“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ 2015
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา
(นักบุญอากาทา พรมจารีย์ มรณะสักขี)
มก 6:7-13…

พระองค์เสด็จไปทรงสั่งสอนตามหมู่บ้านต่าง ๆ ในบริเวณนั้น 7ทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามาพบ และทรงเริ่มส่งเขาเป็นคู่ ๆ ประทานอำนาจเหนือปีศาจ 8ทรงกำชับเขามิให้นำสิ่งใดไปด้วย นอกจากไม้เท้าเท่านั้น ไม่ให้มีอาหาร ไม่ให้มีย่าม ไม่ให้มีเศษเงินใส่ไถ้ 9ให้สวมรองเท้าได้ แต่ไมให้เอาเสื้อสำรองไปด้วย 10พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ถ้าท่านเข้าไปในบ้านใด จงพักอยู่ที่นั่นจนกว่าจะออกเดินทางต่อไป 11ถ้าที่ใดไม่ต้อนรับท่าน หรือไม่ฟังท่าน จงออกจากที่นั่น พลางสลัดฝุ่นจากเท้าไว้เป็นพยานปรักปรำเขา” 12บรรดาอัครสาวกจึงไปเทศน์สอนคนทั้งหลายให้กลับใจ 13ขับไล่ปีศาจจำนวนมาก เจิมน้ำมันผู้เจ็บป่วยหลายคน และรักษาเขาให้หายจากโรคภัย

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• ศิษย์ของพระเยซูเจ้าเพื่ออะไร... เราทราบจากพระคัมภีร์ว่า...

o ทรงเรียกพวกเขามาพบ... และในมาระโกก่อนหน้านี้ พระองค์ทรงเรียกมาเพื่อ “ให้อยู่กับพระองค์” และเพื่อ “ส่งพวกเขาออกไป” สรุปว่ามีสองประการสำคัญในการเป็นศิษย์พระเยซูเจ้า คือ พบ หรืออยู่กับพระองค์ และเพื่อส่งพวกเขาออกไปประกาศถึงพระองค์ ประกาศข่าวดีถึงพระองค์

o พ่ออยากเน้นความจำเป็นประการนี้จริงๆ ทรงเรียกมาเพื่ออยู่กับพระองค์... แล้วเราจะอยู่กับพระองค์ได้อย่างไรจริงๆ ถ้าเราเป็นศิษย์ของพระองค์เป็นคริสตชนในโลกปัจจุบัน ทำอย่างไรเราจึงจะได้อยู่ในเวลานี้ “อยู่กับพระองค์ หรือ ได้พบพระองค์”

o พ่อมั่นใจว่า เรามีคำตอบสำหรับยุคปัจจุบันของเราครับ พ่อขอเสนอจริงๆนะครับดังนี้ โดยที่พวกเราศิษย์พระคริสตเจ้า พระสงฆ์ นักบวช ครูคำสอน และคริสตชนทุกคน พ่อเน้นคริสตชนทุกคนได้ไหม... คือ เราทุกคนต้องเป็นคริสตชนคาทอลิกครับ... ต้องเป็นก่อนสำหรับทุกคน.. เพราะมีข้อกังขาสงสัยได้เหมือนกันว่า บางที บางทีนะครับ แรงหน่อยแต่ขอเขียน... บางทีเราอาจเป็นพระสงฆ์ครับแต่ไม่ค่อยได้เป็นคริสตชนที่ดีเท่าไร?? บางทีเราเป็นนักบวชแต่เราไม่ค่อยได้เป็นคริสตชนเท่าไร??? บางทีเราเป็นครูคำสอน เป็นฆราวาส มาวัดมาวาไม่ได้ขาดหรือขาดไม่ได้เลย.. แต่เรากลับไม่ค่อยได้เป็นคริสตชนเท่าไร??? คริสตชนคือศิษย์พระเยซูครับ พระองค์เรียกเรามาเพื่อพบพระองค์ เพื่ออยู่กับพระองค์ และเพื่อส่งไปประกาศความรักของพระเจ้าให้โลกรู้ครับ... แต่บางทีเราไม่อยู่กับพระองค์แต่อยู่กับตนเอง และไม่ได้ประกาศถึงพระองค์เลย...


• เราจะอยู่กับพระองค์และพบพระองค์ได้อย่างไร... พ่อมีคำตอบเต็มๆจากพระคัมภีร์ เราจะกล้าอ่านกันไหม จะกล้า “กลับใจ” ออกจากเซฟโซนคือที่ปลอดภัยส่วนตนออกไปพบพระองค์และประกาศความรักของพระองค์ ในบรรดาเพื่อนพี่น้องผู้ยากไร้จริงๆไหมหนอ???


• พระวาจาตอนนี้เป็นหลักประกันครับ.. แน่นอน และเป็นพระวาจาที่ตัดสินเลยว่า “สวรรค์หรือนรก จะเป็นหมู่แกะหรือหมู่แพะ จะอยู่ทางขวาหรือทางซ้าย จะไปรับชีวิตนิรันดรหรือไปไฟนิรันดร” อ่านกันชัดๆ ฟังกันดีๆ ไตร่ตรองกันให้ลึกซึ้งเลยครับ....อ่านพระวรสารโดยนักบุญมัทธิวต่อไปนี้ดีๆ ครับ บทที่ 25:31เป็นต้นไป... พ่อสรุปให้... 

o “เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์ พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ทั้งหลาย พระองค์จะประทับเหนือพระบัลลังก์อันรุ่งโรจน์... พระองค์จะทรงแยกเขาออกเป็นสองพวก ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ ให้แกะอยู่เบื้องขวา ส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย 

o พระมหากษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า ‘เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ 36เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา’.... “บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วถวายพระกระยาหาร หรือทรงกระหาย แล้วถวายให้ทรงดื่ม เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็น... พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา’

o “แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกที่อยู่เบื้องซ้ายว่า ‘ท่านทั้งหลายที่ถูกสาปแช่ง จงไปให้พ้น ลงไปในไฟนิรันดรที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจและพรรคพวกของมัน เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านไม่ให้อะไรเรากิน เรากระหาย ท่านไม่ให้อะไรเราดื่ม.... พวกนั้นจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว ทรงกระหาย ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้า เจ็บป่วย หรืออยู่ในคุก และไม่ได้ช่วยเหลือ’ พระองค์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านไม่ได้ทำสิ่งใดต่อผู้ต่ำต้อยของเราคนหนึ่งท่านก็ไม่ได้ทำสิ่งนั้นต่อ เรา’ 

o แล้วพวกนี้ก็จะไปรับโทษนิรันดร ส่วนผู้ชอบธรรมจะไปรับชีวิตนิรันดร”


• คำตอบชัดละครับ... เป็นศิษย์พระเยซูเจ้าจริง เป็นพระสงฆ์ เป็นนักบวช เป็นครูคำสอน หรือคริสตชนฆราวาส.. แม้แต่เป็นพระสังฆราชนะครับ... เราทุกคนต้องเป็น “ศิษย์ที่พบพระเยซู ที่อยู่กับพระเยซู และรักรับใช้พระเยซูเจ้า” ในโลกปัจจุบันด้วยครับ... พ่ออาจจะใช้คำแรงหน่อยว่า “บางที่เราอาจจะเป็นพระสงฆ์นักบวชฆราวาสที่ได้รับศีลล้างบาป ไปวัดไปวาแก้บาปรับศีล แต่เราอาจจะไม่ได้เป็นคริสตชนที่สมกับพระอาณาจักรสวรรค์นะครับ” แรงหน่อย แต่บ่อยครั้งก็จริงๆ เราอาจเคร่งครัดวัดวาภาษาศาสนาเป็นศาสนิกมาก แต่เราอาจจะไม่ได้พบพระเยซูเจ้า ไม่ได้อยู่กับพระองค์ ไม่ได้รับใช้พระองค์ ไม่ได้ประกาศพระองค์แก่พี่น้องก็ได้ครับ... จำเป็นแล้วนะครับ จำเป็นแล้ว ต้อง “พบพระองค์” และ “ต้องออกไปประกาศข่าวดี” อย่างไร... พระเยซูเจ้าตรัส “เราบอกความจริงกับท่าน”....

o “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา”

o “ท่านไม่ได้ทำสิ่งใดต่อผู้ต่ำต้อยของเราคนหนึ่งท่านก็ไม่ได้ทำสิ่งนั้นต่อเรา”


• ไม่ได้แล้วครับ ต้องชัดเจน ต้องเป็น “ศิษย์แท้ของพระเยซูเจ้ากันสุดแล้วครับ” ในโลกปัจจุบันที่คนยากไร้ชายขอบสังคม คนที่ได้รับอยุติธรรมรังแกและค้าขายเป็นสินค้าการค้ามนุษย์ การถูกเอาเปรียบ ขาดเครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และลำบากในชีวิตมีมากเหลือเกินครับ... มากจริงนะครับ... เราจะเป็นศิษย์พระเยซูเพียงที่วัดไปวัดวันอาทิตย์... หรือเราจะนำความหมายของวันอาทิตย์ที่เรารักพระเจ้า คืนดีกับพระเจ้า ได้พบพระเจ้า ออกไปพบพาและไปหาเพื่อนพี่น้องของเราจริงๆกันหนอครับ...


• พ่อมีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม...หน่อย หยิกแรงนิดหยอกขวิดด้วยเขาน้อยๆก็ว่าได้... พ่อยกตัวอย่างนะครับ... พ่อสมมติว่า...

o ถ้าพ่อเป็นพ่อเจ้าวัด วันอาทิตย์สัตบุรุษมาร่วมมิสซาน่ารักมากๆ และทุกอาทิตย์พวกเขาถวายเงินให้กับพระเจ้าโดยผ่านถุงทานในวัด... ด้วยศรัทธา... เพื่อแบ่งปัน.. และถ้าเงินถวายให้พระเจ้านี้ ถ้าพ่อนำไปเพื่อคนยากจน คนสิ้นหวัง คนลำบาก คนที่ขาดความจำเป็นพื้นฐาน แบ่งปัน พ่อว่าการถวายเงินในวัดเป็นความจริง “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา”

o สมมติต่อนะครับ ถ้าพ่อซึ่งเป็นเจ้าวัดเก็บเงินถวายพระเจ้านั้นเพื่อตนเอง เพื่อสิ่งที่เกินจำเป็น เพื่ออาหารที่พอเพียงความเป็นอยู่ที่พอเพียงก็รับได้ครับ... และที่มีมากก็แบ่งปันให้คนยากจน.. แต่ แต่ แต่ (แรงหน่อยนะ) ถ้าพ่อเกิดชอบไวน์ ชอบพอลลาเนอร์ ชอบเบียร์แพง ชอบทานเนื้อสเต็กแพงๆ.. และพ่อก็นำเงินถวายในวัดแต่ละอาทิตย์นั้นไปซื้อ ไปใช้เพื่อตนเองมากๆ เพื่ออะไรที่เกินความพอเพียงและไม่เคยเพียงพอ... (บาปนะครับ บาปหนักด้วยนะ เพราะจิตตารมณ์ของเงินถวายในบูชามิซาวันอาทิตย์นั้นเพื่อถวายพระเจ้า และพ่อเองที่เป็นพระสงฆ์ ไม่ใช่พระเจ้าที่จะรับตามใจครับ...)

o ถ้าเป็นแบบนี้จะเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าไหม... ใช่อาจเป็นพระสงฆ์ เป็นนักบวช หรือครูคำสอน แต่เป็นศิษย์ที่พบพระเยซูเจ้าไหมหนอ...


• ศิษย์พระเยซูเจ้าครับ พวกเราทุกคนเลย อ่านพระวาจาวันนี้ดีๆอีกทีครับ...

o ทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามาพบ และทรงเริ่มส่งเขาเป็นคู่ ๆ ประทานอำนาจเหนือปีศาจ

o ทรงกำชับเขามิให้นำสิ่งใดไปด้วย นอกจากไม้เท้าเท่านั้น ไม่ให้มีอาหาร ไม่ให้มีย่าม ไม่ให้มีเศษเงินใส่ไถ้ ให้สวมรองเท้าได้ แต่ไมให้เอาเสื้อสำรองไปด้วย 

o พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ถ้าท่านเข้าไปในบ้านใด จงพักอยู่ที่นั่นจนกว่าจะออกเดินทางต่อไป ถ้าที่ใดไม่ต้อนรับท่าน หรือไม่ฟังท่าน จงออกจากที่นั่น พลางสลัดฝุ่นจากเท้าไว้เป็นพยานปรักปรำเขา” 

o อีกตอนหนึ่งในพระวรสาร พระองค์กำชับด้วยครับ “อย่าออกบ้านนี้เข้าบ้านโน้น” คือ กินเก็บร่ำไป..

o ต้องไว้ใจพระเจ้า ไว้ใจพระญาณเอื้ออาทรและการเลี้ยงดูของพระเจ้า ไม่เก็บ ไม่โลภ ไม่สะสมจนออกไปประกาศข่าวดีไม่ไหวเพราะสัมภาระเยอะเกิน... หรือบ้านก็ไม่มีที่ให้พอเก็บ...


• สรุป ศิษย์พระเยซูต้องพบพระองค์ “ในบรรดาผู้ยากไร้” และต้องไปประกาศข่าวดี “ด้วยการช่วยเหลือและรักษาเยียวยาดูแล” ครับ ไม่มีทางอื่นๆครับ ทางนี้เท่านั้น คือทางที่พระองค์สอนเราครับ ขอพระเจ้าอวยพรให้เราได้พบพระองค์มากขึ้นทุกวันครับ “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา”

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก