“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 5 ตุลาคม 2016

สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา

กท 2:1-2,7-14

1สิบสี่ปีต่อมา ข้าพเจ้าขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มอีกพร้อมกับบารนาบัส และพา ทิตัสไปด้วย 2ข้าพเจ้าไปตามที่พระเจ้าทรงเปิดเผย ชี้แจงให้บรรดาพี่น้องที่นั่นรู้ข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศแก่คนต่างศาสนา เล่าให้คนสำคัญฟังเป็นการส่วนตัว เพื่อข้าพเจ้าจะไม่วิ่งโดยไร้ประโยชน์


ยิ่งกว่านั้น บุคคลสำคัญเหล่านี้เห็นว่าข้าพเจ้าได้รับมอบหน้าที่ให้ประกาศข่าวดีแก่ผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัต เช่นเดียวกับเปโตรได้รับมอบหน้าที่ให้ประกาศแก่ผู้ที่เข้าสุหนัตแล้ว 8เพราะพระเจ้าผู้ทรงบันดาลให้เปโตรเป็นธรรมทูตไปพบผู้ที่เข้าสุหนัตแล้ว ก็ทรงบันดาลให้ข้าพเจ้าไปพบคนต่างศาสนาเช่นเดียวกัน 9 ดังนั้น เมื่อยากอบ เคฟาสและยอห์น ซึ่งได้รับความนับถือว่าเป็นหลักรู้เรื่องพระหรรษทานที่พระเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วก็จับมือกับข้าพเจ้าและบารนาบัส แสดงความเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ตกลงกันว่า เราจะไปพบคนต่างศาสนา ส่วนพวกเขาจะไปพบผู้เข้าสุหนัตแล้ว 10เขาเหล่านี้ขอเพียงแต่ไม่ให้เราลืมคนยากจน คำขอนี้เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาจะทำอยู่แล้ว

11เมื่อเคฟาสมาที่เมืองอันทิโอก ข้าพเจ้าคัดค้านเขาซึ่งๆ หน้าเพราะเขาเป็นฝ่ายผิด 12เพราะก่อนที่คนของยากอบจะมา เคฟาสกินอาหารร่วมกับคนต่างชาติ แต่ครั้นพวกนั้นมา เขาก็ปลีกตัว และแยกออกมาเพราะกลัวพวกที่เข้าสุหนัต 13ชาวยิวคนอื่นจึงแสร้งทำตามเขาบ้าง แม้กระทั่งบารนาบัสเองก็หลงแสร้งทำตามพวกเขาไปด้วย
14เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่าเขาเหล่านั้นประพฤติตนไม่ถูกต้องตามความหมายแท้จริงของข่าวดี ข้าพเจ้าพูดกับเคฟาสต่อหน้าทุกคนว่า “ท่านเป็นชาวยิว ยังประพฤติตนอย่างคนต่างชาติ มิใช่อย่างชาวยิว แล้วเหตุไฉนท่านจึงบังคับคนต่างชาติให้ประพฤติตนอย่างชาวยิวเล่า

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• เปาโลนะเปาโล อย่างไรก็เป็นเปาโลอยู่วันยันค่ำ...
o วันนี้เรามาฟังเปาโลบ่นและตำหนิเคฟาส (เปโตร) กันดีๆหน่อยนะครับ ไม่เกิดขึ้นบ่อยๆแต่มีอยู่จริงครับ....
o การเคร่งครัดธรรมเนียมยิวของเคฟาสที่เยรูซาเล็ม... ก็เป็นสิ่งที่ดีแต่บางครั้งมันก็ออกมาเป็นแต่เพียงพิธีการหรือภาพลักษณ์ภายนอกทำให้ดูดีแต่เพียงภายนอกถ้าไม่ระวัง
o พระคัมภีร์ตอนนี้และการสะท้อนหนังสือกิจการอัครสาวก ก็เป็นการเตือนสอนพระศาสนจักร สอนพวกเราไม่ให้กระทำสิ่งต่างๆ แต่เพียงเน้นเปลือกหรือพิธีกรรมพิธีการภายนอก... ถ้าเป็นแบบนี้เปาโลก็ตำหนิครับ และเปาโลก็ตำหนิแรงเสียด้วย...

• นี่คือนิสัยของเปาโลจริงๆ เลย เมื่อท่านพบความผิดก็ตำหนิกันซึ่งๆหน้า ดูจากตัวอย่างบทอ่านวันนี้สิครับ.... บทอ่านวันนี้จากจดหมายถึงชาวกาลาเทียมีสองประเด็นที่พ่ออยากนำการไตร่ตรองจริงๆ

ประเด็นที่หนึ่ง.....

• “เมื่อเคฟาสมาที่เมืองอันทิโอก ข้าพเจ้า (เปาโล) คัดค้านเขาซึ่งๆหน้า เพราะเขาเป็นฝ่ายผิด เพราะก่อนที่คนของยากอบจะมา เคฟาสกินอาหารร่วมกับคนต่างชาติ แต่ครั้นพวกนั้นมา เขาก็ปลีกตัวและแยกออกมาเพราะกลัวพวกที่เข้าสุหนัต ชาวยิวคนอื่นจึงแสร้งทำตามเขาบ้าง แม้กระทั่งบารนาบัสเองก็หลงแสร้งทำตามพวกเขาไปด้วย”
o เคฟาสกินอาหารกับคนต่างชาติ ซึ่งตามธรรมเนียมยิวเขาไม่ทำ แต่นี่เคฟาสทำเพราะอยู่ลับหลังยากอบ
o ยากอบคือพระสังฆราชหรือผู้ใหญ่ที่เยรูซาเล็ม แต่พอยากอบมาเคฟาสกลับไม่กินกับคนต่างชาติ....
o เปาโลดุนะครับ ตำหนิตรงๆ เป็นนิสัยของเปาโล ตรงและไม่เสแสร้ง ดังนั้น นี่เป็นการสอนเรื่องของการเสแสร้งว่าการเสแสร้งไม่ดีเลย และเปาโลก็ตำหนิจริงๆ
o วันนี้พ่อคิดว่าคำสอนตรงๆ ของเปาโลคือ
1. เราคริสตชนทุกคนนะครับ เราไม่ควรเป็นคนเสแสร้งแกล้งทำ ชีวิตถ้าต้องเสแสร้งประเภทแสร้งว่า...เป็นเรื่องที่เหนื่อยครับ เหนื่อยเปล่าๆ เมื่อเราไม่ได้ตัวจริงๆอย่างที่เราควรจะเป็นนะครับ ต้องทำหลอกๆไปวันว่าเราดูดี เรามีมารยาท หรือมีคุณธรรม ทำดีทำงามหน้าเลนส์หน้ากล้อง.. แต่ตัวจริงๆขัดแย้ง... เหนื่อยครับ... เฟคครับไม่ใช่ชีวิตของเราคริสตชนครับ
2. เพราะควรจะมีชีวิตแบบตรงไปตรงมา ไม่เฟค ไม่เสแสร้ง นั่นคือชีวิตคริสตชนที่ควรจะดำเนินไปอย่างตรงไปตรงมา....
o นิสัยของเปาโลเป็นนิสัยที่น่าประทับใจจริงๆ นิสัยที่ตรงไปตรงมา เป็นนิสัยดีของคริสตชนและน่าเลียนแบบ เร้าต้องอ่อนโยนก็จริงๆ ไม่ก้าวร้าวครับ แต่ต้องไม่คดไม่เบี้ยวไม่แสร้งว่าอยู่ร่ำไป... เราคริสตชนปัจจุบันควรอย่างยิ่งที่จะดำเนินตามคำสอนของท่านนักบุญเปาโลครับ
ประเด็นที่สอง

• เปาโลเล่าถึงการเดินทางไปเยรูซาเล็มในอดีตที่ท่านมีปัญหาเรื่องคนเข้าสุหนัตร ประเด็นที่ว่าเมื่อคนต่างชาติที่กลับใจมาเป็นคริสตชนนั้น พวกเขาต้องเข้ามารับธรรมเนียมชาวยิวหรือไม่ พวกเขาที่เป็นชายมารับศีลล้างบาปต้องเข้าสุหนัตด้วยหรือไม่หนอ จนกระทั่งต้องนำมาซึ่งการประชุมสังคยนาครั้งแรกที่กรุงเยรูซาเล็ม และมีคำสั่งออกมากจากเยรูซาเล็ม (เทียบ กจ 15)

• จากสังคายนาครั้งนั้น มีคำสั่งสามประการ และเปาโลเมื่อเขียนจดหมายถึงชาวกาลาเทียที่เราอ่านในวันนี้ เปาโลได้เล่าสะท้อนประสบการณ์ให้ชาวกาลาเทีย และเราคริสตชนได้อ่านอย่างน่ารักมากๆครับ เจ๋งมาก ตรงประเด็นจริงๆ ถึงความเป็นคริสตชนครับ เปาโลเขียนแบบที่เราได้อ่านวันนี้ว่า....
o “ดังนั้น เมื่อยากอบ เคฟาสและยอห์น ซึ่งได้รับความนับถือว่าเป็นหลักรู้เรื่องพระหรรษทานที่พระเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วก็จับมือกับข้าพเจ้าและบารนาบัส แสดงความเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ตกลงกันว่า เราจะไปพบคนต่างศาสนา ส่วนพวกเขาจะไปพบผู้เข้าสุหนัตแล้ว เขาเหล่านี้ขอเพียงแต่ไม่ให้เราลืมคนยากจน คำขอนี้เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาจะทำอยู่แล้ว”

• อันที่จริงการตกลงที่เยรูซาเล็มมีสามประเด็นที่สำคัญที่ยากอบประกาศไว้ และให้เขียนจดหมายไปถึงพระศาสนจักรทั้งหลาย เรื่องนี้เราสืบค้นได้จากหนังสือกิจการอัครสาวก ให้เราดูหนังสือกิจการบทที่ 15:19-20 นี้ด้วยกันครับ
o “ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า ไม่ควรก่อความยุ่งยากแก่คนต่างศาสนาที่กลับใจมาหาพระเจ้า ควรเขียนจดหมายไปบอกเขาให้งดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายแก่รูปเคารพแล้ว ให้งดเว้นการแต่งงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และงดเว้นการกินเลือดและเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอให้ตาย”
o ดังนั้น ในการสังคายนาที่เยรูซาเล็มครั้งนั้นมีข้อสรุปสามขอที่เปาโลได้คำตอบมาคือ
1. ให้งดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายแก่รูปเคารพแล้ว
2. ให้งดเว้นการแต่งงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และ
3. งดเว้นการกินเลือดและเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอให้ตาย

• ประเด็นความสุดยอดของเปาโลในจดหมายถึงชาวกาลาเทียตอนนี้คือ
o ท่านไม่ได้สนใจธรรมเนียมของชาวยิวสามข้อที่สั่งมาจากเยรูซาเล็มนี้ว่าเป็นเรื่องสำคัญเลย เพราะท่านสรุปเป็นคำสั่งตามใจท่านที่ได้สัมผัสกับงานธรรมทูตแท้จริง
o การประกาศข่าวดีแท้จริง ท่านได้เน้นธรรมเนียมสำคัญที่สุดสำหรับคริสตชนให้เหลือเพียงข้อเดียว สะใจ สุดยอด และจัดเต็มแบบเปาโลเลย

• ท่านสรุปเพียงข้อเดียวที่จำเป็นที่ต้องเป็นคำสั่งจากเยรูซาเล็ม และกล่าวได้ว่าเป็นหัวใจของธรรมเนียมประเพณีของศาสนาของเราเลยครับนั่น คือ
o “เขาเหล่านี้ขอเพียงแต่ไม่ให้เราลืมคนยากจน คำขอนี้เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาจะทำอยู่แล้ว”

• พี่น้องที่รักครับ ลูกๆที่รักของพระเจ้าครับ.... สองประการที่เราเรียนรู้ไตร่ตรองจากความคิดและชีวิตของเปาโล คือ
1. ชีวิตของเราคริสตชนเราต้องเป็นคนที่ตรงๆ ตรงไปตรงมาในการปฏิบัติศาสนาและความศรัทธา “ไม่เสแสร้ง”
2. บัญญัติแห่งความรัก มีธรรมประเพณีสำคัญที่ขาดไม่ได้ คำสั่งที่ต้องไม่ลืมเด็กขาดในการเป็นคริสตชนของเราจริงๆ คือ “อย่าทอดทิ้งคนยากจน” พวกเราต้องพร้อมเป็นผู้อุปการะผู้ยากไร้... ธรรมเนียมอื่นไม่สำคัญเท่าธรรมเนียมประการนี้เลย กล่าวได้ว่า ธรรมเนียมสำคัญที่สุดของคริสตชน คือ ธรรมเนีมแห่งความรักและการไม่ละเลยคนยากจนโดยเด็ดขาด

• พ่อคิดว่าพระศาสนาจักรคาทอลิกมีเสน่ห์มากที่สุดก็ตรงนี้เอง พระสันตะปาปาฟรังซิสก็ได้สอนย้ำพวกเราอย่างเด็ดขาดในเรื่องนี้จริงๆ... นี่เป็นเสน่ห์ความงามจากภายในของพระศาสนจักรคาทอลิกครับ ขาดไม่ได้ พระสันตะปาปาได้ย้ำเตือนสอนพวกเราจริงๆ ใน “Evangelii Gaudium” ว่า
o พระศาสนจักรคือเราทุกคนต้องเลือกจริงๆ คือ “การเลือกอยู่ข้างคนจนเป็นอันดับแรก” เรื่องนี้ต้องเป็นเทววิทยาชีวิตของพระศาสนจักร คือเป็นชีวิตจริงๆของเราทุกคนมากกว่าเป็นเพียงความคิดด้านงานสังคมสงเคราะห์
o พระสันตะปาปาจึงต้องการพระศาสนจักรที่ยากจน และเพื่อคนจากจน เพราะคนจนและความยากจนมีบทสอนเรามากเหลือเกิน (เทียบ EG198)

• พี่น้องที่รักครับ....คำสอนของพระคัมภีร์วันนี้ที่เป็นรูปธรรมชัดเจน จากการประกาศของเปาโล การเผยแพร่ความเชื่อที่ทรงพลังที่สุด.... นั่นคือ
o ความซื่อตรงในชีวิต ไม่มีวันเสแสร้างแกล้งดำเนินชีวิต และ
o ที่สำคัญที่สุด ชีวิตที่รักเมตตาโดยเฉพาะต่อคนยากจน งานเมตตาและความซื่อตรงคือความงดงามขอพระศาสนจักรคาทอลิกและของเราทุกคนนะครับ

• ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านนะครับ รักซื่อตรงและมั่นคงในความรักเมตตาต่อคนยากไร้ นั่นคือชีวิตของเราครับ อ่านพระคัมภีร์วันนี้ดีๆนะครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก