“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 15 เมษายน 2017
วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์
มธ 28:1-10…
1หลังจากวันสับบาโต เช้าตรู่ของวันต้นสัปดาห์ มารีย์ชาวมักดาลาและมารีย์อีกผู้หนึ่ง ไปดูพระคูหา 2ทันใดนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าลงจากสวรรค์เข้าไปกลิ้งหินออกและนั่งบนหินนั้น 3ใบหน้าของทูตสวรรค์แจ่มจ้าเหมือนสายฟ้า อาภรณ์ขาวราวหิมะ 4ทหารยามตกใจกลัวทูตสวรรค์จนตัวสั่นหน้าซีดเหมือนคนตาย

5ทูตสวรรค์กล่าวแก่สตรีทั้งสองคนว่า “อย่ากลัวเลย ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านกำลังมองหาพระเยซู ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน 6พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ เพราะทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้วตามที่ตรัสไว้ มาซิ มาดูที่ที่เขาวางพระองค์ ไว้ 7แล้วจงรีบไปบอกบรรดาศิษย์ว่า ‘พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายแล้ว พระองค์เสด็จล่วงหน้าท่านไปในแคว้นกาลิลี ท่านจะพบพระองค์ที่นั่น’ นี่คือข่าวดีที่ข้าพเจ้าแจ้งแก่ท่าน”
8สตรีทั้งสองคนมีทั้งความกลัวและความยินดีอย่างยิ่ง รีบออกจากพระคูหา วิ่งไปแจ้งข่าวแก่บรรดาศิษย์ของพระองค์
9ทันใดนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาพบสตรีทั้งสองคน ตรัสว่า “จงยินดีเถิด” ทั้งสองคนจึงเข้าไปใกล้ กอดพระบาทนมัสการพระองค์ 10พระเยซูเจ้าตรัสว่า “อย่ากลัวเลย จงไปแจ้งข่าวแก่พี่น้องของเราให้ไปยังแคว้นกาลิลี เขาจะพบเราที่นั่น”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• พระเยซูเจ้าถูกฝังไว้ในพระคูหา..
o วันนี้วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ พ่อทราบว่า เราเตรียมฉลองคืนตื่นเฝ้าปัสกา เราเตรียมสำหรับร้องอัลเลลูยา เราเตรียมพิธีกรรมถ้าเป็นบรรดาพระสงฆ์ วันนี้จะวุ่นฝายที่สุดในพิธีกรรมของพระศาสนจักร
o สิ่งมากมายที่ต้องเตีรยม มากจริงๆเพื่อให้ค่ำคืนนี้เป็นคำคืนศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพตามพระวรสารที่เล่า
o คำวันเสาร์คือเริ่มต้นวันอาทิตย์แล้ว สมัยโบราณพิธีคืนนี้คือเที่ยงคืนก็ทำกันเพื่อแน่ใจว่าเป็นวันอาทิตย์ (เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ “วันอาทิตย์” คือเวลานั้นที่มารีย์ชาวมักดาลาได้ไปพระคูหา)

• ก่อนไปเรื่องสำคัญและเป็นหัวใจของสิ่งที่พ่อไตร่ตรองวันนี้... พ่อขอพาพี่น้องเข้าไปที่ประสบการณ์พ่อนิดหน่อยก่อนครับ
o พ่อจำได้ว่า ตอนพ่อเป็นเด็กพ่อต้องพยายามอดตาหลับขับตานอน ไม่ให้ง่วง พ่อเป็นเด็กช่วยมิสซา ตื่นเต้นหน่อยก็ตอนเสกไฟ สนุก มีไฟศักดิ์สิทธิ์ มีเทียนปัสกา สนุกมากเด็กๆกับไฟกองใหญ่ๆหน้าวัดโอน่าสนุกจริงๆ มีสองสิ่งที่เราเสกที่ว่าไปแล้วเป็นศัตรูกันเลย คือ น้ำกับไฟที่ไปด้วยกันไม่ได้ แต่ต้องมีพิธีเสกด้วยกันในค่ำคืนวันนั้น...
o เสกน้ำ เสกไฟ ตอนเด็กๆ มีแค่นี้ครับ (ในยุคหนึ่งมีพ่อเจ้าวัดใหม่ตัวใหญ่ศีรษะเล็กๆ ดูหน่ากลัวมากแต่ใจดี มาเป็นเจ้าวัด ก็จัดให้มีเสกอาหารเพิ่ม ยิวกินแกะปัสกา เรากินข้าวหม้อแกงหม้อ ชาวบ้านพากันเอามา สรุป มีเป็นสิบๆๆหม้อ พ่อก็อิ่มสุดหลังมิสซาจบ)
o ส่วนไข่ปัสกาก็มาภายหลังเช่นกัน...ไม่ใช่พิธีกรรม เป็นประเพณีที่เข้ามาภายหลังมากๆ ไม่ได้มีมาแต่แรกในบ้านเราเมืองเราแต่ประการใด และไม่ใช่พิธีกรรมของวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์เลยครับ แต่ก็ค่อยๆเข้ามามีคุณค่าความหมาย และเริ่มมีบทเสกอวยพร ทั้งนี้เพื่อเตือนเราให้ระลึกถึงชีวิตใหม่...ก็ดีครับ
o บทอ่านก็อ่านหมดทุกบท...พวกเราเด็กช่วยมิสซา ก็.. “หลับครับ” เรายังตัวเล็ก ใต้โต๊ะเครื่องบูชาริมหน้าต่างที่เรานั่งกันอยู่มีใต้โต๊ะ.. มีผ้าขาวคลุมไว้ ชายผ้าย้อยลงมาเทียมพื้นพอดีๆ เหมือนมุ้งเลย... ในเมื่อบทอ่านหลายบทเยอะและยาว เราก็มุดเข้าไปสองสามคนทั้งชุดช่วยมิสซาแหละ “นอนอย่างสง่าเหมือนศิษย์สามคนในสวนเกทเสมนี (อันนี้เพิ่งนึกได้ตอนเขียนนี่แหละครับ) สองสามคนหลับกันสบาย เด็กๆไม่กรนอยู่แล้วไม่ส่งเสียงรบกวน และพี่โตๆที่ช่วยมิสซา จะปลุกเมื่อถึงเวลาต้องถือโคมแห่...ฯลฯ) สนุกครับหลับกันสบายจริงๆเลยครับ
o เรื่องไฟและน้ำเสก ยายพ่อก็ต้องให้พ่อถือขวดน้ำไปวัด ถือตะเกียงไปวัด หลังมิสซาจะได้จุดไฟจากเทียนปัสกา หรือจุดตั้งแต่ตอนเสกไฟเสร็จ (เอาถ่านฟืนกลับมาด้วย) ไฟก็จุดตะเกียงกลับมา ไม่ดับเพราะตะเกียงมีโป๊ะแก้วครอบไว้ เราก็ไปรับไฟเสกกลับมาบ้านยาย...
o พ่อกับพี่ชายมีความสุขมากกับไฟในตะเกียงนี้ เพราะเป็นไฟเสก... ความเชื่อถึงแสงสว่างใหม่.. ยายจะสั่งให้เราไปวางไว้ที่แท่นพระกลางบ้าน และหน้าที่ของพวกเราคือ “อย่าทำไฟดับเด็ดขาด” ต้องคอยเติมน้ำมันตะเกียงอยู่เรื่อยไป ไฟต้องติดอยู่จนตลอดปัสกา... โห ง่ายที่ไหนละครับ เราสองคนก็คอยเล่นไฟเสกนี่แหละ เวลาไปเติมน้ำมันกัน ก็เอาไม้ขีดแหย่เข้าไปให้ติด “ฟู่” โห ไฟศักดิ์สิทธิ์ ลุกฟู่ที่ไม้ขีด สนุก และก็ลมพัดไฟดับบ้าง...แหะๆๆ ก็รีบจุดใหม่เลย ไม่อยากเรียกว่า เสกกันเอง ยายไม่รู้หรอกว่าเราทำดับกันประจำ...
o พอละครับ ออกมานอกเรื่องสู่ความน่าขำของตนเองแห่งคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์มาเยอะ เพื่อบอกว่า ในคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์มีอะไรต่อมิอะไรมากมายครับ.. แล้วกลับเข้าเรื่องสำคัญที่สุดที่ต้องการพาพี่น้องที่รักไปไตร่ตรองครับ

• วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ของพ่อปี 2017 ปี A เราอ่านพระวรสารนักบุญมัทธิซนี้ พ่อไตร่ตรองพิเศษในเรื่อง “ในพระคูหาครับ” เรื่องเล่าพระทรมานบอกกับเราว่า พระเยซูเจ้าถูกฝังไว้ในพระคูหา และ “พวกเขาก็เคลื่อนก้อนหินปิดพระคูหาไว้”
o ทุกปีพ่อเน้นเรื่องการสิ้นพระชนม์ ซึ่งปีนี้ก็ได้เน้นในการเทศน์ของวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์แล้วคับ พ่อได้เน้นแล้ว... แต่ประเด็นที่พ่อจะต้องเน้นและขอเน้นเวลานี้ คือ ในพระคูหา พระองค์สิ้นพระชนม์ การถูกฝังไว้ในพระคูหานั้น เป็นอย่างไร
o พ่อไม่ทราบว่า พี่น้องเคยคิดเคยรู้สึกเหมือนพ่อไหม พ่อเคยคิดบ่อยนะครับ ว่า ถ้าพ่อสิ้นชีวิตแล้ว พ่อจะต้องนอนในหลุมฝังศพ...เวลานั้น จะเป็นอย่างไรหนอ... จะร้อนไหม จะรู้สึกไหม จะรู้สึกอย่างไร วิญญาณเรามีเราเชื่อ แล้วเมื่อถึงเวลาที่ปิดหลุมฝังศพ..เวลานั้นเรา แบบตัวเราที่เป็นนี้ เราจะเป็นอย่างไรกันหนอ... โอพระเจ้า... “กลัวบ้างเหมือนกัน” แต่เวลานั้น จะเป็นอย่างไร ไม่มีใครบอกได้ ไม่มีใครรู้ได้เลย โดยเด็ดขาด ไม่มีทาง

• แต่วันนี้ พ่ออยากเข้าไปไตร่ตรองในเวลาที่แปลกว่าที่เคย...
o ณ เวลาที่พระศพ พระธรรมชาติมนุษย์สิ้นสุดลง พระองค์ พระวรกายมนุษย์ของพระองค์อยู่ในพระคูหา ตรงนี้เป็นอย่างไรหนอ
o เวลานั้นเป็นอย่างไรหนอ พ่อพยายามคิด ไตร่ตรอง หาความรู้สึกความเข้าใจจริงๆ... แม้แต่พิธีกรรมวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ หลังแจกศีลเสร็จแล้วในพิธีพระทรมานและการสิ้นพระชนม์จบ การเชิญศีลมหาสนิท เขายังไม่ให้เก็บในตู้ศีลสง่าๆ แต่นำไปเก็บไว้ในตู้ศีลหลังวัด หรือแม้แต่นอกวัด เพื่อให้เงียบสงบ และกำชับทางพิธีกรรมว่าไม่ให้มีการเฝ้าศีลอย่างสง่าช่วงเวลานี้ แต่เป็นเวลาเงียบสงบ... อารามคาร์แมลที่ยึดประเพณีโบราณก็จัดตู้ศีลพิเศษแยกไว้ และเรียกตู้ศีลนั้นว่า “พระคูหา”

• สำหรับพ่อ พ่อคิดอะไรกับเรื่องนี้... พี่น้องที่รักครับ พ่อคิดถึงสองประการเพื่อการไตร่ตรองตลอดวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์จนถึงการตื้นเฝ้าประกาศสมโภชปัสกาครับ

• ประการแรก “พระองค์อยู่ในพระคูหา” เวลาที่อัดแน่นที่สุดของความรัก
o ในพระคูหาที่พระศพ “พระเยซูพระเจ้าองค์ความรักสิ้นพระชนม์” พระธรรมชาติมนุษย์ พระเยซูแห่งนาซาแร็ธที่ทุกคนรู้จัก ได้สิ้นชีวิต และพระศพวางอยู่ที่นั่น มัดด้วยผ้าป่านตามธรรมเนียมของชาวยิวพร้อมกับเครื่องหอมตามธรรมเนียมการฝังศพ... ในที่ฝังศพที่มีหินก้อนใหญ่ปิดไว้จนข้างในนั้น สามารถจินตนาการได้ว่า “มืดมิดสนิท” พี่น้องที่รัก พ่อมองเห็นความตายที่ต้องอยู่ในความมืด ไร้แสงสว่าง ไม่มีชีวิต ไม่มีลมหายใจ และความตายที่หยุดทุกอย่างของกระแสชีวิตของมนุษย์ ตามกระแสความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์...
o พ่อรู้สึกว่า...เวลานี้เป็นเวลาที่ “พระเยซูพระเจ้า ทรงรักมนุษย์จนถึงที่สุด ไม่เพียงแต่ความตายบนกางเขน แต่ในความมืดของเงาแห่งความตาย พระเจ้าเที่ยงแท้ทรงอยู่ในความตายนั้นอย่างสงบเงียบเป็นเวลาที่เงียบที่สุด” พ่อจะอธิบายแบบนี้ได้ไหมว่า ในพระคูหา คือ ณ ยามที่พระองค์ยอมหยุดชีวิตคือ “ตายสนิท” อัดแน่นที่สุด เป็นหนึ่งเดียวที่สุดกับมนุษย์ทุกคนจริงๆ ยอมถูกฝังไว้ในคูหา และเหมือนช่วงของความว่างเปล่าที่ไม่มีชีวิตกับมนุษย์ผู้รู้ตายจริงๆเต็มที่เลย

• พ่อในการไตร่ตรองปีนี้ พ่อสัมผัสได้ว่า ในพระคูหา พระองค์กำลังสวมกอดอย่างเงียบสงบกับความรู้ตายของเรา เป็นหนึ่งเดียวกันกับเราอย่างเงียบๆ ไม่มีพระวาจา ไม่มีคำสอน ไม่มีอะไรนอกจาก “การถูกมัดด้วยผ้าป่านเพื่อจะบอกว่าพระองค์ผูกมัดพระองค์เองกับความตายของเรา” สามวันตามการนับของชาวยิว... พระเจ้าสูงสุดกอดสวมกอดเรามนุษย์ในความตายที่มนุษย์กลัวและจำนนไม่มีทางเลี่ยงได้ พระองค์สวมกอดเราเงียบสนิทในความตาย “ในพระคูหา”
o พี่น้องเคยสังเกตไหม คนเรายามมีความรักที่สุด กลัวที่สุด และคนที่รัก พ่อแม่หรือคู่ชีวิตปลอบใจเรา กอดเรา บางทีไม่ต้องพูดอะไรเลย เพียงสวมกอดเงียบๆ แน่นๆ เราก็มีความสุขที่สุด... พ่อไม่รู้สิ.. ปีนี้ 2017 พ่อนั่งไตร่ตรองเวลาในพระคูหา ซึ่งปกติมักจะฉลองหรือไตร่ตรองตอนพระคูหาเปิด พระองค์กลับคืนชีพ...
o แต่ปีนี้ พ่อรู้สึกได้ถึงการสวมกอดแห่งรักนิรันดร์ด้วยการทรงถูกมัดด้วยผ้าป่านและเครื่องหอม นอนนิ่งสนิทในพระคูหาที่มืดมิดนั้น

• ประการที่สอง “ทรงกลั บคืนชีพ” หินที่ปิดคูหาถูกกลิ้งออกไป...
o “เช้าตรู่ของวันต้นสัปดาห์ “ทันใดนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าลงจากสวรรค์เข้าไปกลิ้งหินออกและนั่งบนหินนั้น 3ใบหน้าของทูตสวรรค์แจ่มจ้าเหมือนสายฟ้า อาภรณ์ขาวราวหิมะ” ความตายจะจองจำพระองค์ตลอดไปไม่ได้ พระคูหาที่มืดมิดจะต้องถูกเปิดออก นี่คือพลังแห่งความรักของพระเจ้าที่เยียวยาและทำลายความตายให้พินาศไป ก้าวไปสู่ชีวิตใหม่นิรันดร

• พ่อคิดถึงเวลาเด็กเล็กๆไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ
o หกล้มหัวโนเจ็บปางตาย น้ำตากระเด็นออกมาแบบไม่ต้องพยายามเพราะเจ็บ (เหมือนความตาย) และ
o แม่ก็กอดเขาไว้แน่น อาจมีคำปลอบโยน
o แต่เด็กจะได้รับการสวมกอดแน่นชั่วขณะ กับความเจ็บที่ค่อยๆ คลายตัว (เหมือนพระเยซูเจ้าต้องตายชั่วขณะเงียบอยู่ในความรักที่พระเจ้า “พระบิดา” ทรงสวมกอดพระองค์และความตายของมนุษยชาติ)
o และสักครู่ เด็กคนนั้น ก็ขยับตัวอย่างมั่นใจ ลุกขึ้น ออกไปวิ่งเล่นต่อไปได้อย่างมีความสุข... และก็สนุกว่าเดิมด้วย
o ความเจ็บ และความตาย ถูกสวมกอดด้วยความรักขอพระเจ้า จนมันพ่ายแพ้ไป ไม่มีความกลัวอีก ไม่เจ็บอีก แต่ลุกขึ้นมีชีวิตใหม่

• พ่อไตร่ตรองและพ่อรู้สึกอย่างนี้จริงๆ
o คูหา ความตาย เก็บหรือทำลายความรักของพระเจ้าพระบิดาไม่ได้จริงๆ
o “ทันใดนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าลงจากสวรรค์เข้าไปกลิ้งหินออกและนั่งบนหินนั้น ใบหน้าของทูตสวรรค์แจ่มจ้าเหมือนสายฟ้า อาภรณ์ขาวราวหิมะ”
o หินที่พระคูหาถูกกลิ้งหรือทุ่มทิ้งไปให้พ้นทาง แถมทูตสวรรค์ยังนั่งบนก้อนหนินั้น (เจ๊งนักหรอ ก้อนหินที่มีตราประทับ... นั่งทับเจ้าเสียเลย เจ้าคิดจะปิดเก็บไว้ด้วยความตายหรือ...ฝันไปเถอะ..จินตนาการของพ่อ) ด้วยอำนาจแห่งพระบิดาเจ้าพระเจ้าองค์ความรัก ที่แสดงออกเป็นภาพของทูตสวรรค์ของพระเจ้า

• พ่ออยากจะเน้นเหมือนกับพระคัมภีร์ว่า
o ความตายเจ้าเอ๋ยเจ้าอยู่ทีไหน
o พลังของเจ้าอยู่ที่ไหน
o อำนาจของเจ้าอยู่ที่ไหน...

• พ่อเห็นว่า การเปิดพระคูหาของทูตสวรรค์คือการกระชากความตายทิ้งไปให้พ้นหน้า
o (ไปไป๊ ไปให้พ้น..ภาษาสติ๊กเกอร์ไลน์ปัจจุบัน.. เหมือนกับบอกความตายว่า “ไปเล่นที่อื่นไป๊”)
o สรุปว่าว่าความตายไม่สามารถขวางกันอีกต่อไป ความตายเป็นสิ่งไร้สาระแล้วจนได้ พระองค์เสด็จกลับคืนชีพเพราะความรักอัดแน่นของพระบิดาเจ้าจริงๆครับ...

• พี่น้องที่รัก พ่อสรุปครับ...
o จงอัดแน่นในความเชื่อมั่นและการสวมกอดด้วยความรักของพระเจ้า...
o จงยอมให้พระองค์สวมกอดเรา สวมกอดชีวิตบาป และความตายของเรา เพราะพระองค์คือเครื่องหอมที่โอบอุ้มเรา แม้ในความตาย
o ที่สุด จะเป็นความรักที่จะระเบิดเปิดคูหาขอเราให้เรากลับมีพลังแห่งชีวิตใหม่ครับ..
o จงอย่าปิดคูหาฝังตนเอง หรือฝังเพื่อนพี่น้องเขาด้วยการขาดความรักต่อกันเลยนะครับ
o จงยอมให้ความรักของพระเจ้า เคลื่อนหินที่แสนหนักปิดกั้นกันด้วยความเย็นเฉยหรือกันตัดขาดกันเพราะตายต่อกัน ยอมให้พระเจ้าองค์ความรักได้เปิดคูหาหรือความตายต่อกันไปเถิดนะครับ...
o สุขสันต์ ปัสกา การเปิดสู่ชีวิตใหม่เพราะความรักของพระเจ้านะครับ... ขอพระเจ้าอวยพรครับ อัลเลลูยา

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก