“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม 2014
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา
กท 3:22-29…
22แต่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกสิ่งถูกจองจำไว้ใต้อำนาจแห่งบาป เพื่อพระสัญญาจะประทานให้แก่ผู้ที่มีความเชื่อเพราะความเชื่อในพระเยซูคริส เจ้า
23ก่อนที่ความเชื่อจะมาถึง ธรรมบัญญัติควบคุมดูแลเราอย่างเคร่งครัด จนกว่าความเชื่อจะถูกเปิดเผย 24ดังนั้น ธรรมบัญญัติจึงเป็นเหมือนครูพี่เลี้ยง นำเราไปพบพระคริสตเจ้า เพื่อเราจะได้เป็นผู้ชอบธรรมโดยอาศัยความเชื่อ 25แต่เมื่อความเชื่อมาถึงแล้ว เราก็ไม่ถูกครูพี่เลี้ยงควบคุมดูแลอีกต่อไป

26ท่านทุกคน เป็นบุตรของพระเจ้า โดยอาศัยความเชื่อในพระคริสตเยซู 27เพราะท่านทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาป ในพระ คริสตเจ้า ก็สวมพระคริสตเจ้าไว้ 28ไม่มีชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่มีทาสหรือไทย ไม่มีชายหรือหญิงอีกต่อไป เพราะท่านทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเยซู 29และถ้าท่านเป็นของพระคริสตเจ้าแล้ว ท่านก็เป็น “เชื้อสาย” ของอับราฮัมเป็นทายาทตามพระสัญญา

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• “เป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ บรรลุวุฒิภาวะในความเชื่อ” 


• ประโยคแบบนี้ สำนวนพ่อได้ยินบ่อย ได้เขียนประโยคนี้ในการทำสัมมนา ทำเอกสารสมัชชา และส่วนตัวก็ได้ยินบ่อยครับ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ต้องมีกรอบอะไรมากนักเพราะเรารู้ว่าอะไรใช่ อะไรไม่ใช่ อะไรควร อะไรไม่ควร... 


• อ่านพระคัมภีร์วันนี้ดีๆสิครับ...

o ก่อนที่ความเชื่อจะมาถึง ธรรมบัญญัติควบคุมดูแลเราอย่างเคร่งครัด จนกว่าความเชื่อจะถูกเปิดเผย 

o ดังนั้น ธรรมบัญญัติจึงเป็นเหมือนครูพี่เลี้ยง นำเราไปพบพระคริสตเจ้า เพื่อเราจะได้เป็นผู้ชอบธรรมโดยอาศัยความเชื่อ 

o แต่เมื่อความเชื่อมาถึงแล้ว เราก็ไม่ถูกครูพี่เลี้ยงควบคุมดูแลอีกต่อไป

• เวลาที่พ่อเป็นเด็ก พ่อจำความได้ดีครับ บ้านเณรและชีวิตของเราก็ก็ต้องมีกรอบเยอะแยะไปหมดครับ มีระเบียบกฎเกณฑ์มากมาย เมื่อโตขึ้นแล้วก็คิดเองได้ ไตร่ตรองเองได้ และระเบียบกฎเกณฑ์ก็ออกมาจากภายในอย่างแท้จริง ทุกอย่าง From inside out ออกมาจากภายใน ถ้ามีความเชื่อ มีพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่จริงๆ ความดีความรัก และทุกสิ่งที่ดีก็ออกมาจากภายในชีวิตของเราครับ

• ประสบการณ์ครับ...

o สมัยเป็นเด็ก บ้านเณรเล็ก พ่อไม่เคยคิดว่า ทำไมบ้านเณรต้องมีระเบียบบางประการที่ห้ามเราเด็กขาด มีประการหนึ่งที่น่าคิดจริงๆ คือ “ห้ามกินขนมนอกเวลาอาหาร” จำได้ว่าเรื่องนี้เคร่งครัดมากจริงๆครับ การกินขนมนอกเวลาถือว่าเป็นความผิดหนักใช้ได้ ต้องนอบนอบ ต้องเชื่อฟัง และครูเณรหรือมาสเตอร์เณรก็จะเคร่งครัดมากๆ

o พ่อจำได้ว่า เข้าบ้านเณรใหม่ๆ เรื่องนี้เป็นภาระหนัก เพราะเราอยู่บ้านเรากินเมื่อหิว วิ่งผ่านกล้วยก็หยิบกิน ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากเลยครับ... ไม่ได้มีใครว่าอะไร

o แต่ที่บ้านเณรไม่มีอนุญาต แถมห้ามเรามีเงินติดตัวอีกต่างหาก... เมื่อไปโรงเรียน เดินผ่านร้านอาหาร ร้านขนม เพื่อนๆ นักเรียนภายนอกเขาซื้อกัน กินกันทั้งวัน เราเณรเล็กเป็นที่รู้กันว่า ห้าม ไม่มีอนุญาต และห้ามเด็ดขาดด้วย ก็ได้แค่ดูพวกเขากินไป จากใหม่ก็หิว อยากกินบ้าง อยากมีส่วนบ้าง แต่ตังค์ก็ไม่มี...

o ซ้ำร้ายกว่านั้น... เราได้มีโอกาสเข้าไปช่วยซิสเตอร์ขายขนมที่ร้านขนมบางโอกาส หยิบขาย แต่กินไม่ได้ เพราะกฎระเบียบห้ามไว้...

o มีเณรบ้างคน แอบครับ เก็บขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ไว้ในตู้เสื้อผ้า... 555 ห้ามกินนะครับ ถ้าครูเณรเห็นก็โดน กินได้ถ้านำลงไปที่ห้องอาหาร และรับประทานที่โต๊ะอาหารในเวลาอาหาร... แต่ก็นะ ณ ที่นั่น เพื่อนๆ รอบโต๊ะก็มีอีกเป็นร้อย... คนละครึ่งแผ่นก็ไม่พอ.. มีตำนานเยอะครับเรื่องเหล่านี้... เจ้าเณรคนหนึ่งแอบซ่อนไว้ในตู่เสื้อผ้าที่เรามีคนละตู้ หมกไว้ ตู้ก็แสนจะเล็กๆๆ เวลากิน เจ้านี่ก็แอบกินครับมุดหัวเข้าไปในตู้ หยิบเบาๆเสียงถุงมันดังนะ เดี๋ยวโดนจับได้... มุดหัวเข้าไปในตู้ที่แสนมืดมิด... ใช้แต่สัญชาติญาณหาอาหารในความมืด หยิบขนมปังแผ่นๆ บีบขนมปังนั้นให้เข้าขนาดที่ต้องกร แล้วกินในตู้ เคี้ยว ทำเหมือนมุดเข้าไปค้นหาของ... พอถอยออกมาอีกทีก็เรียกร้อยเป็นคำๆไป น่ารักดีครับ...

o ที่สุด เพื่อนจับได้ครับ ลากตัวออกมาพร้อมถุงขนมปังนั้นที่แอบกินในความมืด... โอ มาย ก๊อด.... ขนมปั้งที่เจ้าเณรน้อยอุตส่าห์เก็บซ่อนไว้ และแอบมุดหัวเข้าไปกินในตู้ มันกลายเป็นขนมปังสองสีแล้วครับ มีดอก มีดวง เขียวๆ ทั้งถุงเลย (ขึ้นราเต็มทุกแผ่น) คงกินไปหลายแผ่นแล้วในความมืด... เจริญอาหารมากและมีราเขียวที่น่าจะมีประโยชน์กับระบบทางเดินอาหารและสมอง มากๆ...

• ครับ ในวัยเด็ก เวลานั้น เราก็ไม่เข้าใจอะไรกับกฎเกณฑ์มากมายของบ้านเณร เพราะเราเด็ก เรารู้สึกมีการบีบบังคับมาก... แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อโตแล้ว บวชแล้ว เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว คนทั่วไปเขาก็กินจุบกินจิบ กินกันทั้งวัน เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกินกันอยู่เรื่อย... เราจะรับประทานเฉพาะที่โต๊ะอาหารในเวลาอาหารเท่านั้น... ถ้าไม่ใช่เวลา ใครเรียกกิน ต่อให้ของกินนั้นแสนดี อร่อยมาก... เราก็จะรู้สึกว่า ไม่ต้อง ไม่รับประทานดีกว่า ไม่ใช่เวลากิน... สรุปชีวิตเราการฝึกยามนั้นได้กลายเป็นนิสัยดี เป็นบุคลิกดีที่เราได้รับการฝึกมาก

o คิดดูสิครับ ถ้าเป็นพระสงฆ์ สวมเสื้อหล่อขาว กินขนมกรอบทั้งวัน ว่างก็กิน ใครมากหา มาคุยก็ยังคามือกันอยู่....คงไม่งามนักนะครับ.. 

o โตแล้วก็เข้าใจ ไม่ต้องมีใครห้ามอีกแล้ว แต่เรารู้ตัวเองดีว่า เราไม่ควรเคี้ยวทั้งวันหรือไม่เลือกที่... เข้าใจล่ะครับ

• ยังมีระเบียบอีกเยอะแยะ... 

o ห้ามเก็บเงินไว้กับตัว ต้องฝาก ต้องซื่อสัตย์ที่สุดเรื่องการเงิน...

o ห้ามเล่นถูกตัวแบบมือถึงกัน เดินกุมมือกัน กอดคอกัน เพราะฝึกเราให้วางตัวเหมาะสม ไม่มือไว้ และรู้จักมัธยัสถ์ตนเอง

o ห้ามคุยหลังภาวนาค่ำ ห้ามคุย ให้เงียบ ถือเงียบ รู้จักเงียบ เพื่อฝึกให้มีเวลาเงียบ ภาวนา และรักษาบรรยากาศความสงบ 

o ไม่ให้มีวิทยุ ทีวี หรืออะไรที่ไม่จำเป็น จะได้สงบมีเวลาภาวนา เรียน อ่านพระคัมภีร์ ฯลฯ กฎเยอะครับ... 

o ทั้งหมดนี้เพื่ออะไร สรุปก็คือเพื่อให้บ้านเณรเป็นบ้านเณร Seminarium อ่าน “เสมิณาริอุม” แปลว่า แปลงเพาะต้นกล้าให้แข็งแรง.... เพื่ออบ เพื่อรม เพื่อบ่ม เพื่อเพาะนิสัยดีๆ ให้กับพวกเรา

• พี่น้องครับ ไม่ใช่แค่เพียงสามเณรในบ้านเณรครับ แต่....


• เราคริสตชนทุกคนด้วย... ดีจริงๆ นะครับที่เรามีพระเจ้า มีพระศาสนา เรามีคำสอน มีความเชื่อ ขอบคุณพระเจ้าที่มีกฎเกณฑ์สมัยที่เราเป็นเด็กๆเยอะครับ

o บัญญัติพระเจ้า เราท่อง เราจำ เราฝึก

o บาปต้นๆเจ็ดประการ

o บัญญัติพระศาสนจักร ฯลฯ

o เราท่อง จนซึมเข้าไปในชีวิตเรา...

o โตแล้วไม่ต้องท่อง แต่รู้ว่า นินทาไม่ดี ด่าไม่ควร ฆาตกรรมทั้งทางกาย วาจาใจไม่ดีเลย หยาบคายก็ไม่ควร ไม่อุลามก ไม่งก ไม่อยาก ไม่โลภมักได้ทรัพย์ รู้จักพอ ... 

o นอกนั้น ทางบวก เมตตา กรุณา แบ่งปัน รัก เสียสละ ตามแบบอย่างพระเยซูองค์ต้นแบบ ต้องเป็นคนดีของสังคม... มีคำสอนดีๆให้เราปฏิบัติ... ขอบคุณพระเจ้า

• พี่น้องที่รัก คริสตชนที่รัก ลูกๆที่รัก พ่อเขียนถึงชีวิต ความเชื่อของเรา ประสบการณ์ของพวกเรา กฎเกณฑ์ที่นักบุญเปาโลกเรียกว่า “ครูพี่เลี้ยง” ที่จำเป็นเมื่อเรายังเด็กๆ แต่เมื่อเราโตๆกันแล้ว อ่านออกเขียนได้คิดเป็นแล้วก็ไม่ต้องควบคุมอะไรมากแต่เราสามารถอ่าน เลือก คิด ไตร่ตรอง และแน่นอนพ่อขอให้ “พระคัมภีร์ได้เป็นตำรับชีวิต และเข็มทิศนำทางที่เราอ่าน และไตร่ตรองเสมอนะครับ”

• พ่อเชิญชวนจริงๆ นะครับ เรียกร้องหนักแน่นมากๆ...

o ขอให้เราเป็น “ผู้ใหญ่ในความเชื่อ”

o ขอให้เรา “บรรลุวุฒิภาวะในความเชื่อ”

o ขอให้เราได้รับบัตรชีวิตความเชื่อที่เข็มแข็ง เหมือนบัตรประชาคริสตชนครับ 

o ได้รับสิทธิในการเป็นคริสตชนจริงๆ

o อย่าลืมว่า “สิทธิมาพร้อมกับหน้าที่” 

o ดังนั้น เมื่อเป็นคริสตชนแท้จริง เราต้องมีหน้าที่หรือพันธกิจรัก คือ “รัก รัก และก็รัก อีกทั้งรับใช้ และให้อภัยตามแบบอย่างพระคริสตเจ้าครับ” 

o ขอให้เป็นจริงๆนะครับ อ่านพระคัมภีร์ครับ และขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ....

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก