“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2014
สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา
(นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี)
ยบ 42:1-3,5-6,12-17………….
1โยบทูลตอบพระยาห์เวห์ว่า
2“ข้าพเจ้าเข้าใจว่าพระองค์ทรงกระทำได้ทุกสิ่ง
ไม่มีผู้ใดขัดขวางพระประสงค์ของพระองค์ได้
3พระองค์เคยตรัสถามว่า ‘ผู้นี้เป็นใครที่ใช้ถ้อยคำไร้ความรู้
ทำให้แผนการของเรามืดไป’
ข้าพเจ้าจึงพูดถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ
และเป็นสิ่งน่าพิศวงเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะรู้ได้
5ข้าพเจ้าเคยรู้จักพระองค์เพียงจากคำพูดของผู้อื่น
แต่บัดนี้ดวงตาของข้าพเจ้าแลเห็นพระองค์
6เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงขอถอนคำพูด
และเป็นทุกข์เสียใจโปรยฝุ่นดินและขี้เถ้าบนศีรษะ”


12พระเจ้าทรงอวยพระพรชีวิตใหม่ของโยบมากกว่าชีวิตเดิม เขามีแกะหนึ่งหมื่นสี่พันตัว อูฐหกพันตัว โคเพศผู้หนึ่งพันคู่ และลาเพศเมียหนึ่งพันตัว 13เขามีบุตรชายเจ็ดคน และบุตรหญิงสามคน 14เขาเรียกชื่อบุตรหญิงคนแรกว่า “เยมีมาห์” คนที่สองว่า “เคสิยาห์” และคนที่สามว่า “เคเรนหัปปุค” 15ทั่วแผ่นดินไม่มีหญิงใดงดงามเท่ากับบุตรหญิงของโยบ บิดาให้เธอมีสิทธิรับมรดกเหมือนกับพี่ชายและน้องชายของเธอ 16โยบยังมีชีวิตอยู่ต่อมาอีกหนึ่งร้อยสี่สิบปี ได้เห็นบุตร หลาน เหลน ถึงสี่ชั่วอายุ 17แล้วโยบก็สิ้นชีวิตในวัยชราอันยาวนานและผาสุกอรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• พระเจ้าทรงประทับอยู่ย่างเงียบ ทรงเงียบยาวนานที่สุด พระองค์ฟังมาตลอดทั้งสี่สิบบทของหนังสือโยบก็ว่าได้ และพระเจ้าตรัสเป็นในตอนท้ายสุด พระองค์ตรัสตำหนิเพื่อนของโยบทุกคนด้วย ที่บังอาจ บังอาจ แสดงปรีชาญาณที่แสนมืดมน ความพยายามของเพื่อนๆของโยบทั้งสามคนนั้นแม้ถือว่าเป็นปรีชาญาณของมนุษย์ เป็นปรีชาญาณที่คิดว่าที่สุดจริงๆ แต่ก็ช่างไร้ความรู้แท้และวิจารณ์โยบด้วยทฤษฎีมากมามายที่ไร้ปรีชาญาณ 


• พระเจ้าทรงพิโรธพวกเขาทั้งสาม ทั้งบิลดัด โศฟาร์ และเอลีฟัส ที่บังอาจมาหาทางอธิบายหาเหตุผลเรื่องความเจ็บป่วยของโยบ พวกเขาทั้งสามคนไม่ได้ชอบธรรมกว่าโยบ แต่พยามอ้างทฤษฎีมากมายเพื่อจัดการให้โยบยอมจำนน อ่านตอนนี้กันก่อนนะครับ...

o “7เมื่อพระยาห์เวห์ตรัสพระวาจาเหล่านี้แก่โยบแล้ว

o พระองค์ตรัสกับเอลีฟัสชาวเทมานว่า “ความโกรธของเราพลุ่งขึ้นต่อท่าน และต่อเพื่อนทั้งสองคนของท่าน เพราะท่านทั้งหลายไม่ได้พูดถึงเราอย่างถูกต้อง ต่างจากโยบผู้รับใช้ของเรา 8จงนำโคเพศผู้เจ็ดตัวและแกะเพศผู้เจ็ดตัวไปพบโยบผู้รับใช้ของเรา และถวายสัตว์เหล่านี้เป็นเครื่องเผาบูชาสำหรับตน โยบผู้รับใช้ของเราจะอธิษฐานภาวนาแทนท่าน เพื่อเราจะไม่ลงโทษท่านตามความโง่ของท่านเพราะเห็นแก่เขา ท่านทั้งหลายไม่ได้พูดถึงเราอย่างถูกต้อง ต่างจากโยบผู้รับใช้ของเรา” 

o 9เอลีฟัสชาวเทมาน บิลดัดชาวชูคาห์ และโศฟาร์ชาวนาอามัทจึงไปทำตามที่พระยาห์เวห์ทรงสั่ง และพระยาห์เวห์ทรงพระกรุณารับคำอธิษฐานภาวนาของโยบ”

• พ่อจะตีความตอนนี้ว่า นี่อย่างไรคำพร่ำพูดและแสดงความคิดมากมาย หาทางตอบทางปัญญาเรื่องความเจ็บป่วยของโยบ พวกเขาใช้ทฤษฎีกันมากๆ แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง จนกระทั่งพระเจ้าเริ่มตรัสบาง ทรงตั้งคำถามโยบมากมาย แต่โยบกลับไม่สามารถตอบได้แม้แต่คำถามเดียว


• ดังนั้น ถ้าจะถามว่า อะไรคือคำตอบที่แท้จริงของความเจ็บป่วยของโยบ หรือของทุกคนที่ได้ชื่อว่าเหมือนโยบ เพราะ “โยบคือตัวแทนประสบการณ์ของมนุษย์ทุกคน”


• พี่น้องที่รัก ลูกๆที่รักเอ๊ย... แล้วพ่อสมเกียรติจะมีปัญญาตอบคำถามเรื่องความเจ็บป่วยของมนุษย์เราได้ อย่างไร?? ในเมื่อโยบยังหาคำตอบไม่ได้ ในเมื่อบิลดับ โศฟาร์และเอลีฟัส ซึ่งเป็นสุดยอดปราชญ์แห่งตะวันออกยังจนมุม ทุกทฤษฎีก็ดูเหมือนต้องเงียบงันเป็นใบ้ไปหมดเลย... แล้วพ่อจะตอบอย่างไรเล่า อืม... พ่อเรียนพระคัมภีร์มาก็ต้องตอบด้วยพระคัมภีร์นี่แหละครับ เรามาสรุปความคิดจากหนังสือเล่มนี้ด้วยกันนะครับ....
o ผู้เขียนนิพนธ์พระคัมภีร์ได้พาเราทุกคนให้พิจารณาเรื่องราวของผู้ชอบธรรมคน หนึ่งที่ต้องทนทุกข์แสนสาหัส สภาพการณ์เช่นนี้ขัดแย้งโดยตรงกับความคิดที่เคยเชื่อถือกันมาแต่เดิมที่ว่า การกระทำของคนเราจะได้รับรางวัลหรือถูกลงโทษระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลก นี้ ทุกคนยอมรับทฤษฎีนี้โดยดุษฎีตราบใดที่เป็นกรณีของชนทั้งชาติ

o มีคำถามว่าทำไมคนดีจึงต้องรับทุกข์ทรมานขนาดนี้ด้วย ดังที่เรื่องของโยบเป็นตัวอย่าง 

o ผู้อ่านรู้แล้วจากเรื่องที่เล่าในอารัมภบทว่าความทุกข์ทรมานของโยบไม่ได้มา จากกระทำของพระเจ้า แต่มาจากการกระทำของซาตานเป็นการทดสอบความซื่อสัตย์ของโยบ 

o แต่โยบไม่รู้เรื่องนี้ เพื่อนของเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้ด้วย เพื่อนเหล่านี้จึงเสนอการแก้ปัญหาแบบดั้งเดิมที่เคยถือกันมาในหลายๆวิธีการ ทางอธิบายทางปัญญา เช่นกล่าวว่า
1. ความสุขของคนชั่วนั้นไม่จีรังยั่งยืน (ดู สดด บทที่ 37 และ 73) 
2. หรือกล่าวว่าความทุกข์ของคนดีเป็นเครื่องทดสอบความเข้มแข็งของเขา (ดู ปฐก 22:12) 
3. หรือความทุกข์เช่นนี้อาจเป็นการลงโทษความผิดที่เขาเคยทำไปโดยไม่รู้ตัวหรือเพราะความอ่อนแอ (ดู สดด 19:12; 25:7)

o เพื่อนทั้งสามคนของโยบเสนอคำอธิบายต่างๆ เหล่านี้โดยที่ยังคิดว่าโยบเป็นผู้บกพร่อง บาป หรือขาดความบริสุทธิ์ไม่มากก็น้อย 

o แต่เสียงคร่ำครวญที่โยบเปล่งออกมาด้วยความเจ็บปวด และอดทนพระเจ้าแทบไม่ได้นั้น ทำให้เพื่อนของเขาเชื่อมั่นว่าโยบมีความผิดอยู่ลึกๆ บาปหนักเท่านั้นจึงอธิบายเหตุผลของความทุกข์เช่นนี้ได้ 

o คำปราศรัยของเอลีฮูกล่าวย้ำและขยายความคำอธิบายเหล่านี้ด้วย ความทุกข์ทรมานของผู้ที่คนทั่วไปคิดว่าเป็นผู้ชอบธรรมนั้น เป็นการชดเชยบาปการละเว้นไม่ประกอบความดีหรือการทำบาปโดยขาดความยั้งคิด หรือเป็นการป้องกันไม่ให้ทำผิดหนักขึ้นและเป็นการแก้ไขความหยิ่งยโส (นี่คือความคิดใหม่เอี่ยมของข้อความตอนนี้) แต่เอลีฮู แม้จะไม่ใช้ถ้อยคำรุนแรงเหมือนกับเพื่อนอีกสามคนของโยบ ก็เชื่อว่าบาปกับความทุกข์นั้นมีความสัมพันธ์กันแน่ๆ

• โยบประท้วงไม่ยอมรับทฤษฎีเคร่งครัดเรื่องเหตุและผลเช่นนี้ โดยอ้างว่าตนรู้ดีถึงความบริสุทธิ์ของตน เขาไม่ปฏิเสธหลักการว่าพระเจ้าทรงให้บำเหน็จรางวัลความดีและลงโทษความชั่วใน โลกนี้ได้ อันที่จริงเขาเองก็มีชีวิตอยู่ด้วยความหวังเช่นนั้น และพระเจ้าก็ประทานบำเหน็จรางวัลให้เขาตอนจบด้วย 


• แต่ในขณะนี้พระเจ้าทรงขยักรางวัลนี้ไว้ไม่ประทานให้เขา นี่คือปัญหาของโยบ และเขาพยายามค้นหาความหมายของเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ แต่ก็หาไม่พบ ขณะที่กำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส 


• เขาทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า พระองค์กลับทรงหนีเขาไปกระนั้นหรือ 


• แต่โยบยังคงวางใจในพระทัยดีของพระองค์ ในที่สุดเมื่อพระเจ้าทรงสำแดงพระองค์เพื่อบอกโยบว่าไม่มีใครเข้าใจพระองค์ และแผนการณ์ของพระองค์ได้ทั้งหมด เพราะพระองค์คือเจ้าของธรรมล้ำลึกที่เกินความเข้าใจ และชีวิตของมนุษย์ก็ยังเป็นธรรมล้ำลึกเฉกเช่นความล้ำลึกของโลกจักรวาลที่โยบ ไม่สามารถตอบอะไรได้เลย โยบก็พูดอะไรไม่ออก และต้องเงียบงันไปจริงๆ

• พี่น้องที่รัก คำสอนของหนังสือโยบก็คือ

o เรายังคงต้องมีความเชื่อมั่นในพระเจ้าอยู่เสมอ แม้เมื่อเราไม่เข้าใจว่าทำไมพระองค์จึงทรงกระทำดังที่ปรงปฏิบัติ ในช่วงนี้ของการที่พระเจ้าทรงเปิดเผยความจริงแก่มนุษย์ ผู้แต่งหนังสือโยบไม่อาจแสดงความคิดเห็นได้มากกว่านี้ 

o เราไม่อาจเข้าใจเหตุผลอันลึกล้ำของการที่ผู้บริสุทธิ์ต้องรับความทุกข์ทรมาน ได้ เราต้องรอจนกว่าพระเจ้าจะทรงเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับชีวิตหน้า และพระเจ้าจะประทานบำเหน็จรางวัลความดีและการลงโทษความชั่วให้ภายหลังความ ตายให้แก่มนุษย์ และทรงเปิดเผยให้เรารู้คุณค่าของการทนทุกข์ทรมานโดยการร่วมทนทุกข์กับพระค ริสตเจ้า

• ข้อความสองตอนจากข้อเขียนของนักบุญเปาโลให้คำตอบแก่โยบได้ “ความทุกข์ทรมานในปัจจุบันเปรียบไม่ได้เลยกับพระสิริรุ่งโรจน์ที่จะทรง บันดาลให้ปรากฏแก่เรา” (รม 8:18) และ “ข้าพเจ้ายินดีที่ได้รับทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ความทรมานของพระคริสตเจ้ายังขาดสิ่งใด ข้าพเจ้าก็เสริมให้สมบูรณ์ด้วยการทรมานในกายของข้าพเจ้าเพื่อพระกายของ พระองค์ คือพระศาสนจักร” (คส 1:24)


• วันนี้เราจึงจบการอ่านโยบอย่างมีความสุขและมั่นใจ ไม่ใช่ว่าเราจะต้องสามารถรู้ทุกอย่างในเรื่องธรรมล้ำลึกของความเจ็บป่วยของ ร่างกาย


• แต่สาระสำคัญคือท่าทีของการวางตัวต่อพระเจ้าในยามนั้น “เราต้องเชื่อในพระเจ้าเสมอ แม้เราไม่เข้าใจ”


• ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ “ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ (Why)” แต่ปัญหาอยู่ที่ “ท่าทีของโยบต่อพระเจ้านั้นเป็นอย่างไร (How)”


• การเยี่ยมเยียนผู้ป่วยไม่ใช่เวลาของการหาเหตุผล แต่เป็นเวลาของความเชื่อและความรัก ที่ทำให้เราต้องอยู่เงียบๆ เป็นเพื่อน ในความรักและในความเชื่อ แม้ความเจ็บปวดจะหนักขึ้นจนตายจากกันไปตามธรรมชาติ การ “อยู่” คือสิ่งที่พระเจ้าทำกับโยบอย่างเงียบๆ ทรงประทับอยู่กับโยบตั้งแต่เริ่มต้นจนจบที่ 42 ทีเดียว


• การประทับอยู่ของพระเจ้านั้นโอบกอดทุกอย่างรวมทั้งความเจ็บปวดแสนสาหัสนั้น ไว้ในอ้อมกอดนิรันกาล ที่โยบหรือเราเองทุกคนสามารถเชื่อได้เต็ม เชื่อและวางใจในพระเจ้าได้เต็มเปี่ยมถึงแม้ว่าเราไม่สามารถเข้าใจความเจ็บ ป่วยและความตายได้ทั้งหมดก็ตาม....


• พี่น้องที่รัก....พ่อสรุปว่า ชีวิตของเรานั้น อันที่จริง เรากำลังเจริญชีวิตอยู่ในแคปซูลแห่งความรักนิรันดรของพระเจ้า พระองค์ทรงโอบเราไว้ในพระองค์เหมือนตัวยาที่อยู่ในแคปซูล 


• เราอยู่ในความรักของพระเจ้าเสมอไป และเราสามารถมั่นใจได้ตลอดไป (Life Encapsulated in His Eternal LOVE) ชีวิตเราอยู่ในอ้อมกอดของพระองค์ทั้งหมด... ใช่ครับอยู่ในอ้อมกอดตลอดกาลของพระองค์ ซึ่งรวมทั้งบาดแผลแห่งความทุกข์และความเจ็บป่วยเพราะธรรมชาติที่อ่อนแอของ เราด้วย แต่ แต่ แต่ ชีวิตของเราทุกคนไม่ได้จบเพียงในโลกนี้เท่านั้น เพราะเรามีชีวิตนิรันดรในพระองค์อย่างแน่นอนเช่นกัน... วางใจในพระเช้าเช่นโยบเสมอแม้ไม่เข้าใจทุกอย่าง แต่ในที่สุด ก็เป็นพระเจ้า เป็นพระองค์จะทรงประทานความสุขนิรันดรแก่เราทุกคน ขอพระเจ้าอวยพรครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก