ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน  โดย..คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2017
สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา
บสร1:1-10 / มก 9:14-29
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                      
     เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงจากภูเขาพร้อมกับศิษย์ทั้งสามคน มาพบศิษย์คนอื่นทรงเห็นประชาชนจำนวนมากห้อมล้อมบรรดาศิษย์ธรรมาจารย์บางคนกำลังถกเถียงกับเขาเหล่านั้น

ทันทีที่เห็นพระองค์ประชาชนทั้งหลายต่างประหลาดใจและและวิ่งเข้ามาทักทายพระองค์พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “ท่านกำลังถกเถียงเรื่องอะไรหรือ”


คนหนึ่งในกลุ่มชนตอบว่า “พระอาจารย์เจ้าข้าข้าพเจ้าพาบุตรชายที่ปีศาจสิงให้เป็นใบ้มาเฝ้าพระองค์เมื่อปีศาจสิงมันผลักเขาให้ล้มลงน้ำลายฟูมปากกัดฟันและตัวแข็งทื่อข้าพเจ้าได้ขอให้ศิษย์ของพระองค์ขับไล่มันแต่เขาทำไม่สำเร็จ”
พระองค์ตรัสตอบว่า “คนหัวดื้อเชื่อยากเราจะต้องอยู่กับท่านอีกนานเท่าใดจะต้องทนท่านอีกนานเท่าใด
จงพาเด็กมาพบเราเถิด”

เขาจึงพาเด็กนั้นมาเฝ้าพระองค์เมื่อเห็นพระองค์ปีศาจก็ทำให้เด็กชักล้มลงกับพื้นดินกลิ้งไปมาน้ำลายฟูมปาก
พระเยซูเจ้าทรงถามบิดาของเด็กว่า “เป็นดังนี้นานเท่าไรแล้ว”
เขาทูลตอบว่า “ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ ปีศาจได้ผลักเด็กลงในกองไฟหลายครั้ง
บางครั้งผลักลงในน้ำเพื่อให้ตาย
ถ้าพระองค์ทรงทำสิ่งใดได้ก็ทรงกรุณาช่วยเราด้วยเถิด”

พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าทำได้น่ะหรือ ทุกสิ่งเป็นไปได้ทั้งนั้นสำหรับผู้มีความเชื่อ”
ทันใดนั้นบิดาของเด็กก็ร้องว่า “ข้าพเจ้าเชื่อโปรดช่วยความเชื่อเล็กน้อยของข้าพเจ้าด้วยเถิด”
เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนเข้ามามากยิ่งขึ้นพระองค์จึงตรัสสำทับปีศาจว่า “เจ้าปีศาจหนวกใบ้เราสั่งเจ้าให้ออกจากเด็กคนนี้และอย่ากลับเข้ามาอีกเลย”

ปีศาจจึงร้องเสียงดังและทำให้เด็กมีอาการชักอย่างรุนแรงแล้วปีศาจก็ออกไป
เด็กนอนนิ่งเหมือนคนตายจนคนส่วนมากพูดกันว่า
“เขาตายแล้ว” แต่พระเยซูเจ้าทรงจับมือเด็กทรงช่วยพยุงให้ลุกขึ้นเขาก็ยืนขึ้น
เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งบรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า
“ทำไมพวกเราจึงขับไล่มันไม่ได้”
พระองค์ตรัสตอบว่า “ปีศาจชนิดนี้ขับไล่ออกไม่ได้เลยนอกจากด้วยการอธิษฐานภาวนาเท่านั้น”

 (พระวาจาของพระเจ้า)

-------

 พระเจ้าอยู่ในธรรมชาติ ที่มีความหมายว่า พระเจ้าประทับอยู่ในทุกที่ทุกอย่าง เพราะเมื่อพระเจ้าแสดงความหวังดี
ถ่ายทอดความปรารถนาดีด้วยการให้เวลา
โอกาส พัฒนาคน

 นั่นคือ ปรีชาญาณของพระ ที่มีต่อมนุษย์

 "ปรีชาญาณทั้งมวลมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า และอยู่กับพระองค์ตลอดไป
เม็ดทรายในทะเล หยาดน้ำฝน วันที่โลกคงอยู่"

 ปรีชาญาณไม่ใช่ความฉลาดล้ำ

 ปรีชาญาณไม่ใช่สูงส่งเกินล้ำ
 แต่เป็นการซึมซับ
ทำความเข้าใจ ส่ิงรอบตัว ส่ิงสร้างเพื่อเสริมสร้าง

 เม็ดทราย หยาดน้ำฝน ผู้คนและสรรพสัตว์ ต่างก็เป็น "ที่ทาง เป็นมา" ของปรีชาญาณ เพราะรักผูกพัน
เพราะสัมพันธ์เกี่ยวข้อง
จึงเป็น "ความรัก"ที่พระเจ้าแสดงส่องมา

 ผูกพันเกี่ยวข้อง จึง เยียวยารักษา ปีศาจสิงเป็นใบ้

 ความรัก ผลักดัน ความไม่ดี ไม่สบาย ไม่ปกติ ออกไป

 ความรัก สร้างสิ่งดี มั่นคง ยั่งยืน กว่า ผลัดไปผลัดมา

 นี่เป็น "ปรีชาญาณ"ของพระเจ้าที่มีต่อเรา