“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 11 มกราคม 2017
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลธรรมดา
มก 1:29-39…

29ทันทีที่ออกจากศาลาธรรม พระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านของซีโมนและอันดรูว์พร้อมกับยากอบและยอห์น 30มารดาของภรรยาซีโมนกำลังนอนป่วยเป็นไข้อยู่ เขาจึงทูลพระองค์ให้ทรงทราบทันที 31พระองค์เสด็จเข้าไปจับมือนาง พยุงให้ลุกขึ้น นางก็หายไข้ นางจึงรับใช้ทุกคน


32เย็นวันนั้น เมื่อดวงอาทิตย์ตกแล้ว มีผู้นำคนป่วยและคนถูกปีศาจสิงมาเฝ้าพระองค์ 33คนทั้งเมืองมารวมกันที่ประตู 34พระองค์ทรงรักษาหลายคนที่เป็นโรคต่าง ๆ ให้หาย ทรงขับไล่ปีศาจออกไป แต่ไม่ทรงอนุญาตให้มันพูด เพราะมันรู้จักพระองค์

35วันต่อมา พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น 36ซีโมนและผู้ที่อยู่กับเขาตามหาพระองค์ 37เมื่อพบแล้ว จึงทูลพระองค์ว่า “ทุกคนกำลังแสวงหาพระองค์” 38พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไปที่อื่นกันเถิด ไปตามตำบลใกล้เคียง เพื่อจะได้เทศน์สอนที่นั่นด้วย เพราะเรามาด้วยจุดประสงค์นี้” 39พระองค์จึงเสด็จไปเทศน์สอนตามศาลาธรรมทั่วแคว้นกาลิลี ทรงขับไล่ปีศาจด้วย

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• “พระเยซูทรงเป็นความรอดพ้น ของทุกคน เราต้องรู้จัก รัก และประกาศพระองค์”
o แม่ยายของซีโมนเปโตร หายจากอาการเป็นไข้หนักทันทีที่พระองค์ทรง “พยุง” นางให้ลุกขึ้น “พระองค์เสด็จเข้าไปจับมือนาง พยุงให้ลุกขึ้น นางก็หายไข้ นางจึงรับใช้ทุกคน” ทันทีแม่ยายของเปโตรสามารถรับใช้ทุกคน เพียงพระองค์เสด็จเข้ามา จับมือของนางและพยุงให้ลุกขึ้น
o คนจำนวนมาก สารพัดโรคและความทุพพลภาพเร่งรีบมาหาพระองค์... พระองค์ทรงรักษาพวกเขาจำนวนมาก “พระองค์ทรงรักษาหลายคนที่เป็นโรคต่าง ๆ ให้หาย ทรงขับไล่ปีศาจออกไป” พระเยซูทรงเป็นพลังและความหวังของบรรดาคนเจ็บ ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ พระองค์ คือ “ผู้รักษา” ของพวกเขาจริงๆ กล่าวได้ว่า พระองค์ทรงเป็น “ความหวัง หรือความรอดของคนไข้” และพระองค์ทรงขับไล่ปีศาจด้วย

• “แต่ไม่ทรงอนุญาตให้มันพูด เพราะมันรู้จักพระองค์” ข้อความนี้เหมือนกับพระวรสารวานนี้ต่อเนื่องกัน... ปีศาจมันรู้จักพระองค์ดี แต่มันไม่ได้รักพระองค์พ่อเสนอประเด็นนี้แล้ว แต่ที่น่าคิดจริงๆสำหรับพระวรสารนักบุญมาระโกคือ
o มันพยายามจะประกาศว่าพระเยซูเจ้าเป็นใคร พ่อสามารถสรุปขำๆหน่อยได้เหมือนกันนะว่า... “ในพระวรสารนักบุญมาระโกนั้น ท่านพยายามเสนอความจริงเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าว่าเป็น “ข่าวดีเรื่องพระเยซูทรงเป็นพระคริสต ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า” และท่านนักบุญมาระโกมีความประสงค์จริงๆ จะประกาศข่าวดีนี้ให้บรรดาศิษย์พระเยซู คือ บรรดาอัครสาวกและเราทุกคนที่ได้อ่านนี้ จะได้กล้าหาญ กล้าประกาศถึงพระเยซูเจ้าอย่างชัดเจน...
o พระวรสารจึงเน้นบ่อยๆว่า พระองค์ดุปีศาจไม่ให้พวกมันประกาศถึงพระเยซูเพราะพวกมันรู้ กล่าวคือ พระองค์ไม่ยอมให้ปีศาจแย่งซีน (แย่งฉากหรือบทบาทของบรรดาศิษย์) เจ้าพวกผีนี่มันชอบแย่งซีนมากๆ แต่พระองค์จะดุมันให้เงียบเสมอ... เพราะมันรู้จักพระองค์ แต่มันไม่ได้รักพระองค์... จึงไม่ต้องมายุ่งกับภาระกิจการประกาศถึงพระองค์”

• พ่ออ่านมาถึงตอนที่ปีศาจโดนดุไม่ให้พูดถึงพระองค์พ่อก็ขำเสมอจริงๆ อยากสรุปว่าเจ้าพวกผีบ้าพวกนี้นี่ชอบแย่งหน้าที่ แย่งซีนของบรรดาศิษย์พระเยซูเพื่อประกาศถึงพระองค์อยู่เรื่อยๆ

• แต่ที่พ่อขำกว่านั้นและขำกลิ้งแบบท้องแข็งแบบขำไม่ค่อยออกหัวเราะไม่มีเสียง คือ ขำแบบขมๆ ปนความขื่นๆ
o นั่นคือในพระวรสารนักบุญมาระโก บรรดาศิษย์มักสอบตกเรื่องการประกาศถึงพระองค์ผีปีศาจจึงคอยแย่งประกาศอยู่เรื่อย...
o พ่อตั้งคำถามตนเองจริงๆ บรรดาศิษย์ตามพระวรสารนักบุญมาระโกสอบตกมากๆ.. เพราะพวกเขาไม่ค่อยได้ประกาศยืนยันถึงพระองค์.. พวกอัครสาวกเคยประกาศจะตายกับพระองค์ แต่พอพระองค์ถูกจับในสวนเกทเสมนี...กลับเป็นว่า พวกเขาหนีหายไปหมด หมดเกลี้ยงจริงๆ ไม่เหลือสักคน อันที่จริงพระเยซูเจ้าต้องการให้พวกเขาได้รู้จักพระองค์และประกาศถึงพระองค์
o เจ้าพวกปีศาจไม่ได้รักพระองค์ เป็นอริกับพระองค์ แต่มันรู้จักพระองค์ และพยายามจะร้องป่าวว่าพระองค์เป็นใคร... พระองค์ดุมัน พระองค์ต้องการให้เป็นหน้าที่ของบรรดาศิษย์ที่รู้พระองค์ ต้องรู้จักพระองค์ และต้องประกาศถึงพระองค์ พระเยซูไม่ยอมให้ปีศาจมาแย่งซีนหรือฉากสำคัญอันเป็นบทบาทของบรรดาศิษย์ คือ “การประกาศข่าวดี”

• มาถึงตรงนี้ พ่อมีคำถามกับตนเอง กับพี่น้องคริสตชน... ตลอดเวลาที่ผ่านมากดูเหมือนการประกาศถึงพระคริสตเจ้าของพ่อเอง และของพวกเราคริสตชนคาทอลิกไทยจะอ่อนแอไปหรือเปล่า...
o เรากล่าวถึงพระองค์ เราประกาศ เรารู้จักพระองค์ถ่องแท้เพียงใด
o พ่อถามจริงๆ ว่า เราได้รู้จักพระคริสตเจ้า รู้จักพระบุคคลของพระองค์อย่างลึกซึ้งจริงๆเพียงใดครับ...
o นักบุญเยโรมกล่าวว่า “ใครไม่รู้จักพระคัมภีร์ ไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” นี่พ่อก็กำลังนั่งเขียนคำประกาศพระวรสารหรือบทเทศน์อยู่ แต่พ่อก็มีคำถามจริงๆ ว่าพ่อเองและพี่น้องที่รัก ลูกๆที่รักของพระเจ้าทั้งหลายครับ พี่น้องรู้จักพระองค์มากเพียงใดครับ

• “ใครไม่รู้จักพระคัมภีร์ ไม่รู้จักพระคริสตเจ้า”
o พี่น้องที่รัก คำถามต่อมาที่พ่อเขินๆหน่อยที่จะกล่าวถึงคือ... พ่อและพวกเราคริสตชนอ่านพระคัมภีร์ รู้จักพระคัมภีร์กันมากไหมครับ... พ่อจำได้ว่าเราพิมพ์พระคัมภีร์มาหลายรุ่น เป็นแสนๆเล่ม เล่มเล็กเล็มน้อย หลายรูปแบบ... นี่ก็เพิ่งพิมพ์เพิ่งประกาศ เพิ่งขาย ฉบับรวมเล่มที่เราตื่นเต้นกัน ซื้อกันไปตามกำลัง... ฉบับที่เขาเรียกว่า “ฉบับสมบูรณ์” หนักมาก เล่มใหญ่มาก แบกสักสามเล่มก็เหนื่อยมากแล้ว... เล่มก็หนักแน่นไปด้วยคุณภาพ...
o แต่ แต่ แต่.. สามแต่ครับ เราอ่านพระคัมภีร์กันทุกวันหรือยัง เราพยายามอ่านพระคัมภีร์กันบ่อยเพียงใด รักที่จะอ่านพระคัมภีร์ (มีเชิงอรรถให้อ่านด้วย) ช่วยเยอะมากๆ เราอ่าน เรารักที่จะอ่าน ศึกษา รู้จักพระคัมภีร์เพียงใด เพื่อจะได้ชื่อว่า “รู้จักพระคริสตเจ้า” พ่อรู้สึกเขินครับ..
o ปีศาจมันรู้จักพระเยซูดี๊ดี... มันจ้องจะประกาศอยู่เรื่อยๆ... (ตรรกะแบบตลกๆนะครับ เอ หรือว่าปีศาจมันอ่านพระคัมภีร์มากกว่าเรา เพียงแต่มันไม่ได้เชื่อ มันไม่ได้รักพระเยซู)

• คำถามต่อไปบาดใจพ่อมาก...
o ปีศาจประกาศทั้งที่มันไม่ได้รักพระเยซู มันรู้จักพระองค์ และพระองค์ก็สั่งพวกมันหุบปากอยู่เรื่อย...
o แต่พวกเรา พวกเรา ลูกๆที่รักของพระเจ้าครับ.. เราแต่ละคน พ่อถามตัวพ่อเอง และถามพวกเราจริงๆ ถามจริงๆครับ... ว่า... “เรารักพระองค์มากไหมครับ” คนเราเท่าที่พ่อมั่นใจ... ถ้าเรารักใครสักคน ถ้าเราหลงรักใครจริงๆ เราจะแสวงหาความรู้จักอย่างลึกซึ้งไม่ใช่หรือเขา ... เขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร นิสัยอย่างไร ชอบสีอะไร ชอบกินอะไร ลูกเต้าเหล่าใคร ตระกูลไหน มีรายละเอียดอะไร... คนที่ถ้าได้รักใครสักคนนะ... สุดๆ สุดๆ จริงๆ สืบ เสาะ แสวงหา ค้น คว้า อยากรู้ อยากได้เห็น อยากรู้จักให้มากที่สุดเรียกว่าละเอียดยิบ...
o และที่สำคัญ ถ้าเรารักใครสักคน ขอให้ได้พูดถึง ได้กล่าวถึง ได้บรรยายถึงได้ตลอด เรียกว่า พูดถึงได้ตลอด พูดที่ไรก็ตาวาวแววแพรวความสุข... ยิ่งพูดยิ่งอยากรู้จัก ยิ่งได้ยิน ได้กล่าวถึง ได้รู้จักมาก ยิ่งรักมากขึ้น อยากพูดถึงมากขึ้นเสมอ...

• สรุปว่า ถ้าเรารักพระเยซูอย่างแท้จริง เราคงอยากรู้ อยากอ่านเรื่องพระองค์ อ่านแล้วอ่านอีก ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก อ่านเท่าไรก็ยิ่งรักยิ่งมีความสุข... แต่ แต่ แต่ สามแต่อีกแล้ว... “อ่านพระคัมภีร์กันหรือเปล่าครับ รักที่จะอ่านบ่อยๆไหม อ่านซ้ำไหม รักที่จะประกาศ พูดถึง ฟัง แล้วฟังอีก ใครพูดถึงพระเยซูเป็นอยากฟัง และมีความสุขเลย...” ประมาณนี้แหละ... แต่ความจริงบางทีก็ออกมาแบบว่า...ไปฟังพระวาจาในวัด ฟังเทศน์... ทีไร..ปีศาจสิงเลย คอพับ คออ่อน หมดแรง หลับ บางทีมีกรนด้วย... เรียกว่า บทเทศน์ของคุณพ่อที่วัด แม้ประกาศพระวาจา ก็เป็นยานอนหลับชั้นเลิศ ที่บ้านนอนหลับไม่สนิทเท่าที่วัดเลย... วัดติดแอร์ด้วย มีเพลงฟังด้วย หลับสนิทดีจัง

• พี่น้องที่รัก.. ถึงเวลาของการประกาศข่าวดีใหม่จริงๆครับ.. พ่อมั่นใจถึงเวลาที่สุด ถึงเวลารัก รัก รัก และถึงเวลาที่จะรู้จัก รู้จักร รู้จัก พระเยซูสุดชีวิตจิตใจถึงเวลาแล้วที่จะต้อง ประกาศ ประกาศ ประกาศ สุดกำลังถึงพระเยซูคริสตเจ้าครับ...

o อย่าปล่อยให้ปีศาจมันแย่งซีนเราไปหมดนะครับ... เพราะมันไม่ได้รักพระเยซู แต่พวกเรารัก และต้องรักที่สุดครับ... พ่อมั่นใจ... ผลคือ “ประกาศข่าวดีถึงพระองค์ คือ ความรักของเราศิษย์พระคริสตเจ้าครับ”
o ดูพระเยซูเป็นตัวอย่างได้เลยครับ “พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไปที่อื่นกันเถิด ไปตามตำบลใกล้เคียง เพื่อจะได้เทศน์สอนที่นั่นด้วย เพราะเรามาด้วยจุดประสงค์นี้”” พระองค์เองเสด็จมาเพื่อประกาศสอน ประกาศข่าวดี

• พ่ออยากสรุปว่า “รักจึงประกาศ รักจึงพูดถึงตลอด รักจึงประกาศถึงอย่างมีความสุข” หมดเวลาที่จะเป็นคริสตชนแบบที่ผ่านมา คือ อยู่นิ่ง รู้น้อย ไม่อ่าน ไม่แสวงหาความรู้ เพราะพระเยซูเจ้าสอนเราให้ประกาศ และต้องการให้เราประกาศถึงพระองค์นะครับ... (นี่พ่อก็นั่งเขียนบทเทศน์ประกาศอยู่ครับ... เบื่อไหม ไม่ครับ ไม่จริงๆ เมื่อยไหม เมื่อยครับนิ้วจะล้อคอยู่แล้ว มือก็ชาเพราะพิมพ์มากไป...แต่ใจหยุดไม่ได้จริง อยากทำเช่นนี้ครับ... มีความสุขนะครับ..)
o พ่อมั่นใจว่า ถึงยุคของการประกาศข่าวดี ถึงเวลาของการเป็นคริสตชนคาทอลิกชิดใกล้พระคัมภีร์ รักพระคัมภีร์ อ่าน ศึกษา ไตร่ตรอง และสำคัญที่สุด “ประกาศ” ถึงพระองค์อย่างเต็มกำลังแล้วครับ...
o บัดนี้เป็นเวลาแห่งการประกาศข่าวดีใหม่ ด้วย “การกลับใจ” ด้วย “ชีวิตที่เป็นประจักษ์พยาน”
o พระเยซูเจ้าทรงมอบพระบัญชาให้เราประกาศข่าวดีนะครับ... ดังนั้น ถึงเวลาจริงๆที่เราจะ รัก รู้จัก และประกาศถึงพระองค์สุดกำลังครับ ขอพระเจ้าอวยพระพรและเสริมกำลังเพื่อประกาศถึงพระองค์ครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก