนุษย์ของเราให้สูงกว่าที่เราเป็น คือ เติมเต็มชีวิตพระ... คนที่รักพระคนที่รักพระเจ้าสุดดวงใจ ชีวิตของเขาอยู่ในมิติที่สูงส่งโดยทันทีกับพระเจ้า...
2. “ความรักต่อเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” เป็นการขยายความรักที่รักพระเจ้านั้น ทำให้เรามนุษย์ได้รับการยกขึ้นในระดับเดียวกับพี่น้อง โน้มนำและดึงพี่น้องให้สูงส่งขึ้นมาด้วย เป็นการกระทำที่ทำให้ทุกคนรอบข้างมีคุณค่าอย่างมาก จากความเห็นแก่ตัวตามนิสัยธรรมชาติมนุษย์ กลับกลายเป็นความรักอย่างมากมายจริงต่อเพื่อนพี่น้อง ดังนั้น ดังนั้น จึงเป็นการขยายหัวใจของเรให้กว้างออกไปสู่ทุกคน

• ถ้าพ่อจะสรุปให้ง่ายขึ้นอีกนิดภาษไทยง่าย...
o “รักพระเจ้าสุดดวงใจ” ทำให้เราคริสตชนมีจิตใจส^งส่ง วิญญาณสู่งส่งและบริสุทธิ์ ไม่มีจิตใจต่ำๆเด็ดขาด เพราะพระเจ้าทรงสูงส่งในความดีและความจริง อีกทั้งความรักเมตตา คนที่มีความเชื่อในพระเจ้า... ผลคือ “มีจิตใจสูงส่งครับ”
o “รักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” ทำให้คริสตชนมีจิตใจกว้างขวางออกไปไม่คับแคบเห็นแก่ตัวหรือเอาแต่ได้เลย มีแต่ขยายดวงใจของเราไปสู่ทุกคน รักทุกคน ให้อภัยทุกวันและนำความเมตตา ความรักและความดีไปสู่ทุกคนจริงๆ

• เพียงถือบัญญัติเอก เราคริสตชนจะพบตนเองในสองมิติแห่งความจริงแน่นอนครับ นั้นคือ “สูงส่ง” และ “กว้างขวาง” อย่างแน่นอนแล้วครับ...

o “ความสูงส่ง” หมายความว่า “ชีวิตเรามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้สูงสุด” เราจะดำเนินชีวิตในความสูงส่งทางความคิดจิตใจ ค่านิยม วัฒนธรรม คุณธรรม สำคัญคือความเชื่อ ความรัก และความหวังในพระเจ้า ร่วมเรียกได้ว่า เราคริสตชน ถ้าเรามีความสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้า เราจะเจริญชีวิตในพระพรแห่งความรักของพระเจ้า... พ่อมั่นใจว่า เราคริสตชนพึงมีจิตใจสูงส่งมากนะครับ... เรื่องที่ไม่สูง หรือต่ำๆ เรื่องแย่ เลวร้าย บาปกรรม อธรรมและร้ายกาจแบบผีปีศาจเราคงไม่ทำแน่ๆ ถ้าจะพิจารณาส่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยของเราและในโลก ความรุนแรง การวางระเบิดทำร้ายชีวิตเพื่อนมนุษย์ การกระทำที่แสนเลวร้ายที่สุด ไม่สามารถอธิบายได้จริงๆ นี่เป็นกิจการของปีศาจและความชั่วร้ายในจิตใจที่ต่ำแสนต่ำจริงๆ ไร้พระเจ้า (อย่ามาอ้างว่าทำเพื่อพระเจ้า พระเจ้าสูงส่ง ถ้าเป็นพระเจ้า นอกเสียจากจะเป็นความลุ่มหลงว่าปีศาจซานตานและความชั่วร้ายนั้นคือพระเจ้าเขลาเง่าและเหลาหลงจริงๆ) พ่อยอมรับว่าไม่สามารถที่จะคิดเป็นอื่นได้เลย ถ้ามีพระเจ้า “God” เที่ยงแท้ สิ่งเหล่านี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ เพราะความสัมพันธ์กับพระเจ้านั้นสูงส่งและจะดึงความต่ำช้ามาอ้างว่าทำเพื่อพระเจ้าได้ฉันใดเล่า....

o “ความกว้างขวาง” คือการรักเพื่อนพี้องเหมือนรักตนเองทำให้หัวใจของเราได้กลายเป็นหัวใจที่แผ่กว้างออกไป หัวใจที่ไม่คับแคบเห็นแก่ตัวหรือเอาแต่ได้เลย มีแต่ขยายดวงใจของเราไปสู่ทุกคน... พี่น้องที่รัก การเป็นคริสตชนที่มีความรักต่อเพื่อนพี่น้องเหมือนรักตัวเอง จะให้เราคริสตชนน่ารักมานะครับ ใจกว้างมากๆ มาจริงๆ ความเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้จะไม่ปรากฎในตชีวิตของเราเลย จะมีแต่ภาพปรากฎของความรักเมตตา การให้ การแบ่งปันและการเสียสละ พ่อคิดว่า ธรรมชาติของเราคริสตชนที่ต้องรักกันและกันเหมือนรักตนเอง เราจะเป็นผู้สร้างสังคมแห่งความรัก “เจริญชีวิตในวัฒนธรรมแห่งความรัก” ความเห็นแก่ตัว เอาเปรียบ ฉ้อโกง เอาแต่ได้ อิจฉาริษยา หรือกอบโกยแก่งแย่งจะไม่ใช่ธรรมชาติของสังคมของเราคริสตชนเลย ที่น้องว่าจริงๆไหมครับ... เราจะไม่ปล่อยให้ใครถูกเอาเปรียบ ถูกอยุติธรรมตามกระแสโลกที่เขามักจะกระทำต่อกัน เหยียบย้ำกันเพื่อไต่เต้าเติบโต และก็ทำร้ายจิตใจทำร้ายความยุติธรรม... ไม่ ต้องไม่เป็นเช่นนั้นเลย ถ้าเรา “รักผู้อื่นเหมือนรักตัวเอง” สังคมคริสตชน สังคมชุมชนวัด ครอบครัวของเรา คือ พระอาณาจักรสวรรค์ชัดๆ ตั้งแต่ในโลกนี้แล้วแน่นอนครับ พ่อมั่นใจว่าสั่งคมเรามนุษย์นะครับ ถ้าเราเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ ไม่มีบัญญัติแห่งความรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง บ่อยครั้ง ในประสบการณ์ มนุษย์จำนวนหนึ่งก็โหดร้ายกัดกินเพื่อนมนุษย์ยิ่งกว่าสัตว์ป่า เพราะกินกันเอง ขูดเลือดขูดเนื้อกันเองอย่างที่สัตว์ป่ายังไม่กระทำต่อกันแม้พวกมันไม่มีจิตวิญญาความคิดอ่าน หรือพวกมันไม่มีสำนึก... ประสบการณ์บอกเราเช่นนั้น บางทีมนุษย์เราค่าร้างเผ่าพันธุ์กันอย่างน่ารังเกียจที่สุด ทำได้อย่างไร อะไรที่ขาดไป... ความรักหรือความเป็นมนุษย์ที่พึงมีนั่นเอง

• พี่น้องคริสตชนที่รักครับ... เราเป็นมนุษย์ที่ได้ยกระดับชีวิตมนุษย์เพราะเรารักพระเจ้าและพระองค์รักเรา และเราเป็นเพื่อนมนุษย์ต่อกันและกันและกับทุกคนที่เป็นมนุษย์เพราะเหตุผลต่อเนื่องกัน รักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง พ่อพิจารณาแล้ว บัญญัติเอกสองประการที่รวมเป็นหนึ่งนี้ช่างวิเศษจริงๆครับ...

• ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้รู้จักพระองค์ ได้รักพระองค์ ขอบคุณที่สุดที่ทรงสร้างเรามาให้รักพระองค์และเพราะทรงรักเรา และที่สำคัญให้พวกเราได้รู้ สำนัก รักพระองค์ในเพื่อนพี่น้องของเราทุกคนเช่นเดียวกัน...

• พ่อขอให้เรา สูงส่งและกว้างขวางในความรักพระเจ้าสุดดวงใจ และในความรักเพื่อนมนุษย์เหมือนที่เรารักตนเอง ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ เป็นคริสตชนง่ายมาก “รัก” ถ้าเราต้องไปวัด ต้องถือกฎพระศาสนจักรหรือกฎหมายทั้งหลายเพื่อความดี เราทำได้อย่างมีอิสระเพราะ “รัก” ครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก